xs
xsm
sm
md
lg

“ธีระชัย” เขียน จม.เปิดผนึกถึงเลขาฯ กฤษฎีกา ชี้ พ.ร.บ.หนี้สาธารณะ ไม่รองรับ G-Token - เสี่ยงผิด พ.ร.บ.เงินตรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อดีต รมว.คลัง เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงเลขาฯ กฤษฎีกา พร้อมสำเนาถึงผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ แจงปัญหา G-Token พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ ไม่รองรับ และจะกระทบการดำเนินนโยบายการเงินของ ธปท. เข้าข่ายฝ่าฝืน พ.ร.บ.เงินตรา

วันนี้ (16 พ.ค.) นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา และทำสำเนาถึงผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง ปัญหากฎหมายกรณีรัฐบาลออกโทเคนดิจิทัลของรัฐบาล (G-Token) มีรายละเอียด ดังนี้

จดหมายเปิดผนึกถึงเลขากฤษฎีกาสำเนาถึงผู้ว่า ธปท.เรื่อง G-Token

วันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๘

เรื่อง ปัญหากฎหมายกรณีรัฐบาลออกโทเคนดิจิทัลของรัฐบาล (Government Token: G-Token)

เรียน เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา

ตามที่เมื่อวันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๘ คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติวิธีการกู้เงินโดยการออก โทเคนดิจิทัลของรัฐบาล (Government Token: G-Token) ตามมาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘
และอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกําหนด หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการออกโทเคนดิจิทัล พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ

โดยปรากฏในรายงานการประชุมสํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นชอบ/ไม่ขัดข้อง นั้น

ข้าพเจ้ามีความเป็นห่วงว่าการพิจารณากฎหมายบางประเด็นอาจเป็นตัวอย่างสำหรับการปฏิบัติที่จะก่อความเสี่ยงต่อฐานะการคลังและการดำเนินนโยบายการเงินในอนาคต จึงขอให้ข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์ในการพิจารณาดำเนินการขั้นต่อไป ดังนี้

๑. พระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ไม่ได้รองรับโทเคนดิจิทัล

ถึงแม้มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ ระบุว่า “การกู้เงินตามพระราชบัญญัตินี้จะทําเป็นสัญญาหรือออกตราสารหนี้ หรือวิธีการอื่นใดก็ได้ ทั้งนี้ ตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ” แต่คำว่า “วิธีการอื่นใด” ไม่สามารถตีความรวมไปถึงโทเคนดิจิทัลได้ เพราะยี่สิบปีก่อนหน้าในปี พ.ศ. ๒๕๔๘ ยังไม่ได้มีการสร้างบิตคอยน์เกิดขึ้น ยังไม่มีธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล

ส่วนพระราชกําหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. ๒๕๖๑ ที่บัญญัติคำว่าโทเคนดิจิทัลนั้น เกิดขึ้นสิบสามปีภายหลัง และระบุหลักการและเหตุผลว่า ตราขึ้นเพื่อกํากับหรือควบคุมการนำคริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมาใช้เป็นเครื่องมือในการระดมทุนและค้าขายระหว่างเอกชน

จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดระเบียบในธุรกิจเอกชน แต่มิใช่การตรากฎหมายเพื่อใช้ในการบริหารหนี้สาธารณะ

ข้าพเจ้าจึงมีความเห็นว่ายังไม่มีกฎหมายใดที่อาจตีความได้ว่าให้อำนาจกระทรวงการคลังในการออกโทเคนดิจิทัลในกระบวนการบริหารหนี้สาธารณะตามพระราชบัญญัติ พ.ศ. ๒๕๔๘

๒. โทเคนดิจิทัลของรัฐบาลเข้าข่ายพระราชบัญญัติเงินตรา

ในพระราชกําหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. ๒๕๖๑ ที่บัญญัติว่า “สินทรัพย์ดิจิทัล” หมายความว่า คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัล โดย “คริปโทเคอร์เรนซี” มีลักษณะเป็นเงินตราอย่างหนึ่งซึ่งต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ. ๒๕๐๑ นั้น

ถึงแม้กระทรวงการคลังแถลงข่าวว่าสิ่งที่ออก G-Token เป็นโทเคนดิจิทัลและมิได้หมายจะให้เป็นเงินตรา แต่ข้าพเจ้าขอเรียนว่าพฤติกรรมการใช้งานโดยประชาชนจะทำให้ G-Token กลายสภาพเป็นคริปโทเคอร์เรนซีซึ่งเป็นเงินตราโดยอัตโนมัติ ด้วยเหตุผลดังนี้

ก) ผู้ออกเป็นกระทรวงการคลังซึ่งมีเครดิตและความน่าเชื่อถือของรัฐบาลไทยเป็นประกัน จึงจะเป็นที่เชื่อมั่นจะนิยมโดยประชาชนอย่างกว้างขวาง

ซึ่งแตกต่างจากโทเคนดิจิทัลที่ออกโดยนิติบุคคลเอกชนเนื่องจากมีขอบเขตการใช้งานที่จำกัด

ข) โทเคนดิจิทัลที่ออกโดยนิติบุคคลเอกชนไม่อาจนำไปแลกเปลี่ยนเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลตัวอื่นได้ จึงไม่มีสภาพเป็นเงินตรา แต่ G-Token มีความน่าเชื่อถือสูงที่จะสามารถนำไปแลกเปลี่ยนเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลตัวอื่นได้ จึงมีสภาพเป็นคริปโทเคอร์เรนซีซึ่งเป็นเงินตรา

ค) ถึงแม้กระทรวงการคลังอาจมิได้มีความประสงค์ที่จะให้ประชาชนใช้ G-Token เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนเพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้าบริการหรือสิทธิอื่นใดในทำนองคริปโทเคอร์เรนซี

แต่ในทางปฏิบัติประชาชนจะเชื่อถือและยอมรับการใช้ G-Token ในการชำระหนี้ระหว่างกัน อันจะทำให้มีสภาพข้อเท็จจริงตามเนื้อหาทางเศรษฐกิจเป็นเงินตราอย่างหนึ่งโดยอัตโนมัติ


ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงเห็นว่าการออก G-Token โดยรัฐบาลจะกระทบการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย เข้าข่ายฝ่าฝืนพระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ. ๒๕๐๑ มาตรา ๑๐ ซึ่งให้อำนาจกระทรวงการคลังเฉพาะจัดทําและนําออกใช้ซึ่งเหรียญกษาปณ์

ส่วนในมาตรา ๑๔ อำนาจในการจัดทำ จัดการ และนำออกใช้ซึ่งธนบัตรของรัฐบาลนั้นเป็นของธนาคารแห่งประเทศไทย
และขอเรียนว่าภาพพจน์ที่รัฐบาลไทยจะสามารถดำเนินการเสมือนหนึ่งพิมพ์เงินตราได้เองเพื่อชดเชยรายจ่ายงบประมาณที่ขาดดุลจะก่อความกังวลต่อเสถียรภาพของระบบการเงินไทยในสายตาของชาวโลกอย่างหนัก

ข้าพเจ้าจึงขอปฏิบัติหน้าที่ของปวงชนชาวไทยตามมาตรา ๕๐ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ แจ้งข้อมูลนี้

เพื่อประโยชน์แก่ท่านเพื่อพิจารณาให้คำแนะนำต่อรัฐบาลอันจะเป็นประโยชน์อย่างแท้จริงต่อประเทศชาติและประชาชน
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา

ขอแสดงความนับถือ

(นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล)
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

สำเนาเรียน ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย


กำลังโหลดความคิดเห็น