"ทนายเชาว์ " ซัด “นรวิชญ์-ภูมิธรรม” อ้างขายข้าวในสต๊อกได้ราคาดี หวังขอพิจารณาคดีใหม่ แค่สร้างวาทกรรมเบี่ยงสาระของคดี ชี้คำพิพากษาศาลสูงสุดถึงที่สุดแล้ว
วันนี้(23 พ.ค. 68) นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแสดงความเห็นกรณีที่ นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความของน.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าคดีจำนำข้าวยังสามารถขอพิจารณาใหม่ได้ พร้อมยกกรณีการขายข้าวค้างสต็อกในราคาดีเพื่อหักล้างความเสียหายเดิมนั้น เป็นเพียง “ความพยายามสร้างกระแสทางการเมืองเพื่อเบี่ยงเบนประเด็นจากสาระของคดี”
นายเชาว์ระบุว่า ประเด็นที่ศาลปกครองสูงสุดใช้ในการวินิจฉัยคดีมิใช่เรื่องจำนวนข้าวเหลือในคลัง 18.9 ล้านตัน หรือราคาขายย้อนหลัง แต่คือการที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ทราบถึงความผิดปกติในการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (G2G) แล้วกลับละเลยไม่กำกับดูแล ทั้งที่ได้รับหนังสือแจ้งผลการตรวจสอบจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้ว โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) เพียงครั้งเดียวตลอดโครงการ จนนำไปสู่ความเสียหาย 20,057 ล้านบาท โดยศาลพิพากษาว่าต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กระทรวงการคลัง 10,028 ล้านบาท
“คำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดถือเป็นที่สุดตามมาตรา 73 แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองฯ และไม่เข้าเงื่อนไขการรื้อฟื้นคดีตามมาตรา 75” นายเชาว์ระบุ
นายเชาว์ ชี้ว่า การอ้างว่ามีข้าวเหลือในคลังซึ่งขายได้ราคาดีไม่ใช่พยานหลักฐานใหม่ เพราะเป็นข้อมูลที่ปรากฏอยู่ในสำนวนคดีแล้ว และศาลได้พิจารณาไปครบถ้วนแล้ว จึงไม่สามารถนำมาขอรื้อฟื้นคดีได้ตามกฎหมาย พร้อมเตือนด้วยว่า หากจะต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมในทางสังคม ควรยึดข้อเท็จจริงและหลักกฎหมาย ไม่ใช่สร้างวาทกรรมทางการเมืองที่อาจทำลายความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรม และทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่า ยังสามารถหักล้างความรับผิดในทางกฎหมายได้ ทั้งที่ศาลได้ชี้ขาดประเด็นอย่างชัดเจนแล้ว