'แทนคุณ' ยื่น 'วันนอร์' สั่ง สว.ต้องคดีฮั้วเลือกตั้ง หยุดปฏิบัติหน้าที่ อ้างประชาชนสุดเอือมพฤติกรรมบางคนขาดวุฒิภาวะ ไล่โชว์สปิริตลาออก ด้าน 'อจ.บุญส่ง' ด่าแรงคนรู้ทั้งประเทศยังมาโกหกจนลิ้นดำ ไม่เชื่อมีจิตสำนึกยอมลาออก-ยุติบทบาท
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 23 พ.ค.นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม พร้อมภาคประชาชน ยื่นหนังสือถึงนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรในฐานะประธานรัฐสภา โดยมีนายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้กำกับดูแลสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ.) ให้มีสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม โดยให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เพื่อเปิดทางให้มีการสืบสวนสอบสวนอย่างเต็มที่ และเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
นายแทนคุณ กล่าวว่า เนื่องจากมีเหตุอันควรสงสัย หรือความปรากฎต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ว่ามีการกระทำที่เป็นการฝ่าฝืนพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 ม.70 ประกอบม. 36 ม.77(1) และม. 62 โดยมีสว.ถูกตั้งข้อกล่าวหา และมีหลักฐานชัดเจนว่ากระทำความผิดในคดีพิเศษทั้งอั้งยี่ และฮั้วเลือกตั้งสว. รวมถึงกรณีที่สว.บางส่วนยื่นร้องเรียนให้อธิบดีดีเอสไอ.และอนุกรรมการสืบสวนของกกต. พ่วงดีเอสไอ. หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ซึ่งการกระทำลักษณะนี้เหมือนการแทรกแซงอำนาจการสอบสวนของพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย
นายแทนคุณ กล่าวต่อว่า ในฐานะที่ตนเป็นอดีต สส.และภาคประชาชนทนไม่ไหวต่อพฤติกรรมที่เกิดขึ้นในในลักษณะต่อต้านการตรวจสอบและปัดความรับผิดชอบต่อสังคม โดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมายและขาดวุฒิภาวะ ทำให้ภาพลักษณ์สภาไทยเสียหายรุนแรงอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน สว.หลายคนมีลักษณะยกตนข่มท่าน แสดงท่าทีตลกขบขัน เสียดสีอย่างไร้มารยาท เช่น แลบลิ้น ให้สัมภาษณ์เป็นภาษาต่างประเทศอย่างผิดกาลเทศะ เพียงเพื่อต้องการตอบโต้หรือหลีกหนีการตอบคำถามของสื่อ
นายแทนคุณ กล่าวอีกว่า พวกตนไม่สามารถทนดูสภาพที่อดสูที่เกิดขึ้นได้ จึงขอให้ประธานรัฐสภาหามาตรการดำเนินการให้สว.เหล่านี้หยุดปฎิบัติหน้าที่ชั่วคราว หรือหากให้ดีคือลาออกเพื่อแสดงสปิริตไม่เป็นการสิ้นเปลืองเงินภาษีของประชาชนต่อไป และสามารถอ้างได้ว่าสมาชิกรัฐสภายังมีศักดิ์ศรี คงเกียรติภูมิไว้ให้ลูกหลานได้ภูมิใจบ้าง เพราะหากยังมีพฤติกรรมน่าละอายต่อไปอาจจะเกิดเหตุการณ์บานปลายและไร้ความศรัทธาจากประชาชนจากการกระทำที่ไม่สง่างามเหล่านี้
“แม้ว่ากระบวนการยุติธรรมจะล่าช้ากว่าจะดำเนินการจนถึงที่สุด แต่กระบวนกฎแห่งกรรมที่อยู่ในของท่านจะเป็นตัวชี้วัดสำนึกความละอาย กลัวบาปที่กระทำลงไป ท่านย่อมทราบดีว่าที่ท่านทำคืออะไร และต้องยอมรับผลกฎนั้นแน่นอนและจะรวดเร็วกว่ากฎใดๆ” นายแทนคุณ กล่าว
นายแทนคุณ กล่าวต่อว่า ตนเคยสมัครสว.ในรอบที่ผ่านมา และเห็นว่ามีการนัดหมายกันก่อนวันเลือกตั้งทุกครั้ง ซึ่งไม่ใช่แค่สีน้ำเงิน ยังมีสีอื่นอีก ซึ่งสถานที่นัดหมายคือ พิพิธภัณฑ์ที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าแห่งหนึ่งแถวสยามสแควร์ตรงข้ามกับสนามกีฬาฯ ตนได้ผ่านคัดเลือกไปถึงระดับเขต ก็มีเลขออกมาตรงตามที่ล็อกไว้เลย 2 หมายเลข คะแนนนำโดดจนคนอื่นตามไม่ทัน ตนยังเก็บและจดตัวเลขเหล่านั้นไว้ หากจะให้ตนไปเป็นพยานก็ยินดี ทั้งนี้ที่ตนไม่ออกมาเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ เพราะยังอยากเห็นสำนึกของสว. แต่ตอนนี้สถานการณ์เรื่องการทุจริตลุกลามบานปลายจนได้ชื่อว่าเทาแลนด์ หากจะเริ่มต้นแก้ไขก็ควรเริ่มที่การเมืองซึ่งสามารถตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายได้อย่างเข้มข้น โดยเฉพาะจากสมาชิกวุฒิสภา ตนเชื่อว่าพวกเขาเหล่านี้รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป หากมีสำนึกก็ขอให้ลาออกเพราะจะสง่างามมากกว่าการถูกดำเนินคดี เพราะวันนั้นจะไม่เหลือที่ให้อยู่ในแผ่นดินไทย
ด้านนายบุญส่ง ชเลธร รองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษ สถาบันรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และรองหัวหน้าพรรคก้าวอิสระ กล่าวเสริมว่า แม้คนจะรู้กันทั่วประเทศ แต่ผู้ที่ถูกกล่าวหาก็ออกมาปฏิเสธกันจนลิ้นดำ ตนขอใช้คำว่าโกหกจนลิ้นดำ เพราะความหมายของมันไม่ใช่อยู่ที่การแลบลิ้นมาโชว์ว่าลิ้นขาวหรือไม่ แต่คือการโกหกจนเคยตัว เป็นสันดาน อย่างไม่น่าเชื่อถือ ทุกวันนี้เราปล่อยให้สว.ลิ้นดำทั้งหลายออกมาโฆษณาชวนเชื่อ ปกป้องตัวเอง ดังนั้น ตนจึงไม่เชื่อว่าคนเหล่านี้จะมีจิตสำนึกในการลาออกหรือยุติบทบาทหน้าที่ด้วยตัวเอง จึงขอเรียกร้องทุกฝ่ายรวมถึงประธานรัฐสภา และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนให้ช่วยกันสร้างกระแสกดดันให้สว.ที่ถูกกล่าวหายุติการปฏิบัติหน้าที่โดยทันที เพราะหากปล่อยไว้ สัปดาห์หน้าก็จะมีการรับรองกรรมการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ยิ่งเป็นการขัดกันของผลประโยชน์ชัดเจนจะปล่อยให้สิ่งเหล่านี้ดำเนินต่อไปไม่ได้
ขณะนายคัมภีร์ กล่าวว่า ตนจะรับเรื่องดังกล่าวเพื่อส่งต่อให้นายวันมูหะมัดนอร์พิจารณาดำเนินการต่อไป