เลขาฯ พลังบูรพา มั่นใจ นายกรัฐมนตรี รอให้ร่างกฎหมายงบฯ 69 วาระแรกผ่าน ค่อยถกพรรคร่วมปรับ ครม. วอนหน่วยงานตรวจสอบที่มา สว. ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย คลายปมฮั้ว สว.
นายสุระ เตชะทัต เลขาธิการพรรคพลังบูรพา กล่าวว่า รัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร บริหารงานประเทศไปช่วงเวลาหนึ่ง ใกล้เข้าสู่วงรอบการปรับ ครม. จึงมักตามมาด้วยกระแสข่าวการปรับ ครม. เท่าที่ติดตามข่าว มีรัฐมนตรีในพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรคกล้าธรรม อาจจะโดนปรับหลายตำแหน่ง มีทั้งปรับเข้า ปรับโยก ปรับออก การปรับรัฐมนตรี ตามกฎหมายระบุไว้ชัดเจน เป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี แต่การจะปรับใครบ้าง กี่ตำแหน่ง ให้บุคคลใดไปทำงานที่กระทรวงใด คงจะพิจารณาตามความรู้ความสามารถ การปรับ ครม.เป็นเรื่องสำคัญ เชื่อว่า นายกรัฐมนตรี คงจะพูดคุย รับฟังความคิดเห็นจากแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลด้วยว่า จะปรับรัฐมนตรีคนใดบ้าง จะเปลี่ยนแปลงอย่างไร เพื่อความเหมาะสมในการทำงาน
นายสุระ กล่าวว่า รัฐบาลบริหารประเทศมา 2 ปีเศษ เกินกึ่งหนึ่งของวาระรัฐบาล การปรับ ครม.แต่ละครั้ง เพื่อต้องการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ที่กำลังเผชิญปัญหาเศรษฐกิจ พืชผลราคาเกษตรตกต่ำ ปัญหายาเสพติด ปัญหาสงครามการค้าจากภายนอกประเทศ ล้วนเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องดึงบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญแต่ละด้าน มาแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน อย่างไรก็ดี การปรับในเร็ววันนี้ คงยังไม่มี วันที่ 28-30 พ.ค. รัฐสภามีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2569 วาระ 1 เชื่อว่า คงจะต้องรอให้เรื่องนี้ผ่านไปก่อนแล้วนายกรัฐมนตรีจะพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
นายสุระ กล่าวว่า ประเด็นการสืบสวนสอบสวนการฮั้ว สว. ต้องยอมรับว่า สังคมและประชาชนต่างกังขา กระบวนการได้มาซึ่ง 200 สว. ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กกต. และ ดีเอสไอ กำลังเชิญ สว. มาชี้แจง รับทราบข้อกล่าวหา ระยะเวลาการสืบหาข้อเท็จจริง คงจะใช้เวลาอีกสักระยะกว่าจะได้บทสรุปออกมา แต่ไม่ว่าอย่างไร ตั้งแต่กระบวนการสรรหาเพื่อให้ได้มาซึ่ง สว.200 คน ภาคประชาชนและสังคมวงกว้าง มีความคลางแคลงใจเป็นอย่างมาก หน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ต้องทำงานอย่างรอบคอบพิสูจน์ให้เห็นว่า การได้มาซึ่ง สว. ที่เปรียบเป็นสภาสูง คอยตรวจสอบนักการเมือง กลั่นกรองกฎหมาย ตรวจสอบคัดกรองบุคคลที่จะไปทำหน้าที่ในองค์กรอิสระ และตุลาการนั้น มีที่มาที่ไป กระบวนการได้มาต้องโปร่งใส ชัดเจน ไร้ใบสั่ง ปราศจากการฮั้ว ตนขอให้กำลังใจและเรียกร้องให้หน่วยงานที่ตรวจสอบหลายหน่วยงาน ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ว่ากันไปตามข้อเท็จจริง พยาน หลักฐาน ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ใครผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกว่าตามถูก อย่าปล่อยให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเข้ามาแทรกแซงการทำงาน เพื่อเรียกศรัทธาประชาชนกลับคืนมา