นายกฯ พาทีมไทยแลนด์เยี่ยมค่ายมวยไทยในลอนดอน คุยกับผู้บริหารเรื่องการพัฒนาหลักสูตร-ผู้ฝึกสอนมวยไทยให้ได้มาตรฐาน ให้ครูมวยจากไทยมาทำงานต่างประเทศได้จริง มอบหมาย กกท.-อนุ กก.ซอฟต์พาวเวอร์ด้านมวยไทยเร่งหาแนวทาง
วันนี้(21 พ.ค.) เมื่อเวลา 21.51 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีโพสต์ภาพในเฟซบุ๊ก “Ing Shinawatra” ขณะเข้าเยี่ยมค่ายมวยไทย Fight City Gym สาขา Moorgate กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ พร้อมข้อความระบุว่า “มวยไทย เป็นที่นิยมมากๆ ในอังกฤษค่ะ ค่ายสอนศิลปะป้องกันตัวในอังกฤษมีราวๆ 4,000 แห่ง แต่หากที่สอนเฉพาะมวยไทยจริงๆ มีประมาณ 500 แห่ง เฉพาะกรุงลอนดอนมีค่ายมวยไทยกว่า 50 แห่ง มีครูมวยชาวไทยมาฝึกสอนที่นี่ด้วยตัวเอง ค่ายมวยที่นี่ดูแลทั้งการฝึกสอนให้เป็นมวยอาชีพ กับอีกแบบคือการมาเล่นมวยไทยแบบออกกำลังกาย
“มวยไทย เป็นกีฬาที่แบรนด์ดิ้งชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นกีฬาของคนไทย มีเครื่องแต่งกายเฉพาะ กีฬามีเอกลักษณ์ มีท่าร่ายรำ-กระบวนท่ามวย กฎกติกาในการดูก็ไม่ยาก และมีแฟนกีฬาที่ติดตามมวยไทยอยู่ทั่วโลก นี่คือจุดแข็งของกีฬาไทยที่ควรต่อยอดสนับสนุนค่ะ โดยเฉพาะเมื่อกีฬาของไทยมาอยู่ที่ต่างประเทศ เป็นทั้ง ‘ทูตวัฒนธรรม’ ทำให้คนมารู้จักประเทศไทย รู้จักกีฬาไทย และยังเป็นกีฬาที่นำอาชีพ ทำรายได้ และนำโอกาสใหม่ๆ มาให้คนไทย มาให้ประเทศไทยค่ะ
“สิ่งที่ทีมไทยแลนด์ได้พูดคุยกับผู้บริหารค่ายมวยไทย โปรโมเตอร์มวย และเทรนเนอร์วันนี้ คือเรื่องการพัฒนาหลักสูตรมวยไทยให้ได้มาตรฐาน การทำให้ครูมวยจากไทยได้เข้ามาทำงานในค่ายมวยต่างประเทศได้จริงๆ ให้ต้นตำรับได้มาสอนมวยไทยกับชาวต่างชาติที่นี่ ให้เป็นกีฬาที่ได้รับการยอมรับจากหน่วยงานกีฬาในอังกฤษ รวมถึงการขยายหลักสูตร และผู้สอนที่ได้มาตรฐาน สามารถมาสอนได้ง่ายขึ้น ผ่านการอำนวยความสะดวกเรื่องการขอวีซ่า การขออนุญาตเปิดค่ายมวยไทย และใบอนุญาตทำงาน การสนับสนุนอำนวยความสะดวกเรื่องสถานที่และอุปกรณ์ รวมไปถึงเรื่องกฎระเบียบและการทำการตลาดมวยไทยในกรุงลอนดอน ซึ่งเป็นศาสตร์เฉพาะที่ต้องช่วยกันต่อยอดผลักดันค่ะ
“รัฐบาลจะเดินหน้าเต็มที่ ให้ทาง กกท.และคณะอนุกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ด้านมวยไทย เร่งหาแนวทางเพื่อทำระบบบริหารจัดการที่ประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะการเร่งพัฒนาและกำหนดมาตรฐานให้ค่ายมวยที่ต่างประเทศผ่านมาตรฐานสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวยเพิ่มมากขึ้น ทำให้ค่ายมวยที่ต่างประเทศนี้พัฒนานักกีฬาจนเป็นนักกีฬามวยมืออาชีพได้จริง รวมถึงการกำหนดเกณฑ์รูปแบบการแข่งขันที่ชัดเจน และสนับสนุนงบประมาณเพื่อต่อยอดพัฒนากีฬาของไทย ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง เป็นทั้งโอกาส และความภาคภูมิใจของคนไทยค่ะ”