ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ “มหากาพย์จำนำข้าว” ทำท่ายังไม่จบ ทนายฮึดสู้ต่อ อ้างมีหลักฐานใหม่ “ยิ่งลักษณ์”ตัดพ้อ 11 ปีรัฐประหาร เจ็บปวดที่สุด ต้องมาใช้หนี้หมื่นล้านที่ไม่ได้ก่อ ทีคนยึดอำนาจเอาข้าวดีไปขายเป็นข้าวเน่า ไม่เห็นมีใครทำอะไรได้
“โครงการจำนำข้าว” ในรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ถูกเช็กบิลหลัง คสช. ยึดอำนาจ เมื่อ 22 พฤษภาคม 2557
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินจำคุก “บุญทรง เตริยาภิรมย์” รมว.พาณิชย์ 42 ปี , “ภูมิ สาระผล" รมช.พาณิชย์ 36 ปี ,“เสี่ยเปี๋ยง” อภิชาต จันทร์สกุลพร พ่อค้าข้าว 48 ปี ฐานทุจริต ระบายข้าว “จีทูจี”
“ยิ่งลักษณ์” ถูกตัดสินจำคุก 5 ปี ฐานเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ แต่ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้ง
รัฐบาล “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังมีคำสั่งกระทรวงการคลัง ให้ “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีปล่อยให้มีการทุจริตจำนำข้าว เป็นเงินกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท
“ยิ่งลักษณ์”และสามี คือ "อนุสรณ์ อมรฉัตร" จึงตั้งทนายฟ้อง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”กับพวก ต่อศาลปกครอง ให้ยกเลิกเพิกถอน เพราะเป็นคำสั่งที่มิชอบด้วยกฎหมาย
ปี 2564 ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาว่า “ยิ่งลักษณ์” ไม่ผิด ไม่ต้องชดใช้เงิน 3.5 หมื่นล้านบาท เนื่องจากกระทรวงการคลัง ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า “ยิ่งลักษณ์” เป็นผู้กระทำให้เกิดความเสียหายโดยตรง
ทางหน่วยงานรัฐจึงยื่นอุทธรณ์คดี ต่อศาลปกครองสูงสุด
และวันที่ 22 พ.ค.2568 ซึ่งตรงกับวันครบรอบ 11 ปี รัฐประหาร ศาลปกครองสูงสุดก็กลับคำตัดสินของศาลปกครองกลาง ให้ “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้เงินจำนวน 10,028 ล้านบาท
ด้วยเหตุผลที่ว่า “ยิ่งลักษณ์” ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อ อย่างร้ายแรง เป็นเหตุให้กระทรวงการคลัง ได้รับความเสียหาย จึงต้องรับผิด ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่กระทรวงการคลัง ซึ่งในการระบายข้าว จีทูจีนั้น มีความเสียหายรวมเป็นเงิน 20,057,723,761 บาท
แต่ความเสียหายครั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องหลายคน และเจ้าหน้าที่แต่ละคนต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนเฉพาะส่วนของตนเท่านั้น จึงสมควรกำหนดสัดส่วนความรับผิดของ “ยิ่งลักษณ์” ให้รับผิดในอัตราร้อยละ 50 คิดเป็นเงิน 10,028,861,880 บาท
“มหากาพย์จำนำข้าว” ที่ยืดเยื้อมาเกือบ 10 ปี น่าจะปิดฉากลงได้ เพราะเดินมาสุดทางแล้ว... ในส่วนคดีอาญา “ยิ่งลักษณ์” ก็ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสิน จำคุก 5 ปีไปแล้ว คดีระบายข้าว จีทูจี ผู้ที่เกี่ยวข้องในการทุจริต ก็ถูกตัดสินจำคุกไปแล้ว และศาลปกครองสูงสุด ก็ตัดสินให้ “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 10,028 ล้านบาท ไปแล้วเช่นกัน
แต่ “นรวิชญ์ หล้าแหล่ง” ทนายความของยิ่งลักษณ์ บอกว่า คำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ให้ “ยิ่งลักษณ์” รับผิดในขั้นตอนการระบายข้าวแบบจีทูจี เพราะเห็นว่ามีการทุจริต แต่อย่าลืมว่าขั้นตอนการระบายข้าวนั้น อยู่ในขั้นตอนของฝ่ายปฏิบัติ มีคณะอนุกรรมการการระบายข้าวเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ ซึ่งขณะนั้นมี รมว.พาณิชย์ “บุญทรง เตริยาภิรมย์” เป็นประธาน
เมื่อมีการรัฐประหาร วันที่ 22 พ.ค.57 ยังมีข้าวคงเหลือในคลังประมาณ18.9 ล้านตัน ในส่วนนี้คำสั่งของกระทรวงการคลัง บอกว่า ถ้าทางราชการขายข้าวได้ในราคาที่สูงกว่ามูลค่าที่อนุกรรมการฯ ปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวคำนวณไว้ เมื่อ 22 พ.ค.57 ก็สามารถนำมาหักทอนกับที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องรับผิดชอบได้
ข้าว 18.9 ล้านตันนั้น ช่วงปี 2558 -2562 มีการนำข้าวดี ไปจัดเกรดขายเป็นข้าวเน่า ในราคา 3-5 บาท ต่างจากในช่วงปี 2567 ที่ “ภูมิธรรม เวชยชัย” เป็น รมว.พาณิชย์ ขายข้าวลอตสุดท้าย ได้ราคาถึงกก.ละ18 บาท ได้เงินไปประมาณหมื่นล้านบาท แต่ยอดรวมที่ขายมาทั้งหมดกว่า 2 แสนล้านบาท
ดังนั้น “ยิ่งลักษณ์” อาจจะไม่ต้องชดใช้เลยแม้แต่บาทเดียวก็ได้
ชัดๆ คือจะเอายอดเงินขายข้าวทั้งหมดมาหักลบกลบหนี้ 10,028 ล้านบาท ...อย่างนี้ก็ทำได้ด้วยหรือ?!!
“ทนายนรวิชญ์” ยังบอกว่า การขายข้าวส่วนนี้ ถือว่าเป็นพยานหลักฐานใหม่ ซึ่งก่อนหน้านั้นทีมทนายพยายามยื่นเข้าไปในคดีนี้แล้ว แต่ระยะเวลาการยื่นนั้นมันสิ้นสุดการแสวงหาข้อเท็จจริงแล้ว ศาลฯ จึงไม่รับไว้
แต่วันนี้ ทีมทนายหารือกันว่า จะนำประเด็นนี้ไปยื่นอีกครั้ง ขอให้ศาลฯ ยกคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่ได้หรือไม่ ถ้าศาลรับไว้พิจารณา ก็สู้กันอีกยก แต่ถ้าศาลไม่รับ ก็เป็นอันว่าคดีสิ้นสุด!
ด้าน “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ที่ขณะนี้หนีคดีอยู่ต่างประเทศมาเป็นเวลาเกือบ 8 ปีแล้ว เมื่อรู้ว่าศาลปกครองสูงสุดสั่งให้ชดใช้เงินหมื่นล้าน ก็ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบายร่ายยาวเป็นพิเศษ เพราะปกติมักจะโพสต์แค่ไม่กี่บรรทัด
“ยิ่งลักษณ์” บอกว่าเป็นความเจ็บปวดที่สุด เมื่อ 11 ปีที่แล้ว 22 พ.ค.2557 รัฐบาลตนเองถูกรัฐประหาร และวันนี้ ศาลปกครองสูงสุด สั่งให้ต้องชดใช้หนี้กว่า10,000 ล้าน จากคดีระบายข้าว ทั้งที่ตนเองไม่ได้เป็นจำเลยในคดีนี้ เป็นหนี้ที่ตนเองไม่ได้ก่อ และศาลปกครองกลางก็เคยตัดสินมาแล้วว่า ไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหาย
นโยบายรับจำนำข้าว มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก มีเจตนาช่วยเหลือให้พี่น้องชาวนา ได้ลืมตาอ้าปาก จากที่เคยอยู่อย่างยากจน แร้นแค้น ให้ขายผลผลิตได้ในราคาสูง มีกิน มีใช้ มีเงินเหลือ ส่งลูกหลานเรียนหนังสือจนจบ แต่กลับถูกกล่าวหาว่าทำให้เกิดความเสียหาย
“ยิ่งลักษณ์” ยังโพสต์ในเชิงตั้งคำถามว่า หลังรัฐประหาร รัฐบาลเวลานั้นเอาข้าวดี ไปขายเป็นข้าวเน่า ข้าวที่เหลือในโกดัง 18.9 ล้านตัน ถูกขายในราคาต่ำกว่าที่ควรจะได้รับ คิดเป็นมูลค่าส่วนต่างนับแสนล้านบาท แต่ไม่มีใครตรวจสอบ และหาคนรับผิดชอบไม่ได้จนถึงปัจจุบันนี้
ขณะที่ตนเองต้องมาถูกยึดอำนาจ ยัดคดี อายัดทรัพย์ และ เอาเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้อง มาบังคับให้ใช้หนี้
ความรู้สึกแบบนี้ไม่เกิดขึ้นกับตัวเอง ก็คงไม่มีใครรู้ ดังนั้นจะเรียกร้องต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมจนถึงที่สุด
ต้องติดตามกันต่อไปว่า เรื่องจำนำข้าวจะจบลงแค่นี้ หรือ ยังมีภาคต่อ
++ ดรามา “อุ๊งอิ๊งค์” ทัวร์ลอนดอน-มอนติคาร์โล ไม่พบผู้นำ-ไม่พาสื่อไป หรือมีอะไรซ่อนเร้น ?
ขณะที่ “อาปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดนหนัก ถูกศาลปกครองสูงสุดตัดสินให้ชดใช้เงิน 1 หมื่นกว่าล้าน จากความเสียหายในขั้นตอนการระบายข้าวจีทูจี ในโครงการจำนำข้าว “หลานอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร ก็กำลังทัวร์ยุโรป
ท่ามกลางดรามาเล็กๆ เมื่อหลายคนตั้งคำถามว่า ทัวร์ต่างประเทศเที่ยวนี้ มันคุ้มกับค่าเครื่องบิน-ค่าที่พัก-ค่าอาหารการกิน ที่ต้องเสียไปสักแค่ไหน
ตามคำแถลงของ “จิรายุ ห่วงทรัพย์” โฆษกทำเนียบรัฐบาล ที่ออกมาตั้งแต่วันที่19 พ.ค.ก็บอกว่า โปรแกรมทัวร์ของ “นายกฯอิ๊งค์” รอบนี้ มีขึ้นระหว่างวันที่ 21-25 พ.ค. เป็นการลุยเปิดประตูการค้าในสหภาพยุโรป พร้อมผลักดันซอฟต์เพาเวอร์ไทย ให้กระหึ่ม
โดยบินถึงลอนดอนวันที่ 21 พ.ค. มีโปรแกรมเยี่ยมชมค่ายมวยไทย เปิดตัวตรา Thai SELECT โฉมใหม่
ตามด้วย ร่วมกิจกรรม In-store Promotion และประชาสัมพันธ์สินค้าไทย ณ ห้างค้าปลีก Wing Yip Superstore สาขา Cricklewood ในวันที่ 22 พ.ค.
จากนั้น 23 พ.ค. จะบินไปยังเมืองมอนติคาร์โล ราชรัฐโมนาโก เพื่อหารือกับผู้บริหารระดับสูงของเจ้าของสิทธิ์การแข่งขันรถยนต์สูตรหนึ่ง “Formula 1” เพื่อศึกษาความเป็นไปได้สำหรับการจัดการแข่งขัน F1 รูปแบบในเมือง ในประเทศไทย
เห็นโปรแกรมแล้ว ก็ถามกันให้เซ็งแซ่ว่า ภารกิจที่จะไปทำมันสำคัญ หรือจำเป็นเร่งด่วนแค่ไหน ที่คนระดับนายกฯ จะต้องบินไปเอง ทั้งๆที่ในประเทศมีเรื่องอื่นที่สำคัญเร่งด่วนกว่า ทั้งเรื่องราคาผลไม้ พืชผลการเกษตรตกต่ำ เรื่องเตรียมรับมือภาษีทรัมป์ ...
อดีต สว. “สมชาย แสวงการ” โพสต์เฟซบุ๊กถามด้วยตัวหนังสือ ตัวโตๆ ว่า “ทำไม อุ๊งอิ๊งค์ ใช้งบไปอังกฤษ โมนาโก ไม่มีพบนายกฯอังกฤษ ผู้นำ ตปท. ไม่ให้นักข่าวTV นสพ.ตามไปทำข่าวภารกิจการเยือนต่างประเทศ # ผิดปกติมั้ย # ปปชสตง #ตรวจสอบ #ภารภิจจริง ? # ส่วนตัวหรือส่วนรวม”
นัยตามที่ “อดีตสว.สมชาย” ตั้งข้อสังเกต ก็คือ ตามปกติ ถ้านายกฯไปภารกิจต่างประเทศ ควรจะเป็นงานที่ “ผู้นำ” ไปเจอ “ผู้นำ” ไม่ใช่แค่ไปเยี่ยมค่ายมวย ไปดูสินค้าไทยในห้างค้าปลีก งานระดับนี้ส่งอธิบดีกรมสักกรมหนึ่งไป ก็น่าจะได้มั้ย ?
ส่วนเรื่องไปคุยกับผู้จัด F1 นั่น ประธานของเขาก็เคยมาคุยที่ทำเนียบรัฐบาล สมัยนายกฯ “เศรษฐา ทวีสิน” แล้วตกลงว่าจะจัดในปี 2027 ไม่ใช่หรือ จะไปคุยทำไมอีก ?
แล้วก็ที่บอกว่า ไปเที่ยวนี้จะลุยเปิดตลาดสินค้าไทยในสหภาพยุโรป ถามว่า สหภาพยุโรป ยังไงก่อน?
สหราชอาณาจักร หรืออังกฤษ เขาถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า เบร็กซิต ตามผลการลงประชามติ ตั้งแต่ปี2559 แล้วจ้า
ส่วนราชรัฐโมนาโก ก็ไม่เคยเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปเลย
เมื่อวาน (22 พ.ค.) อดีตสว.สมชาย แสวงการ โพสต์ตอกย้ำอีกดอกว่า “ปัญหาเจรจาการค้าอยู่ที่สหรัฐฯ แต่ไปอังกฤษ เพื่อบุกตลาดอียู? #ฉลาดล้ำการใช้เงินหลวงใช้ของหลวง สวมรอยกำหนดการเพื่อส่วนตัว ? ป.ป.ช.เคยชี้มูล ขรก.ท้องถิ่นติดคุกนับพันคดี #สตง #ปปช #ตรวจสอบ #ภารกิจนายก”
โดนกระหน่ำแบบนี้ “จิรายุ ห่วงทรัพย์” ทนไม่ไหว ส่งข่าวแจกผ่านสื่อมวลชน ตอบโต้ “อดีต สว.สมชาย” ซึ่งก็ดูเหมือนจะชี้แจงเหตุผลเรื่องนายกฯ ไม่จำเป็นต้องพาสื่อไปด้วย แต่คำชี้แจงก็เจือด้วยถ้อยคำเหน็บแนมต่างๆ นานา เช่นว่า เป็นขาประจำ, คนวัยนี้เอาใจยาก, หงุดหงิด อิจฉาตาร้อน เพราะนายกฯ จะทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี เป็นต้น
ก็น่าเสียดาย ที่ “จิรายุ ห่วงทรัพย์” ไม่ได้ตอบให้เคลียร์ว่า ภารกิจตามที่ว่ามา มันจำเป็นอะไรมากมายที่นายกฯ ต้องไปเอง แล้วผลที่ได้ มันจะยิ่งใหญ่อลังการ ถึงขั้นนำสินค้าไทยครองตลาดสหภาพยุโรปอย่างที่โม้ไว้หรือเปล่า
นี่ตัดข้อสงสัยเรื่องมีอะไรหมกเม็ดในโปรแกรมทัวร์ออกไปก่อนนะ เอาแค่ว่าทำงานเป็นหรือเปล่า แค่นี้ก็ไม่น่าจะผ่านแล้ว.