xs
xsm
sm
md
lg

"โรม" จี้ "อิ๊งค์-อ้วน-มาริษ" คุยจีนแก้สารพิษแม่น้ำกก ฉะล่าช้า-ไร้น้ำยา แนะฟ้องศาล อย่างน้อยเอามาเรียกค่าเสียหายได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"โรม" จี้เรียงคน "นายกฯ อิ๊งค์-ภูมิธรรม-มาริษ" ถ้าอยากแก้ปัญหาสารพิษในแม่น้ำกก ต้องคุยจีน ถามทำไมคนไทยต้องรับชะตากรรมทั้งที่ไม่ได้ก่อ ฉะรัฐบาลล่าช้า ทำคนมองไร้น้ำยา แก้ปัญหาไม่ได้ แนะฟ้องศาล อย่างน้อยเอามาเรียกค่าเสียหาย

วันนี้(22 พ.ค.) นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ถึง ปัญหาสารพิษในแม่น้ำกก จังหวัดเชียงราย ว่า คณะกรรมาธิการได้ลงพื้นที่ที่แม่น้ำกก พบสารหนูหนักที่สุด เกินกว่าค่ามาตรฐานจริงโดยเฉพาะบริเวณที่ไหลจากเชียงใหม่มาสู่เชียงรายจะมีความเข้มข้นมาก หากเรื่องนี้จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัยรองนายกรัฐมนตรีเสนอให้ทำเขื่อน ตนไม่แน่ใจว่าเข้าใจผิดหรือมีคนมารายงานไม่ถูกต้องหรืออย่างไร จริงๆมีการเสนอให้ทำฝายไม่ใช่เขื่อน ซึ่งทำได้ตั้งแต่ฝ่ายชั่วคราวจนไปถึงฝายถาวร แต่อยู่ที่ว่าเราจะประเมินปัญหาว่าหนักแค่ไหนและจะกินระยะเวลาเท่าไหร่
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า การทำฝาย จะช่วยแก้ปัญหา ไม่ให้สารหนูกระจายไปยังแม่น้ำกกส่วนอื่นๆ รวมถึงแม่น้ำโขง แต่จะเกิดปัญหาตะกอนที่เกาะกับสารหนู และขั้นตอนต่อไปที่จะต้องทำคือดูดตะกอน เพื่อเอาไปบำบัดจัดการ ซึ่งในพื้นที่ดังกล่าวไม่มีศักยภาพที่จะทำได้เอง ต้องส่งไปที่จังหวัดสระบุรี ก็จะมีภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนที่จะต้องใช้ในการแก้ปัญหา

ดังนั้น จึงเกิดคำถามที่ว่าทำไมคนไทยถึงจะต้อง รับชะตากรรมกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในแม่น้ำกก ทั้งๆที่เราไม่ได้เป็นคนก่อ และไม่ได้เป็นคนที่ทำให้ปัญหานี้เกิดขึ้น ปัญหานี้มีสาเหตุมาจากการทำเหมืองทองฝั่งเมียนมา จากกลุ่มว้า ซึ่งจากคลิปวีดีโอพบว่ามีการทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างสิ้นเชิงมีการร่อนแร่โดยใช้แม่น้ำธรรมชาติ และไหลสู่แม่น้ำธรรมชาติโดยตรง

ปัญหาแม่น้ำกกเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นรุนแรง และบรรดาสารต่างๆ รวมทั้งสารหนู เกินกว่าค่ามาตรฐานหลายเท่าตัวไปแล้ว ความน่าเป็นห่วงจะยิ่งมากขึ้นเมื่อเข้าสู่ฤดูฝนเต็มตัว บรรดาสารหนูอาจจะเพิ่มขึ้นกว่านี้ก็ได้ หรือหากเกิดอุทกภัยในลักษณะที่คล้ายๆกับแม่น้ำสายอาจจะเกิดการพัดดินโคลนที่หนักกว่าเดิมก็ได้ เพราะมีการขยายเหมือง

วันนี้ต้องยอมรับว่าประเทศไทยถ้าจะทำลำพังอย่างเดียว โดยที่เราไม่คุยกับชาวบ้านเขา กับเพื่อนบ้าน เราทำได้แค่ลดปัญหาโดยการสร้างฝายเท่านั้น ซึ่งนี่อาจจะทำได้ใช้งบประมาณภาษีของประชาชน แต่ก็ต้องมีภาระในเรื่องของการบำบัดตลอดเวลา แต่ถ้าเราอยากให้ปัญหานี้จบ อย่างถาวร

"ประเทศไทยจะต้องดำเนินการพูดคุยหรือใช้มาตรฐานมาตรการใดๆกับทางกลุ่มว้า การที่นายภูมิธรรมออกมาบอกว่า ได้คุยกับเมียนมาแล้วและเมียนมาก็บอกมาว่า ไม่มีอำนาจตรงนี้ เพราะพื้นที่เป็นของทางว้า ผมคิดว่าการพูดปัดแบบนี้ ไม่ได้ทำให้ประชาชนรู้สึกอุ่นใจขึ้นเลย สุดท้ายจนเชื่อว่ามีช่องทางมีวิธีการ วันนี้กลุ่มว้าเขาไม่เกรงใจประเทศไทย เขารู้สึกว่าประเทศไทยไร้น้ำยา ไม่จำเป็นต้องเชื่อฟัง ไม่จำเป็นต้องสนใจว่าคนไทยจะได้รับความเดือดร้อนอย่างไร ดังนั้นรัฐบาลนี้จะต้องทำให้ประชาชนคนไทยรู้สึกอุ่นใจปลอดภัย ที่มีรัฐบาลแบบนี้" นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ ยังกล่าวต่อว่า วันนี้รัฐบาลทำงานช้ามาก กับเรื่องปัญหาความมั่นคง โดยเฉพาะกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรุนแรงต่อชีวิตและอนามัยสุขภาพของประชาชน เบื้องต้นกรรมาธิการความมั่นคงฯ ได้มีการติดตามเรื่องนี้และได้มีการเชิญผู้ว่าจังหวัดเชียงราย มาให้ข้อมูลที่จังหวัดเชียงราย แต่ตนก็ยังติดตามต่อซึ่งในวันที่ 5 มิ.ย.นี้ อาจจะมีการพิจารณาในเรื่องนี้ เพื่อติดตามความคืบหน้าต่อไป

นายรังสิมันต์ ยังกล่าวต่อว่าในชั้นต้นเรื่องการสร้างฝาย ใช้งบประมาณไม่เยอะ แต่เราไม่ได้คิดว่าจะให้เป็นฝ่ายถาวร ซึ่งจากการพูดคุยทางจังหวัดน่าจะให้การสนับสนุน แต่ในระยะยาว ต้องแก้ปัญหาที่ต้นตอ นั่นคือปัญหาเรื่องเหมืองทองคำที่เกิดขึ้นในพื้นที่ของว้า

"การที่คุณภูมิธรรมพูดออกมาชัดเจนว่าคุยกับเมียนมาแล้ว เมียนมาช่วยอะไรเราไม่ได้ แล้วยังไงประชาชนที่นั่นก็ต้องอยู่ๆกันไป เสียงทั้งในเรื่องของสุขภาพ การท่องเที่ยวที่ถูกทำลายเละเทะ เมื่อเกิดปัญหาแบบนี้เสียหายทั้งระบบ ไม่มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยว เพราะทุกคนก็กลัวอันตราย สัตว์น้ำก็ไม่มีใครกล้าจับไปกิน วันนี้เราไม่ควรจะปล่อยให้พี่น้องประชาชนลอยคอความช่วยเหลือ โดยที่ไม่รู้ว่าความช่วยเหลือนั้นจะมาเมื่อไหร่และมีความชัดเจนอย่างไร" นายรังสิมันต์ กล่าว

เมื่อถามว่านายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เตรียมพูดคุย โดยพุ่งเป้าไปที่รัฐบาลเมียนมา ถือว่าไปพูดคุยถูกจุดหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนขอแนะนำ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ และนายกรัฐมนตรี รวมถึงนายภูมิธรรม ว่าถ้าอยากเคลียร์ปัญหาเรื่องนี้ ต้องคุยกับจีน เพราะจะเป็นทางออกที่จะเห็นว่าจีนมองปัญหาเรื่องนี้อย่างไร แต่ก็เชื่อว่าทางจีนไม่รับปากเต็มคำ แต่การที่ประเทศไทยแสดงจุดยืน ว่าเราเห็นปัญหาเรื่องนี้ร้ายแรง และเมื่อเราเห็นว่าจีนมีจุดยืนเรื่องนี้อย่างไร ประเทศไทยก็ต้องแสดงความจำนงว่าจะไม่นิ่งเฉย กับเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด และจะมีมาตรการจากเบาไปหาหนัก การแสดงท่าทีอย่างชัดเจนเพื่อปกป้องพี่น้องประชาชนคนไทย มีความจำเป็นอย่างมากที่เราต้องการความเป็นผู้นำ จากรัฐบาลนี้ซึ่งเราแทบไม่เห็น

"ผมคิดว่ากุญแจสำคัญก็จะตรงกับภาคประชาชน ที่บอกว่าถ้ารัฐบาลไม่ทำอะไร จะทำหนังสือถึงทางการจีนเองแล้ว ผมจึงคิดว่าภาคประชาชนยังรู้เลย ตอนนี้ถ้าประชาชนรู้ ทุกคนรู้ ฉะนั้นถ้าคุณต้องการที่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้ คุณต้องคุยกับรัฐบาล ที่เนปิดอร์ไม่ได้ คุณอาจจะต้องคุยกับว้าคุณอาจจะต้องคุยกับจีน แล้วทำไมไม่ทำ จะมาบอกว่าว้าไม่ใช่รัฐ ใช่ ผมรู้ว่าว้าไม่ใช่รัฐและมีพฤติกรรมหลายอย่าง ที่ไม่ต่างอะไรกับกลุ่มก่อการร้าย แต่ ณ วันนี้ปัญหา เกิดขึ้นร้ายแรงอย่างนี้ได้อย่างไร ประชาชนก็บอกว่า ถ้างั้นว่าไม่ใช่รัฐ วันนี้ เรามีรัฐที่ไม่เหมือนรัฐบาล เราจะอยู่กันอย่างไร วันนี้เป็นปัญหาความร้ายแรง และมองว่าคงจะต้องแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างเป็นรูปธรรม ไม่ควรจะนิ่งเฉย เป็นอันขาด" นายรังสิมันต์ กล่าว

เมื่อถามว่าหากปัญหาไม่ดีขึ้นจำเป็นต้องใช้กลไกการฟ้องร้องศาลระหว่างประเทศหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า จากตัวอย่างคดีในต่างประเทศ โดยดึงนักวิชาการเข้ามาที่มีข้อเสนอว่าควรจะมีการฟ้องร้อง ในทางการบังคับใช้ เพื่อเอาค่าสินไหมทดแทน เยียวยาชดเชยต่างๆไม่ได้เกิดขึ้น ง่ายในเร็ววัน แต่อย่างน้อยการฟ้องร้องให้เป็นคดี และอย่างน้อยให้มีคำพิพากษาออกมา ถ้าคำพิพากษาเป็นคุณกับประชาชนคนไทย วันข้างหน้าก็อาจจะเอาตรงนี้มาเรียกร้องความเสียหายได้ เพราะเราไม่รู้ว่าความเสียหายไม่ได้มีเฉพาะวันนี้

อาจจะต้องมีการใช้เงินงบประมาณ ต่างๆในการปรับปรุงสภาพแวดล้อม แม่น้ำกกให้มันดีด้วยก็ได้ สุดท้ายทุกทางคนไทยเดือดร้อน ไม่เดือดร้อนเรื่องสุขภาพก็เดือดร้อนจากการเอาภาษีของประชาชนไปใช้

"วันนี้เราเห็นปัญหาบ้านเมือง ผมเองก็ไม่สบายใจ มันมีความขัดแย้งภายในรัฐบาล จนทำให้รู้สึกว่าปัญหาหลายๆอย่างของประชาชน ไม่ได้รับการตอบสนอง กลายเป็นว่ารัฐบาลโฟกัสในเรื่องของความมั่นคงของรัฐบาล ซึ่งผมเข้าใจแต่ ก็ต้องคิดถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนด้วย" นายรังสิมันต์ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น