“สนธิญา สวัสดี” ยื่น กกต.ตรวจสอบพรรคเพื่อไทย เลื่อนแจกเงินหมื่น ไม่เป็นไปตามที่หาเสียง เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ชี้ อ้างสถานการณ์ต่างประเทศไม่มีเหตุผล
วันนี้ (21 พ.ค.) นายสนธิญา สวัสดี นักเคลื่อนไหนทางการเมือง ยื่นคำร้องต่อ กกต.ขอให้วินิจฉัยว่าการที่รัฐบาลประกาศเลื่อนแจกเงินดิจิตอล 1 หมื่นบาท ซึ่งเป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทยขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 258 หรือไม่
นายสนธิญา กล่าวว่า ตอนหาเสียงเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยประกาศจะทำนโยบายนี้ หากเป็นรัฐบาลภายใน 90 วัน ซึ่งตนก็คัดค้านมาตลอด เพราะเห็นว่าทำไม่ได้ ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็เลื่อนมาเรื่อย ล่าสุด เมื่อวาน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศชะลอนโยบายแจกเงินทำให้ผู้มีอายุ 16-60 ปี ไม่ได้รับการแจกเงิน โดยให้เหตุผลว่า สถานการณ์ในสหรัฐฯไม่ดี มีสงครามยูเครน อิสราเอล ซึ่งพรรคเพื่อไทย เข้ามาบริหารประเทศตั้งแต่ 11 กันยายน 2566 นับจนถึงวันนี้ 1 ปี 8 เดือน 22 วัน ถ้าจะทำก็ทำไปแล้ว ดังนั้น การจะมาอ้างเรื่องนี้เกี่ยวกับสถานการณ์ต่างประเทศ จึงไม่ใช่เรื่องเป็นเหตุเป็นผลกัน ทำให้ต้องมาร้องต่อ กกต. โดยเฉพาะเลขาฯ กกต.ในประเด็นว่า ถ้าเมื่อใดก็ตามงบฯ 10,000 ล้านบาท ที่จะแจกให้กับประชาชน 52 ล้านคน เป็นงบฯ รัฐบาล ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ว่าด้วยหมวด 16 การปฎิรูประเทศไทย มาตรา 258 ก. ด้านการเมือง ว่าด้วยนโยบายพรรคการเมือง จะต้องได้รับการศึกษา ทบทวน และความเสี่ยงอย่างครบถ้วน ก่อนจะประกาศออกมาเป็นนโยบายของพรรคการเมืองหาเสียงได้ แต่วันนี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ทั้ง 2 คน ของพรรคเพื่อไทย หลอกลวงประชาชนเกี่ยวกับนโยบาย 10,000 บาท และบอกว่า วันนั้น วันนี้ และตอนนี้ชะลอไปก่อน คำว่าชะลอไปก่อน จะจ่ายอย่างไร เมื่อไร และยังจะเอาเงินไปใช้เรื่องน้ำ เรื่องสารพัด ตนถามว่า ขณะนี้ในการค้าการขายของพี่น้องประชาชนจะตายกันหมดแล้ว เรียกร้องให้เอาส่วนหนึ่งมาใช้ เพื่อให้เงินส่วนนั้นลงไปสู่พี่น้องประชาชน จึงต้องมายื่นให้ กกต.วินิจฉัย ว่า การกระทำหรือนโยบายของพรรคเพื่อไทย ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 258 หรือไม่
นอกจากนี้ ขอให้ กกต.มีมาตรการในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในสมัยหน้า ให้พรรคการเมืองประกาศนโยบายที่สามารถให้ประชาชนเข้าถึงได้ การที่พรรคเพื่อไทยไม่แจกเงิน 10,000 บาท เป็นการทำลายระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่ประชาชนจะไม่เชื่อพรรคการเมืองอีกต่อไปในการประกาศนโยบาย ซึ่งถ้า กกต.ไม่วินิจฉัยและไม่ยื่นไปยังองค์กรที่เกี่ยวข้องให้พิจารณา ตนก็จะนำเรื่องนี้ไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญในประเด็นการประกาศนโยบายที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและไม่สามารถทำได้