“ประเสริฐ” ย้ำ รัฐบาลไม่ได้เพิกเฉยแก้ปัญหาแม่น้ำกก ยัน นายกฯ สั่งดูแลใกล้ชิด เตรียมประชุมหาข้อสรุปอีกครั้ง 27 พ.ค.นี้ เผย หารือรองนายกฯ มาเลเซีย ด้านน้ำ เตรียมตั้งคณะทำงานพัฒนาแม่น้ำโก-ลก ร่วมสองประเทศ ป้องกันน้ำท่วม-น้ำแล้ง
วันนี้ (23 พ.ค.) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยภายหลังการต้อนรับ ดาโตะ ซรี ฮาจี ฟาดิลละห์ บิน ฮาจี ยูซฟ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเปลี่ยนผ่านพลังงาน และปฏิรูปน้ำของมาเลเซีย ในโอกาสเยือนประเทศไทย ว่า ได้หารือการพัฒนาแม่น้ำโก-ลก ซึ่งเป็นแม่น้ำที่อยู่ฝั่งไทย และมาเลเซีย โดยการหารือเน้นไปที่ประเด็นปากแม่น้ำโกลก ที่ต้องบริหารจัดการให้เหมาะสมทั้งสองฝั่ง เพื่อป้องกันปัญหาภัยแล้ง และน้ำท่วม ที่ต้องทำควบคู่กัน
นอกจากนี้ ยังหยิบยกการหารือเตรียมจัดทำบันทึกข้อตกลงระหว่างไทย และมาเลเซีย ในการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโก-ลกเพื่ออนาคต บริเวณปากแม่น้ำจะบริหารจัดการอย่างไร รวมถึงการพัฒนาร่องน้ำ ซึ่งจะตั้งคณะทำงานร่วมกัน ก่อนจะพัฒนาไปทำบันทึกข้อตกลงร่วมกัน ซึ่งรูปแบบพัฒนาแม่น้ำโก-ลก จะคำนึงถึงพรมแดนที่เชื่อมไทย-มาเลเซีย โดยจะดูเรื่องของตลิ่ง ผลกระทบ จากการที่ทั้งสองประเทศ มีการสร้างผนังกั้นน้ำที่มีลักษณะแตกต่างกัน ดังนั้น จะดูแนวทางว่าฝั่งไทยมีโครงการด้านใด และฟังมาเลเซียมีโครงการด้านใดที่จะพัฒนา และจะมีเรื่องใดที่ทั้งสองประเทศจะพัฒนาร่วมกันได้
ส่วนความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาสารปนเปื้อนในแม่น้ำกก จังหวัดเชียงราย นายประเสริฐ กล่าวว่า ได้ประชุมเรื่องนี้ไปแล้วสองครั้ง ซึ่งมอบหมายให้อธิบดีกรมควบคุมมลพิษได้เดินทางไปดูในพื้นที่ การเก็บตัวอย่างน้ำที่มีข้อกังวลในเรื่องของสารปนเปื้อน ซึ่งจากข้อมูลเดิมไม่พบค่าที่เป็นอันตรายต่อประชาชน แต่รัฐบาลก็มีความกังวล จึงมีคำสั่งให้ตรวจถี่ขึ้นในทุกสัปดาห์ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ว่า คุณภาพน้ำ เป็นคุณภาพที่ประชาชนสามารถใช้อุปโภคบริโภคได้
สำหรับกรณีในพื้นที่พบตุ่มขึ้นในสัตว์น้ำ ที่คาดว่ามาจากสารปนเปื้อนนี้ นายประเสริฐ ระบุว่า ได้กำชับเจ้าหน้าที่ดูในเรื่องของระบบนิเวศด้วย โดยเฉพาะคุณภาพน้ำ ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ซึ่งตอนนี้ทางกรมควบคุมมลพิษ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงจังหวัด ได้เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้ประสานไปอย่างทางการเมียนมา เพื่อให้เกิดการพูดคุยกัน นำไปสู่การแก้ไขปัญหา ซึ่งสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติก็เตรียมที่จะพูดคุยกับทางการเมียนมาด้วย ซึ่งเข้าใจว่าสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการที่ทางฝั่งเมียนมา มีการทำเหมืองทอง และมีการใช้สารเคมีบางอย่าง ซึ่งทางการไทยตั้งเป็นประเด็นนี้อยู่
ส่วนทางการเมียนมาการันตีได้ หรือไม่ไม่ว่าจะพูดคุยกับกลุ่มหว้า เพื่อแก้ปัญหานี้ นายประเสริฐ กล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องนี้ ซึ่งหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ก็พยายามหาวิธีในเรื่องนี้ เนื่องจากพื้นที่บริเวณฝั่งเมียนมายังมีปัญหาภายในอยู่ เชื่อว่า ทางทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีวิธีสื่อสารที่จะพูดคุยกันได้ เนื่องจากส่งผลกระทบต่อประเทศไทย
ขณะที่การเยียวยาประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบนั้น นายประเสริฐ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่พบความเสียหายที่รุนแรงเกิดขึ้น พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้เพิกเฉย และล่าช้าในการแก้ปัญหานี้ เพราะนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการแก้ปัญหานี้อย่างใกล้ชิด โดยในวันอังคารที่ 27 พฤษภาคมนี้ จะพูดคุยเพื่อสรุปเรื่องนี้อีกครั้ง