"มาริษ" เผย ที่ประชุมเฉพาะกิจความไม่สงบในเมียนมา ต้องการเห็นยุติความรุนแรงในการสู้รบโดยเร็ว เร่งแก้ปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติด กหลอกลวงออนไลน์ ย้ำ ไม่ต้องกังวลรบ.เดินหน้าเจรจาทุกฝ่าย แก้สารปนเปื้อน “แม่น้ำกก-สาย” เตรียมใช้เวที “อาเซียน” สางปัญหา
เวลา 16.20 น. (21 พ.ค.68) ที่ทำเนียบรัฐบาลนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจบริหารสถานการณ์อันเนื่องมาจากความไม่สงบในเมียนมา ว่า ที่ประชุมได้ทบทวนถึงความคืบหน้าหลังจากการประชุมครั้งที่แล้ว โดยได้ บูรณาการจัดตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าว เพื่อบูรณาการความร่วมมือทุก หน่วยราชการที่จะให้ทำงานร่วมกัน อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อไม่ให้มีผลกระทบ เกิดขึ้นจากความไม่สงบในประเทศเมียนมา ส่งผลให้กับประชาชน ชาวไทยในพื้นที่ถือเป็นนโยบายที่สำคัญ ของรัฐบาล เพื่อทำให้การใช้ชีวิตของประชาชน เป็นไปอย่างปกติสุข โดยย้ำ ให้ทุกหน่วย พิจารณาให้ความสำคัญ อย่างเต็มที่ กับเป้าหมาย ใน 2-3 ประเด็น โดยประเด็นแรก ต้องการเห็นการยุติความรุนแรงในการสู้รบในเมียนมาโดยเร็ว และถือเป็นแนวทางของอาเซียนด้วย แต่อย่างไรก็ตามความไม่สงบที่เกิดขึ้น จะต้องไม่ส่งผลกระทบ ให้กับประชาชนชาวไทยที่อยู่ในพื้นที่ ถือเป็นเป้าหมายหลัก เป็นไปตามกรอบความร่วมมือ ที่ไทยและอาเซียน ได้ตั้งไว้ ร่วมกัน
ประเด็นที่ 2 การป้องกัน และปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งมีผลกระทบกับประชาชน และผลประโยชน์ของประเทศ โดยเฉพาะเรื่องออนไลน์สแกรม และยาเสพติด หลังจากรัฐบาลได้มีนโยบาย และประเมินสถานการณ์ได้ผลในระดับหนึ่ง จึงมาปรับแผน ที่จะดำเนินการต่อไป เพื่อให้ปัญหานี้ได้รับการแก้ไข อย่างชัดเจนและมีผลเป็นรูปประธรรม
ประเด็นที่ 3 การเร่งแก้ไข ปัญหาข้ามแดน ที่ส่งผลกระทบกับประชาชน รวมถึงเรื่องสารปนเปื้อน ที่เกิดขึ้นในแม่น้ำกก ซึ่งทุกหน่วยงานได้บูรณาการร่วมกัน โดยในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศ ได้ติดต่อและพูดคุย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเมียนมา ทั้งเรื่อง การแก้ไขปัญหาเรื่องสาร ปนเปื้อน ในแม่น้ำ และการเตรียมพร้อม ปัญหาน้ำท่วมในการขุดลอกแม่น้ำ แม่น้ำสายและแม่น้ำรวก จะต้องบูรณาการกัน ร่วมกับเมียนมา โดยมีเป้าหมายคืออยาก ให้ประชาชนชาวไทยที่อยู่ในพื้นที่ใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข และจะต้องปราบปรามอาชญากรรม ข้ามชาติบริเวณชายแดน ไทยเมียนมาด้วย จะเพิ่มมาตรการ กวดขันและเข้มงวด กับการจัดระเบียบในพื้นที่ให้มากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้มีการดำเนินกิจกรรม ที่ไปสนับสนุน ให้เกิดการกระทำผิด และก่อให้เกิดความรุนแรง ในพื้นที่บริเวณชายแดน ไทยและเมียนมา
นอกจากนี้ ยังได้หารือเรื่องออนไลน์สแกรม ถึงผลการดำเนินการที่ผ่านมาและวางแนวทางปรับปรุง โดยคณะกรรมการ อำนวยการขับเคลื่อนและป้องกันภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบ กับความมั่นคงพื้นที่ชายแดนในประเทศเพื่อนบ้าน หรือ คณะกรรมการ ปชด. เพื่อให้จัดระเบียบในพื้นที่ และเป็นกลไกหลักในการบังคับใช้และควบคุม การจัดระเบียบในพื้นที่ ให้สอดคล้องและมั่นใจว่า การดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามแผน ส่วนของการปราบปรามยาเสพติดจะเข้มงวดมากขึ้น โดยจะควบคุมสารทั้งหลายไม่ใช่แค่สารตั้งต้น ให้มากขึ้น และต้องปราบปรามและจับกุม เรื่องยาเสพติดให้มากขึ้น
นายมาริษ ยังกล่าวถึง กรณีที่มีสารปนเปื้อนในแม่น้ำกก จังหวัดเชียงราย ว่า ตนเองได้คุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของเมียนมาแล้ว รวมถึงสถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา ที่ได้คุยกับกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงได้หยิบยกเรื่องนี้พูดคุยกับเอกอัครราชทูต เมียนมาประจำประเทศไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ก็พยายามแก้ไข เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบ ต่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน
ส่วนที่มีรายงานว่าต้นทางของสารมาจากชนกลุ่มน้อยในประเทศเมียนมา จะส่งผลต่อการเจรจากับทางเมียนมาหรือไม่ นายมาริษ ย้ำว่า เรื่องนี้ต้องบูรณาการถึงความร่วมมือที่ไม่ใช่แค่คุยกับรัฐบาลเมียนมา ซึ่งตนได้พูดคุยกับหลายกลุ่ม แต่ขอให้ได้คุยในรายละเอียดให้ชัดเจนก่อน จะมาชี้แจงให้ทราบอีกครั้ง ขออย่ากังวล ขณะเดียวกันการประชุมอาเซียนที่ประเทศมาเลเซีย ก็จะมีการพูดคุยถึงเรื่องนี้ ซึ่งต้องให้ประเทศมาเลเซียที่เป็นประธานอาเซียนได้มีบทบาทร่วมกับไทยและต้องให้ผู้ที่มีส่วนร่วมเกี่ยวข้องเข้ามาพูดคุยด้วยกันทั้งหมดเช่นชนกลุ่มน้อยผ่านกรอบของอาเซียน
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังพูดคุยถึงการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ในเมียนมา โดยพยายาม ให้กลุ่มเปราะบาง เด็กชาวเมียนมาได้มีโอกาสได้รับการศึกษา และเรียนรู้ภาษาไทย เพื่อให้การสื่อสารและการใช้ชีวิตร่วมกันในบริเวณชายแดน เนื่องจากทั้งสองประเทศเป็นประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงให้ความช่วยเหลือด้านสาธารณสุข โดยเฉพาะ การแพร่ระบาดของโรคติดต่อข้ามแดน ที่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน ตนจะนำเรื่องนี้ไปพูดคุยในกรอบการประชุมอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อให้ได้รับความช่วยเหลือจากประเทศหุ้นส่วน