xs
xsm
sm
md
lg

“สว.ภิญญาพัชญ์” แนะ “รบ.” ชั่งน้ำหนักให้ดี โยกเงินโครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต” ทุ่ม 4 โปรเจคใหญ่ ชี้ ไทยอยู่ในข่วงเปราะบาง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วันนี้ (21 พ.ค.) น.ส.ภิญญาพัชญ์ ศันสนียชีวิน สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวถึงแผนรับมือทางเศรษฐกิจและการชะลอโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ว่า ตนเห็นด้วยที่รัฐบาลชะลอโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อนำเงินไปลงในโครงการใหญ่ 4 โครงการ ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน การท่องเที่ยว ภาคส่งออก และเศรษฐกิจชุมชน แต่ตนอยากจะขอเสนอแนะให้รัฐบาลชั่งน้ำหนักให้ดี เพราะการตัดสินใจในครั้งนี้ถือเป็นความเสี่ยงที่อยู่บนเส้นด้าย เนื่องจากอยู่ในช่วงเปราะบาง โดยเฉพาะผลกระทบจากมาตรการนำเข้าภาษีของสหรัฐ อาจจะมีความไม่แน่นอนอยู่ เห็นได้ชัดจาก GDP ของโลกที่ปรับลดลง ขณะที่ประเทศไทย GDP ไตรมาส 1/2568 โตเพียง 3.1% ถือว่าโตต่ำสุดในภูมิภาค ดังนั้น แผนของรัฐบาลจะไม่ใช่แค่เตรียมพร้อมในการรับมืออย่างเดียว แต่ต้องเสริมสร้างมาตรการเชิงรุก เพื่อวางรากฐานให้กับเศรษฐกิจให้ได้ โดยกลุ่มที่น่าเป็นห่วงที่สุดในสงครามนี้ ตนมองว่าเป็นกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย ชาวบ้าน คนตัวเล็กตัวน้อย ที่มีอาวุธไม่เพียงพอ จะทำให้อยู่ไม่ได้

น.ส.ภิญญาพัชญ์ กล่าวว่า ขณะนี้ ผู้ประกอบการรายย่อยของเราเผชิญกับ 2 ปัญหาสำคัญคือ 1.ต้นทุนในการผลิตสูง ทั้งราคาวัตถุดิบ ค่าจ้างแรงงาน และต้นทุนแฝง 2.การแข่งขันที่รุนแรง ดุเดือด ซึ่งถือมีความสำคัญมาก

“ทุกวันนี้ผู้ประกอบการออนไลน์ไทยจำนวนมากกำลังเผชิญกับการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมจากแพลตฟอร์มข้ามชาติ ที่มีทั้งทุนมหาศาล ระบบขนส่งล้ำหน้า และแคมเปญลดราคาทุบตลาด ทำให้ผู้ค้ารายย่อยของไทยไม่สามารถแข่งขันได้อย่างเท่าเทียม การค้าดิจิทัลคือโอกาส แต่ถ้าไม่มีการกำกับดูแลที่ดี มันก็กลายเป็นเครื่องมือที่ทำลายเศรษฐกิจฐานรากของเราได้เช่นกัน” น.ส.ภิญญาพัชญ์ กล่าว

ส่วนปัญหาภาคการท่องเที่ยว น.ส.ภิญญาพัชญ์ กล่าวว่า เป็นภาคส่วนที่เห็นชัดที่สุด เนื่องจากมีการแข่งขันสูงด้านการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ ทุกวันนี้ ถ้าเราไปตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ จะเห็นชัดเลยว่านักท่องเที่ยวหดหายไปมาก ไม่ต้องไปประเมินที่ไหน คาดการณ์ได้ด้วยสายตาพวกเราเอง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ยอดลดลงฮวบ แม้เราจะมีวีซ่าฟรี แต่ตนก็ตั้งคำถามว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยจริงหรือไม่

“ถ้าไปถามคนจีน หลายคนตอบชัดเจนว่าเขาไม่มั่นใจในความปลอดภัย เพราะเห็นข่าวทุนเทา ลักพาตัว รีดไถ คนไทยแห่ไปเที่ยวจีนกันเยอะมาก แต่คนจีนหดหายหลายเท่าตัว มันเกิดอะไรขึ้น เป็นสัญญาณผิดปกติที่รัฐบาลต้องรีบจัดการโดยเร็ว” น.ส.ภิญญาพัชญ์ กล่าว

น.ส.ภิญญาพัชญ์ ระบุว่า ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินไว้ว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทั้งปี 2568 จะหดตัว 2.8% เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี ดังนั้น ตนคิดว่าภาพนักท่องเที่ยวที่เห็นทั่วไปว่าบางตา ครึ่งปีหลังนี้จะลดลงอีกเป็นเท่าตัวแน่นอน ทั้งจีน เกาหลี มาเลเซีย ซึ่งการท่องเที่ยวถือเป็นเส้นเลือดใหญ่ ที่หล่อเลี้ยงเส้นเลือดฝอยต่อในภาคส่วนอื่น ทั้งคมนาคม เกษตรกร หรือการค้าขาย ถ้ารัฐบาลแก้ปัญหาได้ ประเทศก็จะเดินหน้าต่อไปได้ด้วย

น.ส.ภิญญาพัชญ์ เสนอแนะต่อรัฐบาลว่า ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ หากยังพอเป็นไปได้ ตลาดท่องเที่ยวที่ยังพอเติบโตได้ ยังมีตลาดอื่น เช่น ยุโรป รัสเซีย รวมถึงประเทศในโซนตะวันออกกลาง เช่น ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หากรัฐบาล เพิ่มตลาดเหล่านี้นำเงินเข้ามาสู่ประเทศได้ ก็จะขอชดเชยกับตลาดที่เราสูญเสียไป
กำลังโหลดความคิดเห็น