เปิดตัวเลข “กองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา” ปีงบฯ 66-67 หลัง ครม.รับทราบรายงาน สตง. เฉพาะ “เงินทุนเลี้ยงชีพ” ในปีงบฯ 67 มีสมาชิกขอรับสิทธิ 1,291 คน จัดสรรแล้ว 207 ล้าน สูงกว่างบฯที่ได้รับจัดสรร 180 ล้าน พบเพิ่มขึ้นจากปี 66 ถึง 22.3 ล้าน คาดเป็น “เลขาธิการสภา” เคยทำหนังสือแจ้งถึงสมาชิกเมื่อต้นปี ขอชะลอการจ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพไปพลางก่อน เหตุเบิกจ่ายเพิ่มขึ้น ทำให้เงินงบประมาณไม่เพียงพอ เผย ข้อมูล มี “อดีตสมาชิกกองทุนฯ” กลับเข้าสภาฯชุดนี้ เป็น ส.ส. 11 คน
วันนี้ (16 พ.ค.) มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี 13 พ.ค.ที่ผ่านมา ครม. รับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567
ในส่วนของ “กองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา” ที่รายงานถึงผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เมื่อ 24 ม.ค. 2568
โดยมีข้อมูลที่น่าสนใจ ซึ่ง “กองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา” อยู่ในกำกับสำนักงานสภาผู้แทนราษฎร ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณ ตามแผนงานด้านปารปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการรภาครัฐ
“ปี 2566 วงเงิน 157 ล้านบาท และ ปีงบประมาณ 2567 วงเงิน 180 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวหลังพ้นจากตำแหน่ง อัตราการจ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง โดยมีอัตราสูงสุด 60% ของเงินเดือนสุดท้าย”
ข้อมูลที่น่าสนใจ พบว่า เป็นตัวเลขของ “เงินทุนเลี้ยงชีพ” สำหรับผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา ในปีงบฯ 2567 มีการจัดสรร จํานวน 207,289,611.31 บาท (ปี 2566 จํานวน 184,914,098.08 บาท) เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จํานวน 22,375,513.23 บาท
ค่ารักษาพยาบาล 20,609,093.90 บาท (ปี 2566 จํานวน 13,449,490.09 บาท) เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จํานวน 7,159,603.81 บาท
การจ่ายเงินช่วยเหลือกรณีถึงแก่กรรม ปีละ 4,300,000 บาท และการจ่ายเงินช่วยเหลือกรณีทุพพลภาพ 1,035,000 บาท (ปี 2566 จํานวน 940,000 บาท) เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จํานวน 95,000 บาท
ข้อมูล ยังระบุว่า เนื่องจากจํานวนผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภาในงวดปี 2567 มีการเปลี่ยนแปลงไป ดังนี้
ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภายื่นรับเงินทุนเลี้ยงชีพ เพียงวันที่ 30 กันยายน 2566 มีจํานวน 1,055 คน มีการยื่นรับเงินทุนเลี้ยงชีพเพิ่ม จํานวน 334 คน
อย่างไรก็ตาม มีการหักยอด ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา ที่ยื่นรับเงินทุนเลี้ยงชีพถึงแก่กรรม จํานวน 23 คน สิ้นสุดรับเงินทุนเลี้ยงชีพ จํานวน 64 คน และกลับมาดํารงตําแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จํานวน 11 คน
โดย ผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภายื่นรับเงินทุนเลี้ยงชีพ เพียงวันที่ 30 กันยายน 2567 มีจํานวน ทั้งสิ้น 1,291 คน
สำหรับ กรณีของเงินทุนเลี้ยงชีพ เป็นไปจํามานวนผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา ที่ยื่นขอรับเงินทุนเลี้ยงชีพ โดยมีสิทธิรับ เงินทุนเลี้ยงชีพ
ตั้งแต่วันที่ระเบียบคณะกรรมการกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภาว่าด้วยการบริหาร ค่าใช้จ่ายในการดําเนินงาน การรับเงิน การเก็บรักษาเงิน การอนุมัติการเบิกจ่ายเงิน การจ่ายเงิน การจัดหาผลประโยชน์
และการจ่ายเงินช่วยเหลือกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา พ.ศ. 2556 มีผล ใช้บังคับ วันที่ 1 ตุลาคม 2556
ขณะที่ รายได้ของ กองทุนฯ เฉพาะ เงินสมทบจากสมาชิกรัฐสภา จํานวน 30,880,387.18 บาท ที่หักเข้ากองทุนเป็นประจําทุกเดือน
จากเงินประจําตําแหน่งในอัตราที่คณะกรรมการกําหนด เดือนละ 3,500 บาท ตามมติคณะกรรมการกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา ครั้งที่ 1/2556
มีรายงานว่า เมื่อต้นปีงบประมาณ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร มีหนังสือถึงผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา เรื่อง ชะลอการจ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพไปพลางก่อน (กองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา)
โดยรายละเอียด ตอนหนึ่งว่า เนื่องจากมีการปรับแก้ไข ระเบียบคณะกรรมการกองทุนฯ โดยมีการเพิ่มอัตราการจ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพ การจ่ายเงินช่วยเหลือในการรักษาพยาบาล
การจ่ายเงินช่วยเหลือกรณีถึงแก่กรรม และการจ่ายเงินช่วยเหลือกรณีทุพพลภาพ ส่งผลให้การเบิกจ่ายเพิ่มขึ้น ทำให้เงินงบประมาณไม่เพียงพอ
ดังนั้น จึงต้องชะลอการจ่ายเงินทุนเลี้ยงชีพตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 ไปพลางก่อน จนกว่าจะได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เพิ่มเติม จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ขอแสดงความนับถือ.
