“ธรรมนัส” ยันเปิดตัว “อนุดิษฐ์-การุณ” ไม่เป็นพรรคสาขาใคร เผย พาคุย “ทักษิณ” ก่อนเข้าพรรคแล้ว โว 30 สส เตรียมตบเท้าซบรายสัปดาห์ แต่ไม่มีแจกกล้วย อุบ พปชร.อาจร่วมอีก บอกพี่น้องกันทั้งนั้น เป็น สส.ได้เพราะผม ยันไม่เคยคิดแย่งเก้าอี้ มท.1 เพราะกล้าธรรมยังไม่มีคนที่จะเป็นได้ ให้ “เสี่ยหนู” นั่งดีอยู่แล้ว ชี้ ปัญหาการเมืองต้องจบด้วยการคุยกัน อย่าทะเลาะกันแล้วไปจบด้วยการทหาร เชื่อ “คดีชั้น 14” ไม่พา รบ.เสียหลัก อยู่ครบเทอม ไม่มีปรับขั้วการเมือง
วันที่ 16 พฤษภาคม 2568 ที่โรงแรมโกลเด้นทิวลิป ภายหลังการเปิดตัว น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ และ นายการุณ โหสกุล เข้าพรรคกล้าธรรม ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดตัวอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคเพื่อไทย จะกลายเป็นพรรคสาขาหรือไม่นั้น ร้อยเอก ธรรมนัส ระบุว่า ทั้ง น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ และ นายการุณ โหสกุล อยู่กันมาตั้งแต่วัยรุ่น และถือเป็นผู้อาวุโสทางการเมืองของประเทศ เมื่อถึงจุดอิ่มตัวทางการเมืองตนก็ต้องการสร้างพรรคให้เป็นสถาบันทางการเมืองอย่างแท้จริง เราต้องหาคนที่มีความพร้อม ความคิดความอ่านก็คล้ายกัน จากนี้จะมีกลุ่มคนรุ่นใหม่ คนมีความรู้ วุฒิภาวะ ทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ตนพยายามที่จะไม่เปิดตัวทีเดียว
ร้อยเอก ธรรมนัส เปิดเผยด้วยว่า ก่อนการทาบทามอดีตนักการเมือง 2 คนนี้มาเข้าพรรคกล้าธรรม ก็ได้พาไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีแล้ว พร้อมกล่าวว่า ตนจะทำอะไรต้องหารือที่มาที่ไปของแต่ละคนอยู่แล้ว วิถีชีวิตที่เคยอยู่กันมา เมื่อถึงเวลาแยกกันก็ไม่ได้ขัดแย้งกัน
ผู้สื่อข่าวถามถึง สส.อีกกว่า 30 ราย ที่จะย้ายเข้าพรรคกล้าธรรมนั้น ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าวว่า จะมีการทยอยเปิดตัวรายสัปดาห์ ซึ่งอาจจะมีบิ๊กเนม และ สส.สมัยปัจจุบันมาร่วมด้วย
ส่วนจะเป็น สส.พลังประชารัฐ หรือไม่ ร้อยเอก ธรรมนัส ตอบว่า สส.เหล่านั้นก็เป็นพี่น้องทั้งนั้น หลายคนเป็น สส.ก็เพราะตนช่วยมา ถ้าไม่มีตนก่อนหน้านี้ก็คงเหนื่อย แต่ขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุยกัน เพราะตนไปลุยศึกเลือกตั้งซ่อมนครศรีธรรมราชมา พร้อมยืนยันว่า ตนไม่ได้ไปแจกกล้วยให้ สส.ตามที่เป็นข่าว ตนต้องดูว่าแต่ละคนมีอุดมการณ์ทางการเมืองอย่างไร ตอนนี้เหลือเวลาปีกว่า คงไม่มีใครไปทำอย่างนั้น
ร้อยเอก ธรรมนัส ยังได้ตอบโต้พรรคประชาชน ว่า พรรคกล้าธรรมไม่ได้มีพลังดูด เพียงแต่เป็นการดูว่าใครทำประโยชน์ให้กับประชาชนอย่างไรได้บ้าง เช่น สส.ในพื้นที่นครศรีธรรมราช สะท้อนปัญหาเรื่องร้านปาล์มตกต่ำ ร้านปาล์มไม่รับซื้อ ซึ่งจะต้องแก้ไขปัญหานี้ทันที
ผู้สื่อข่าวยังถามถึงกรณีคดีชั้น 14 นายทักษิณ จะส่งผลอะไรต่อเสถียรภาพของรัฐบาลหรือไม่ ร้อยเอก ธรรมนัส ระบุว่า ไม่มี การเมืองไม่มีอะไรแน่นอน รวมทั้งยังปฏิเสธกรณีที่นางสาวพรรณิกา วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ตั้งข้อสังเกตว่า พรรคกล้าธรรม พยายามดูด สส. เพื่อต่อรองเก้าอี้กระทรวงมหาดไทย ยืนยันไม่เคยมีแนวคิดเรื่องนี้ เพราะในพรรคกล้าธรรมไม่มีบุคลากรที่มีคุณสมบัติไปนั่งเป็น มท.1 และขณะนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ดำรงตำแหน่งก็ดีอยู่แล้ว เมื่อถามว่า ได้ไปเยี่ยมหรือไม่ ร้อยเอก ธรรมนัส บอกว่า ตอนนั้นที่นายอนุทินป่วย ตนเองก็ป่วย
ร้อยเอก ธรรมนัส ยังกล่าวถึงกรณีหากในอนาคตพรรคกล้าธรรม มี สส.เพิ่มจะส่งผลถึงโควตาตำแหน่งรัฐมนตรีว่า ได้มองข้ามช็อตไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า ไม่ได้มองในครั้งนี้ หากรัฐบาลไม่ได้มีปัญหากันก็อยู่แบบนี้ดีอยู่แล้ว และขออย่ามองว่าพรรคกล้าธรรมพยายามขยับมาแทนที่อันดับพรรคภูมิใจไทย เพียงแต่มองว่าหากพรรคก็ทำได้ สส.มาเยอะสามารถมีตัวแทนช่วยเหลือประชาชนได้
ส่วนประเด็นที่พรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อไทย ไปกันไม่ค่อยได้ทำให้กระทบต่อการบริหารงานหรือไม่ว่า เน้นว่าเรื่องการเมืองต้องคุยกัน การเมืองต้องจบด้วยการคุยกัน อย่าให้การเมืองเมื่อทะเลาะกันแล้วหรือขัดแย้งกันแล้วไปจบการทหาร ซึ่งมีความมั่นใจว่าสามารถคุยกันได้
ส่วนกรณีปัญหาในรัฐบาลจะอยู่ครบเทอมหรือไม่ ร้อยเอก ธรรมนัส ไม่ได้ตอบยืนยันชัดเจน เพียงระบุว่า ในฐานะเป็นนักการเมืองก็มีการประเมินการเมืองตลอดเวลา ซึ่งในท้ายที่สุดต้องมีการเจรจากัน และเป็นคนกันเองทั้งนั้น
ร้อยเอก ธรรมนัส ไล่เรียงไทมไลน์ว่าเมื่อเปิดประชุมสภาสมัยสามัญในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมก็จะเหลือเวลาอีกปีกว่า ซึ่งทุกพรรคการเมืองก็จะต้องเริ่มจัดพรรคแล้ว และเชื่อว่า ในปีนี้จะไม่มีอุบัติเหตุทางการเมือง แต่เชื่อว่ารัฐบาลจะอยู่ครบเทอมและจะมีการคุยกัน ไม่มีการขับพรรคใดออกจากพรรคร่วมรัฐบาล
“คนไม่สมหวังก็คอยยุคอยแหย่เป็นเรื่องปกติ แต่ท้ายที่สุดหากเค้าคุยกันคุณก็ผิดหวัง สังคมไทยเราต้องเปลี่ยน” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
ร้อยเอก ธรรมนัส ปฏิเสธแสดงความเห็นว่าหากการเลือกตั้งครั้งหน้าตัวเลข สส.พรรคเพื่อไทย ไม่ได้เสียงข้างมาก จะทำให้สมการจะเปลี่ยนหรือไม่ เพียงกล่าวว่าทุกพรรคต่างก็มีจุดยืนของตัวเอง ไม่ขอพูดเรื่องการปรับ ครม. เพราะไม่ใช่อำนาจ และเชื่อว่าไม่มีการปรับขั้วการเมือง และเป็นคนละเรื่องกับกรณีฮั้ว สว. ก็ว่าไป ส่วนเรื่องการเมืองสภาล่างก็ว่ากันไป