ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ "ยิ่งลักษณ์"นายกฯคนที่สาม! กดปุ่มจากแดนไกล เรียก "สุริยะ" บินดูไบ ไปสั่งงาน!?
มีข่าวคราวความเคลื่อนไหวของ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ยังหลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ ว่า ช่วงหลังไม่ค่อยโพสต์ออกสื่อโซเชียลให้เอฟซี กรี๊ดกร๊าด เพราะงานยุ่ง
ถามว่า “ยิ่งลักษณ์” ทำงานอะไร? เงินทองก็มีเหลือกินเหลือใช้ อยู่ระหว่างหลบหนีคดี ภาพที่เธอมักโพสต์ออกสื่อก็ใช้ชีวิตในแดนไกลไปนู้นที มานี่ที ชิลล์ๆ มิใช่หรือ!?
คนวงในรัฐบาลเขาว่า นั่นมัน "คอนเทนต์" แต่ของจริงคนในตระกูล "ชินวัตร" เขาแบ่งงานกันทำจร้า
นอกจาก"อุ๊งอิ๊งค์" เป็นนายกฯ อย่างเป็นทางการ มีไว้สำหรับออกงาน-โชว์อีเว้นต์
ดังบทบาทล่าสุดโชว์ "ไลฟ์ขายทุเรียน" ของ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อแก้ปัญหาราคาผลไม้ตกต่ำนั่นไง
มี "พ่อนายกฯ" ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็น "นายกตัวจริง" คิดและสั่งการรัฐบาลออกหน้าออกตา
ผลงานการผลักดัน "กาสิโน" เอนเตอร์เทนเม้นต์คอมเพล็กซ์ จะเอาให้ได้ ให้รัฐบาลทำให้ไว ก็มาจากฝีมือ "โทนี่แอนด์เดอะแก๊ง" ที่มีพวกพ้องเป็นนายทุน และเพื่อนซึ่งทำธุรกิจกาสิโนอยู่แล้ว ในสิงคโปร์
อย่างไรก็ตาม ความไม่ไว้วางใจใคร เป็นนิสัยปกติธุระของ “ตระกูลชินวัตร” เมื่อกุม "อำนาจรัฐ" ได้เบ็ดเสร็จ ก็ไม่อยากให้ "ชิ้นปลา" กระเด็น หรือมอบหมายใครให้ดูแลกระทรวงใหญ่ๆ ภายใต้การกำกับดูแลของพรรคเพื่อไทย
ดังนั้น แค่พ่อนายกฯ และ ลูกนายกฯ จึงลงไป "ล้วงลูก" ด้วยตัวเองไม่พอ!
ฟังว่างานนี้จึงต้องมี "อานายกฯ" หรือ "อาปู-ยิ่งลักษณ์" น้องรัก "ทักษิณ" มาช่วยล้วงลูก มาเอี่ยวกับการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ อีกคน
ไม่รู้ว่า "โทนี่" แบ่งงานให้น้องสาว “ปู-ยิ่งลักษณ์” กำกับกระทรวง-หน่วยงานไหน อะไรบ้าง หรือเป็น "ยิ่งลักษณ์" ร้องขอจะคุมเอง ที่ไหนอย่างไร !?
ที่แน่ๆ ข่าววงในยืนยันตรงกัน "ยิ่งลักษณ์" ดูแลกระทรวงคมนาคม ยื่นมือยาวๆ ลงไปกำกับตั้งแต่โครงการ "เมกะโปรเจกต์" หลายแสนล้าน ไปจนถึงการจับวางคน โยกย้ายตำแหน่งสำคัญๆ ของหน่วยงานภายใต้การกำกับของกระทรวง
ขณะที่ "สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ปกติเป็นเจ้าของฉายา "สุริยะมือเหล็ก" กลับกลายเป็น "สุริยะ มือไม้อ่อน"
อะไรที่ "ยิ่งลักษณ์" สั่ง "สุริยะ" ไม่กล้าไม่ทำตาม
แว่วว่า ล่าสุด "ยิ่งลักษณ์" กดปุ่มรีโมตจากแดนไกล สั่งให้ "สุริยะ" บินไปรายงาน และรับคำสั่งถึงดูไบ!
นี่คงเป็นเรื่องสำคัญ หรือเมกะโปรเจกต์ใหญ่ที่ "นายกฯอาปู" ยิ่งลักษณ์ ต้องกำชับกำกับอย่างใกล้ชิดเองชนิดที่ "สุริยะ"ห้ามพลาด
จะเกี่ยวข้อง เกี่ยวพันกับการเคลียร์ที่ดินการท่าเรือ ที่จะใช้เป็นที่ตั้งของ "กาสิโนคอมเพล็กซ์" หรือไม่ !?
เพราะระหว่าง "ยิ่งลักษณ์" กับ เศรษฐีหนุ่มสิงคโปร์ เจ้าของเอนเตอร์เทนเม้นต์ และกาสิโน เห็นว่ามีความสัมพันธ์กันดีเป็นพิเศษ ...ไม่ธรรมดา!
ใช่หรือไม่ใช่ เรื่องนี้ก็ต้องเดาๆ กันไว้ก่อน แต่ที่ไม่ต้องเดาใครบินไปดูไบถี่ๆ คงต้องถาม "สุริยะมือไม้อ่อน" กันเองนะจ๊ะ!.
++ ขีดเส้น 9 ก.ค.ปิดคดีฮั้ว สว. เลขาฯกกต. ยันจบแน่
แม้ว่าจะเกิดกรณี ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งให้ “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” รมว.ยุติธรรม ยุติการปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว เฉพาะการกำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ “ดีเอสไอ” แต่อีกด้านหนึ่ง คดีที่อยู่ในมือร่วมกันของ กกต. และ ดีเอสไอ ยังคงเดินหน้าไปตามปกติ
คือทั้ง คดีฮั้วเลือกสว. ฟอกเงิน อั้งยี่ซ่องโจร!
ที่ผ่ามา มีการตั้งข้อสังเกตกันว่า การที่ดีเอสไอ ยื่นมือเข้ามาร่วมทำคดีนี้ ทำให้ทุกอย่างดูเหมือนเดินหน้าเร็วขึ้น ต่างจากที่ผ่านมา หาก กกต.ทำตามลำพัง กว่าจะสืบสวน สอบสวน หาพยานหลักฐาน ในชั้นอนุกรรมการ ก็กินเวลาไปมากโข บ่อยครั้งที่มีการขอขยายเวลา กว่าจะได้ข้อสรุปในชั้นอนุกรรมการเพื่อเสนอต่อ เลขาธิการ กกต.
แต่ครั้งนี้ เมื่อมีการออกหมายเรียกไปแล้ว ก็ได้กำหนดไว้เลยว่า ระหว่างวันที่ 19 -21 พ.ค.จะให้ผู้ที่ได้รับหมายเรียก จำนวน 55 คน มารายงานตัวเพื่อชี้แจงที่สำนักงาน กกต. แบ่งเป็น วันที่ 19 พ.ค. จะมี สว.ที่ กกต.ได้ส่งหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหา 22 คน อาทิ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาฯ คนที่ 1 นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี, นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา พล.ต.ท.บุญจันทร์ นวลสาย, นายอลงกต วรกี นายชีวภาพ ชีวะธรรม
วันที่ 20 พ.ค. รวม 22 คน อาทิ พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร, นายสมพาน พละศักดิ์, และ พ.ต.ท.สง่า ส่งมหาชัย และ วันที่ 21 พ.ค. รวม 11 คน อาทิ นายโชคชัย กิตติธเนศวร
“แสวง บุญมี” เลขาฯกกต. ระบุถึงกระบวนการตรวจสอบว่า ในชั้นนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาเรื่องคัดค้าน หรือการร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องเลือก สว. เราดำเนินการตามระเบียบสืบสวนไต่สวน มีอยู่ 4 ขั้นตอน ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมการสืบสวนสอบสวน ถือว่ายังอยู่ใน ชั้นที่ 1 ส่วนความกังวลเรื่องเวลาว่าจะเสร็จเมื่อไร เสร็จทันภายใน 1 ปี หรือไม่นั้น
ตามระเบียบสืบสวนได้กำหนดไว้ว่าทางสำนักงานฯต้องส่งเรื่องให้กกต. ภายในระยะเวลา 1 ปี นับแต่วันประกาศผลการเลือก สว.
ทั้งนี้ การเลือกสว. ประกาศผลไปเมื่อวันที่ 10 ก.ค.67 ดังนั้น ต้องส่งก่อนวันที่ 9 ก.ค.68 ยังมีเวลาอยู่ประมาณ 1 เดือน 20 วัน
เวลาที่กำหนดไว้ เป็นมาตรการเร่งรัดในชั้นของ สำนักงาน กกต. เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้ทราบว่า ขั้นตอนยังอยู่ในชั้นไหน แต่เวลาดังกล่าวจะไม่กระทบกับการอำนวยความยุติธรรมที่เป็นอิสระ หรือกระทบกับการกระทำของบุคคลใดที่กระทำการโดยสุจริต ไม่ได้หมายถึงเป็นแค่เวลาเร่งรัดทำงาน ส่วนเวลาของ กกต. ก็เป็นอีกเวลาหนึ่ง หลังจากที่สำนักงานฯ ได้ส่งเรื่องมาแล้ว และตามที่ได้ตรวจสอบกับคณะกรรมการสืบสวน ทราบว่า คณะกรรมการสืบสวน มีแผนที่จะทำให้เสร็จตามเวลา
ส่วนเรื่องเนื้อหา หรือการรวบรวมพยานหลักฐาน ไม่มีผู้ใด ไม่ว่าจะกกต.หรือ เลขาฯ เข้าไปแทรกแซง การตรวจสอบเป็นอิสระ ไม่ว่าในชั้นใดชั้นหนึ่ง
ในจังหวะที่ สว.กว่า 50 คน ถูกเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาเช่นนี้ ทางกลุ่ม“สว.พันธุ์ใหม่” โดย “นันทนา นันทวโรภาส” สว. ก็ออกมาประกาศว่า จะล่าชื่อ สว.ให้ได้อย่างน้อย 20 ชื่อ เพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาสั่งการให้สว.ทั้ง 200 คน หยุดปฏิบัติหน้าที่ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเห็นชอบ ผู้ดำรงตำแหน่งองค์กรอิสระทั้งกระบวนการเอาไว้ก่อน ส่วนงานอื่นให้ทำได้ตามปกติ
เลียนแบบที่ศาลรธน. สั่งให้ “ทวี สอดส่อง”ยุติการกำกับดูแล “ดีเอสไอ” เป็นการชั่วคราว
เพราะหากให้ สว.ที่มีที่มาไม่ชัดเจน ได้เข้าไปทำหน้าที่เห็นชอบกรรมการองค์กรอิสระนั้น จะเป็นการ “ขัดกันแห่งผลประโยชน์” หรืออาจเป็นไปในลักษณะ “ต่างตอบแทน” ก็เป็นได้
น่าสนใจว่า กระบวนการล่าชื่อเพื่อเบรกการทำหน้าที่ของสว. ในเรื่องให้ความเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งองค์กรอิสระจะสำเร็จหรือไม่ ต้องติดตาม !