xs
xsm
sm
md
lg

“ทักษิณ”อาการไม่ดี กบดานเงียบ !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ทักษิณ ชินวัตร
เมืองไทย 360 องศา

เวลานี้หลายคนกำลังถกเถียงกันว่าในที่สุดแล้ว นายทักษิณ ชินวัตร จะต้องกลับไปติดคุก จริงหรือไม่ และยังคิดว่าในวันที่ 13 มิถุนายน นี้ วันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดไต่สวนกรณีที่นายทักษิณ ยังไม่ได้ถูกจำคุกตามคำพิพากษาของศาล และถูกนำตัวมารักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยายาบาลตำรวจ โดยมิชอบ

ที่ผ่านมาศาลเห็นว่าอาจมีการบังคับคำพิพากษาไม่เป็นไปตามหมายจำคุก ศาลย่อมมีอำนาจไต่สวน และมีคำสั่งตามที่เห็นสมควร จึงเห็นควรให้โจทก์ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และจำเลย (นายทักษิณ ชินวัตร) แจ้งต่อศาลว่ามีข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร กับสำเนาคำร้องให้ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อศาล โดยนัดไต่สวนในวันที่ 13 มิ.ย. 2568 ดังกล่าว

อย่างไรก็ดี มีข้อสงสัยตามมาอีกว่า ในวันที่ 13 มิถุนายน ดังกล่าวนั้น นายทักษิณ จำเป็นต้องไปปรากฏตัวและชี้แจงต่อศาลหรือไม่ เพราะมีกูรูทางกฎหมายบางคนบอกว่า “ไม่จำเป็น หรือไม่ต้องไป” บางคนก็บอกว่าให้ “ส่งทนาย” ไปแทนก็ได้

ซึ่งที่ผ่านมา มีแนวโน้มว่าเขาน่าจะส่งทนายความไปแทน พร้อมกับการนำส่งเอกสารไปชี้แจงต่อศาลในวันนั้น หลังจากที่ทนายความส่วนตัวได้เคยให้สัมภาษณ์มาแล้ว

อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องพิจารณาตามมาอีกก็คือ หากการนำตัว นายทักษิณ ออกมารักษาตัวในชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบจะทำให้เขาต้องกลับไปรับโทษจำคุกอีกครั้ง หรือไม่ มีความเห็นจากนักกฎหมาย เช่น นายคมสัน โพธิ์คง อดีตอาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวว่า ต้องทำความเข้าใจว่าทักษิณ ต้องกลับไปจำคุก ถ้าศาลชี้ว่าการไปอยู่ของทักษิณ ไม่ได้ปฏิบัติตาม ป.วิฯ อาญา มาตรา 246 จะอ้างว่าได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้ว ไม่ได้

1. การอภัยโทษที่ผ่านมา เป็นเพียงหลักเกณฑ์นักโทษคนใดเข้าเกณฑ์จะได้รับพระราชทานอภัยโทษ ไม่ใช่การอภัยโทษเป็นรายบุคคล และเป็นการตราตามวาระพิเศษต่างๆ ไม่สามารถใช้ได้ตลอดกาล

2. คนได้รับพระราชทานอภัยโทษตามพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษ ต้องได้รับโทษมาแล้ว และได้รับการเลื่อนชั้นเป็นนักโทษชั้นดีขึ้นไป แต่ทักษิณกำลังจะถูกชี้ว่าได้รับการจำคุกตามหมายจำคุกของศาล หรือไม่ ถ้าศาลชี้ว่า การที่เรือนจำส่งไปชั้น 14 ขัดกับ ป.วิฯ อาญา มาตรา 246 เท่ากับยังไม่ได้รับโทษจำคุก

3. ตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ฯ กำหนดให้นักโทษใหม่เป็นนักโทษชั้นกลาง ซึ่งพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษฯ กำหนดไว้ว่าจะไม่ได้รับการอภัยโทษ

4. เมื่อยังไม่ได้รับโทษจำคุก จึงยังไม่ได้เป็นนักโทษชั้นใดเลย การเลื่อนชั้นนักโทษไม่มีเหตุเจ็บป่วยให้เลื่อนชั้น

5. เมื่อไม่ได้เป็นนักโทษชั้นใดเลย ต้องไปรับโทษก่อนเพื่อได้รับสถานะนักโทษชั้นกลางก่อน ซึ่งไม่อาจได้รับพระราชทานอภัยโทษได้

6. การอภัยโทษที่ราชทัณฑ์ทำให้ทักษิณไป จึงเป็นการอภัยโทษที่ไม่เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาฯ เป็นการอภัยโทษที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

7. ส่วนที่ทักษิณได้รับการพักโทษภายหลังจากได้รับการอภัยโทษให้ลดโทษก็ไม่เข้าเงื่อนไขเช่นเดียวกัน จึงเป็นการพักโทษที่่ไม่ชอบด้วยกฎหมายไปด้วย

เมื่อเป็นการอภัยโทษที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็ต้องกลับไปรับโทษเสียก่อน ตามเงื่อนไข 1 ปี และไปรอการรับพระราชทานอภัยโทษครั้งใหม่ ซึ่งต้องมีพระราชกฤษฎีกาฯ ออกมาใหม่ตามวาระพิเศษต่างๆ

ขณะเดียวกัน สิ่งที่ต้องพิจารณาว่าการนำตัวออกมาจากเรือนจำมารักษาอาการที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบนั้น อาจมีผลเชื่อมโยงกับผลการสอบสวนของแพทยสภา ที่สั่งพักใบอนุญาตสองแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ และ ตักเตือนแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ที่ระบุว่า “รายงานอาการป่วยเป็นเท็จ” คือไม่ได้ป่วยวิกฤต ที่เป็นเงื่อนไขให้ต้องออกจากเรือนจำมารักษาอาการที่โรงพยาบาลข้างนอก ซึ่งผลสอบดังกล่าวอาจมีผลต่อการไต่สวนของศาลในวันที่ 13 มิถุนายนนี้ ด้วยก็ได้

แม้ว่าเวลานี้ผลการสอบสวนของแพทยสภาจะต้องรอการเห็นชอบจาก นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษภายใน 15 วัน ซึ่งล่าสุดนายสมศักดิ์ ได้ตั้งคณะกรรมการพิเศษขึ้นมาพิจารณามติแพทยสภา โดยให้พิจารณาภายใน 15 วัน คาดว่าทุกอย่างจะทราบผลภายในสิ้นเดือนนี้ และแพทยสภา จะมีการประชุมประจำเดือน ในวันที่ 8 มิถุนายน ก่อนที่ศาลฎีกาฯ นัดไต่สวน วันที่ 13 มิถุนายน

เมื่อพิจารณาตามอาการแล้วถือว่าสำหรับนายทักษิณ ชินวัตร เวลานี้ ไม่ว่าจะเรื่องการพิจารณาจากหลักฐานแวดล้อม บรรยากาศรอบตัวล้วนถือว่าค่อนข้างหนัก ไม่ค่อยเป็นผลบวกเท่าใดนัก และอย่าได้แปลกใจที่เวลานี้จะไม่เห็นการเคลื่อนไหวภายนอกออกมาให้เห็นเลย เรียกว่า “กบดานเงียบ” นับตั้งแต่ วันที่ 30 เมษายน ที่ศาลฎีกาฯ รับไต่สวนเรื่องที่ไม่บังคับคำพิพากษาไม่เป็นไปตามหมายจำคุก และยังมีผลการสอบสวนของแพทยสภาที่ลงโทษแพทย์โรงพยาบาลตำรวจที่รายงานการรักษาเป็นเท็จ ดังนั้นถือว่า งานนี้ “น่าจะหนัก” จนต้องลุ้นกันว่า “จะหนี” หรือไม่ !!



กำลังโหลดความคิดเห็น