ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ “เจ๊แมว”ยื่นยุบพรรคภูมิใจไทย ต้นตอฮั้วเลือกสว. “เสี่ยหนู” ปากคอสั่น ลั่นโกหก กักขฬะ อย่างนี้ต้องฟ้อง!
การเมืองว่าด้วยเรื่อง “ฮั้วเลือกสว.”กำลังเข้มข้น ทะลักจุดเดือด!!
คณะกรรมการสืบสวนไต่สวนของ “กกต.-ดีเอสไอ-ปปง.” ที่ทำงานร่วมกัน เพิ่งออกหมายเรียก 55 สว.ให้มารับทราบข้อกล่าวหา และชี้แจง แสดงเหตุผลในการคัดค้าน
ล็อตแรกมารายงานตัวยังไม่ครบดี ก็มีหมายเรียกล็อต 2 ตามมาติดๆ คราวนี้มีทั้ง รัฐมนตรี อดีตสส. นักการเมืองระดับชาติ ระดับท้องถิ่น ที่ถูกระบุว่ามีส่วนร่วมในการฮั้ว
มีชื่อโผล่มาให้เห็นเป็นตัวอย่าง ส่วนใหญ่เป็นนักการเมืองในเครือข่ายของ “พรรคภูมิใจไทย” แทบทั้งนั้น
คราวนี้ก็เลยโดนขยี้ไม่หยุด ล่าสุดเมื่อวานนี้ (20พ.ค.) “เจ๊แมว” กุสุมาลวตี ศิริโกมุท อดีตผู้สมัครสว. ก็เข้ายื่นคำร้องต่อกกต. ขอให้พิจารณาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งยุบพรรคภูมิใจไทย เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง กับการฮั้วเลือกสว.
“เจ๊แมว” บอกว่า ในซองที่นำมายื่นต่อ กกต.นั้น มีหลักฐานการทำความผิดทั้ง อั้งยี่ ซ่องโจร และ พฤติกรรมทั่วไปของแกนนำพรรคภูมิใจไทย อย่าง “ไชยชนก ชิดชอบ” เลขาธิการพรรค เข้าไปเกี่ยวข้องกับกระบวนการเลือก มีการจัดตั้งคนใน จ.บุรีรัมย์ เส้นทางการเงิน มีครบหมด ว่าใครโอนเงินไปให้ใครบ้าง
ไม่เพียงเท่านั้น หลังกระบวนการเลือกสว.เสร็จสิ้น “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็เรียกคนที่ได้เป็น สว.ให้ไปพบที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ให้เขียนใบลาออก เพื่อความชัวร์ว่าคนพวกนี้จะต้องอยู่ภายใต้การสั่งการของพรรคภูมิใจไทย
เรื่องนี้มีทั้งภาพ และคลิปเสียงประกอบ เป็นหลักฐานชัดชัวร์
“เจ๊แม้ว” บอกว่า ถ้าสว.ค่อนสภา ต้องตกอยู่ภายใต้การบงการของคนกลุ่มหนึ่ง แล้วประเทศไทยจะอยู่กันอย่างไร ดังนั้นเรื่องนี้ยอมไม่ได้ …สว.ชุดนี้ต้องโมฆะ พรรคภูมิใจไทยต้องถูกยุบ !!
ด้าน “เสี่ยหนู” อนุทิน ที่ปกติเวลาให้สัมภาษณ์สื่อ มักติดหัวเราะแหะๆ แต่คราวนี้ถึงกับปากคอสั่น บอกว่าที่ “เจ๊แมว” กุสุมาลวตี มากล่าวหาว่าตนเอง และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย รวมไปถึงส.ส. ทำผิดรัฐธรรมนูญกรณีฮั้วเลือก สว.นั้น ...เขาพูดไม่จริง เขาพูดโกหกทุกเรื่อง ผมรู้ดีว่าเขาเป็นคนอย่างไร ... บางทีเราก็เป็นคนสุภาพ ก็โดนคนที่กักขฬะทำแบบนี้...!!
“อนุทิน” ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเลือก สว.เลยแม้แต่นิดเดียว
...ขั้นตอนการเลือก สว.เป็นอย่างไร จนป่านนี้ผมก็ยังไม่รู้ว่าเขาเลือกเข้ามากันอย่างไร เพราะผมไม่เกี่ยว ไม่ได้สนใจ เลือกระดับอำเภอ ระดับจังหวัด ระดับประเทศ เลือกไขว้ ไม่รู้สักอย่าง ... เมื่อผมไม่เกี่ยวข้อง แต่มีการพาดพิงมา ถึงสมาชิกในพรรคภูมิใจไทย ก็ต้องมีการฟ้อง!!
ให้เจ้าหหน้าที่แกะเทปแล้ว ตรงไหนหมิ่นประมาทก็ฟ้องร้องหมิ่นประมาท ตรงไหนแจ้งความเท็จ ก็ฟ้องแจ้งความเท็จ ตรงไหนละเมิด ก็ฟ้องละเมิด เพราะเราเป็นพรรคการเมือง จะให้คนอื่นมาด้อยค่าได้อย่างไร พรรคภูมิใจไทย มีคนเลือกเข้ามา ได้สส.70 กว่าคน มีคะแนน สส.บัญชีรายชื่อเป็นล้านเสียง จึงต้องรักษาคุณค่าของพรรคให้สมกับที่ประชาชนไว้ใจเลือก
“อนุทิน” ทิ้งท้ายว่า เรื่องนี้ไม่ได้ทำให้ตนเองเครียด มันเหมือนดูก่อนบ่ายคลายเครียด กลายเป็นเรื่องตลกไป ไม่ได้เป็นสาระ!!
สำหรับ “เจ๊แมว” กุสุมาลวตี ศิริโกมุท พื้นฐานเป็นคนในตระกูลการเมือง เป็นลูกสาวของ “สวาท ศิริโกมุท” อดีต ส.ส. มหาสารคาม จบปริญญาตรีด้านบริหารธุรกิจ ม.รามคำแหง ปริญญาโท ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (พัฒนาสังคม) นิด้า และปริญญาเอก สาขายุทธศาสตร์การพัฒนาภูมิภาค ม.ราชภัฏมหาสารคาม
เป็นสส. 3 สมัย โดยในปี 2544 และปี2548 ลงสมัครสส. ที่มหาสารคาม สังกัดพรรคไทยรักไทย สามารถเอาชนะ “หัวเขียง” ประยุทธ์ ศิริพานิชย์ ที่สังกัดพรรคชาติไทย ได้ทั้ง 2 ครั้ง และ ปี 2554 ได้เป็น ส.ส.สมัยที่ 3 ในสังกัดพรรคเพื่อไทย
การเลือกตั้ง ปี 2562 ลงสมัครสส. สังกัดพรรคเพื่อชาติ แต่ไม่ได้รับเลือก และการเลือกตั้งครั้งล่าสุด ไปสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็ไม่ได้รับเลือก จึงมาสมัคร สว. แต่ก็มาเจอกระบวนการ “ฮั้ว”
จึงเป็นที่มาของการยื่นยุบพรรคภูมิใจไทยในครั้งนี้
คล้อยหลังจากที่ “เจ๊แมว” ยื่นคำร้องต่อ กกต. เรื่องยุบพรรคภูมิใจไทย ได้ไม่นาน “ณฐพร โตประยูร” อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ก็ส่งทีมกฎหมายนำเอกสารคำร้อง ไปยื่นต่อกกต.เช่นกัน
เป็นคำร้องขอให้ กกต. พิจารณาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ให้สมาชิกภาพของสว.138 คน สิ้นสุดลง และ ระหว่างพิจารณา ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้ สว.หยุดปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยด้วย
หลังมีพยานหลักฐาน จากดีเอสไอ และ กกต.ว่า สว.ทั้ง 138 คน อยู่ในขบวนการฮั้ว แถมตั้งแต่เข้ามาเป็นสว. ก็ไม่มีความเป็นกลาง มีพฤติการณ์ การกระทำ ปรากฏให้เห็นว่า อยู่ภายใต้การกำกับของพรรคภูมิใจไทย
ดังนั้น เพื่อยับยั้งความเสียหายอันร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้น จึงขอให้กกต. ยื่นคำร้อง และส่งสำนวนการสอบสวนของ สว. ทั้ง 138 คน ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยด้วย
ต้องติดตามกันอย่างจดจ่อว่า “ศึกแดง-น้ำเงิน” ผ่านเรื่องฮั้วสว. ผลสุดท้ายจะลงเอยอย่างไร
++ มิน่ายาดมขายดี!"อิ๊งค์"โยงภาษีทรัมป์ แทรกพักแจกเงินหมื่น หรือจริงๆ ไม่มีจะแจก!
ไฟต์บังคับ ต้องมาอธิบายเหตุผลจะเลิกหรือไปต่อแจก “เงินหมื่นดิจิตัล”เฟส 3 ด้วยตัวเอง หลังจากโยนกลองให้ “พิชัย ชุณหวชิร” รองนายกฯและรมว.คลังตอบคำถาม ก่อนหน้านี้
“อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อถึงคราวต้องพูดเอง ก็ไม่รู้ว่า ปวดเศียรเวียนเกล้า ที่จะนึกหาเหตุผลจะบอกเรื่องนี้อย่างไร หรือไม่ โดยสื่อสังเกตเห็นนายกฯ พกยาดมขึ้นมาซื้ด เป็นระยะๆ
สรุปว่า งานนี้คนที่รอแจกเงินหมื่น เฟส 3 ก็รอคอยต่อไปอย่างไม่มีกำหนดนะจ๊ะ
“อิ๊งค์” ขอพักแจกก่อน ด้วยเหตุผลเลิศหรูอลังการที่ประชาชนฟังแล้วก็อาจจะมึนกว่านายกฯ
นายกฯแถลง อ้างถึงผลประชุมครม.เมื่อวานนี้ (20 พ.ค.) ว่าครม.เห็นชอบทบทวนแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงิน 1.57 แสนล้านบาท เพราะกำแพงภาษีสหรัฐฯ และได้รับข้อเสนอจาก ธปท. และสภาพัฒน์ ที่เสนอให้ทบทวนเรื่องนี้ใหม่ ว่า เงินก้อนนี้ จะสามารถใช้อะไรที่เป็นความจำเป็น และเร่งด่วนกว่าเรื่องการแจกเงินดิจิทัล10,000 บาท
“แพทองธาร” ย้ำหลายครั้งในการตอบคำถามสื่อ หลังแถลงว่า แจกเงินเรื่องจิ๊บๆ เฟส 1 เฟส 2 ก็ทำให้เห็นแล้ว เฟส 3จะแจกเมื่อไหร่ก็แจกได้ แต่ตอนนี้มีปัญหาไม่คาดคิดคือ เรื่องภาษีของทรัมป์ มาแทรกซ้อนจึงต้อง “พักก่อน”
พูดแล้วพูดซ้ำๆ ว่า ปัญหาพ่อใหญ่ทรัมป์เข้ามาแทรก... “ต้องพูดกันให้เข้าใจว่าตอนนี้ปัญหาภาษีสหรัฐฯเข้ามาแทรก คิดว่าประเทศไหนก็ไม่มีใครอยากได้ปัญหานี้ ที่ไม่บอกว่ายกเลิก หากเรากลับมาทำอีกครั้งในสถานการณ์ที่ดีขึ้น และเศรษฐกิจดีขึ้นแล้ว การกระตุ้นเศรษฐกิจรูปแบบนี้ จะได้ผลมากที่สุด”
เมื่อสื่อถามว่า ต่อไปการหาเสียงของพรรคเพื่อไทยในอนาคต หากสัญญาอะไรไปแล้ว ไม่เป็นตามนั้นจะกระทบเสียงของพรรค “แพทองธาร” กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเวลาหาเสียงเราประเมินสถานการณ์ว่า เราทำได้จริง แต่ไม่มีใครพูดถึงเรื่องกำแพงภาษีสหรัฐฯ ขึ้นมา
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่มีประเทศไหนคาดคิด ไม่ใช่แค่ประเทศไทย และสิ่งที่เป็นสถานการณ์พิเศษออกมา อย่างตัวของภาษี หรือเปอร์เซ็น ที่จะเก็บภาษีทุกคนตกใจกันหมด ไม่ว่าจะเป็นภาษีที่ขึ้นมาตั้งแต่ตอนแรก มีทั้ง 30% 40% หลายประเทศก็มากมาย
พร้อมกันนี้ “นายกฯอิ๊งค์” กลัวเสียทรงว่า สัญญาแล้วทำไม่ได้ จึงย้ำไปอีกรอบ ถามว่าเราทำไม่ได้จริงไหม ไม่จริง เพราะเราได้ทำไปแล้ว ไม่ใช่ว่านโยบายนี้ทำไม่ได้เลย แต่สถานการณ์ที่แทรกมามันสุดวิสัย ไม่ใช่ว่าทำๆ อยู่แล้วจู่ๆ ยกเลิก หรือว่าไม่ทำแล้ว ชะลอ มันก็ไม่ได้ชะลอ แต่ว่าทุกครั้งมันผ่านความคิดเห็นแล้ว มันผ่านได้ ทุกครั้งที่เราทำ 2 ครั้งที่เกิดขึ้น มันผ่านได้
แต่ครั้งนี้ มีเหตุการณ์ใหม่คือ เรื่องของภาษีทรัมป์เข้ามา มันผ่านไม่ได้ ความจริงมันก็แค่นั้นเอง
คำตอบของ “แพทองธาร” วนไปวนมา เหมือนวนอยู่ในอนุสาวรีย์ เป็นอย่างนี้ตลอด พักแจกเพราะภาษีๆๆ สหรัฐฯ
เอาดีๆ “นายกอิ๊งค์” ความจริงมีแค่นี้จริงๆ หรือ !? ไม่ใช่ไม่มีเงิน รัฐบาลถังแตก ก่อหนี้จนเต็มเพดานจนว้าวุ่นฟุ้งซ่านจนคิดจะออก token มาขอกู้ประชาชนหรอกหรือ ?
อับจนปัญญาไม่รู้ว่าจะหาเงินมาทำตามที่ลั่นวาจาไปแล้วว่าจะแจกเงินหมื่นเฟส 3 ยังไง เลยยกเหตุพ่อใหญ่ทรัมป์ ขึ้นภาษีมาเป็นทางลงอ๊ะป่าว!?
นี่ถ้า “ทรัมป์” รู้เข้าคงปวดเฮด ภาษีที่ไทยกระทบจริงๆ ก็ไม่ได้มากได้มาย ไฉนไอจึงกลายเป็นแพะเลิกแจกเงินหมื่น
ความจริงไม่มี ก็บอกไม่มี ก็แค่นั้น...นี่ตอบด้วยเหตุผล "พักก่อน" ที่ฟังแล้วชวนเวียนหัว
งานนี้คนที่ต้องพึ่งยาดมขนานหนัก น่าจะเป็นชาวบ้านมากกว่านะจ๊ะ