นักกฎหมายท้า “สมศักดิ์” ยับยั้งมติแพทยสภาลงโทษ 3 หมอเอี่ยวช่วย “ทักษิณ” นอนชั้น 14 จะได้บอกกับนายใหญ่ว่าพยายามช่วยเต็มที่แล้ว และถ้าหากยับยั้งสำเร็จ ก็จะเข้าความผิดฐานเตรียมการล่วงหน้าโดยทุจริต โดนร้องจริยธรรมถูกตัดสิทธิตลอดชีวิต แนะรีบๆ ยับยั้ง ราชทัณฑ์รออยู่
วันนี้(15 พ.ค.) นายคมสัน โพธิ์คง นักวิชาการด้านนิติศาสตร์ ให้ความเห็นต่อกรณีที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภา มีมติลงโทษแพทย์ 3 ราย ที่เกี่ยวข้องกับการส่งตัวนายทักษิณ ชินวัตร ไปรักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ว่า “ผมสนับสนุนให้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.กระทรวงสาธารณสุข ใช้อำนาจ วีโต้ มติ แพทยสภา เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568
“ผมได้รับทราบช่าวลือมาว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.รมว.กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษของแพทยสภา จะใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525 มาตรา 25 วีโต้มติแพทยสภา เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 ที่ให้ลงโทษแพทย์จำนวน 3 คน จากกรณีการส่งตัวนักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร ไปรักษาตัวที่ชั้น 14 รพ. ตำรวจ ซึ่งผมเห็นว่าควรสนับสนุนให้ใช้อำนาจดังกล่าว ด้วยเหตุผลดังนี้
1.นายสมศักดิ์ฯ จะได้ตอบนักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร ได้อย่างเต็มปากว่าตนได้ใช้อำนาจยับยั้งแล้วตามที่ได้รับมอบหมายให้มานั่งเป็นรัฐมนตรี ถึงแม้ว่าในที่สุดอาจจะช่วยไม่ได้ เพราะแพทยสภาคงลงมติอีกครั้ง ซึ่งน่าจะมีจำนวนเกินกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนกรรมการทั้งหมดที่มีอยู่เหมือนเดิม เพราะคงเป็นการยากที่จะมีการเปลี่ยนแปลงมติได้ ซึ่งจะทำให้นายสมศักดิ์ฯ ตอบคำถามได้และคงอธิบายให้ “นาย” ฟังได้ว่า ผมพยายามเต็มที่แล้วครับ แต่มันทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ “นาย “ คงเข้าใจ แล้วอะไรเกิดขึ้นก็ต้องเลยตามเลยไป
2.นายสมศักดิ์ฯ ซึ่งโดยฐานะที่มีการกระทำที่ขัดแย้งกันในอำนาจหน้าที่จากการดำรงตำแหน่งในสองกระทรวง คือเคยเป็น รมว.กระทรวงยุติธรรม และทำการออกกฎกระทรวง การส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ. 2563 ตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 และต่อมาก็มาเป็น รมว.กระทรวงสาธารณสุข ที่มีฐานะเป็นสภานายกพิเศษของแพทยสภา ซึ่งหากนายสมศักดิ์ฯ ใช้อำนาจวีโต้มติแพทยสภา เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 ก็ใช้อำนาจลงโทษแพทย์จำนวน 3 คน ที่ได้มีส่วนร่วมในการส่งตัวนักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร ไปรักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ตามกฎกระทรวง เมื่อ ปี พ.ศ.2563 ที่นายสมศักดิ์ได้ออกมาในครั้งที่เป็นฐานะ รมว.กระทรวงยุติธรรม ซึ่งหากการกระทำของนายสมศักดิ์ฯ ในการวีโต้มีผลสำเร็จเนื่องจากแพทยสภาลงมติไม่ถึง 2 ใน 3 ของกรรมการแพทยสภาทั้งหมด ก็จะทำให้การกระทำของนายสมศักดิ์ฯ นั้นมีความเสี่ยงที่จะถูกวินิจฉัยได้ว่า กระทำความผิดสำเร็จจากการตระเตรียมการไว้ล่วงหน้าที่จะเป็นการกระทำโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 184 และมาตรา 203 ซึ่งนอกจากมีความผิดอาญา แล้วยังมีเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมของผุ้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 219 และมาตรฐานจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ซึ่งนำมาใช้กับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วย เราคงเสียนักการเมืองคนนี้ที่เป็นรัฐมนตรีมาหลายสมัยไปตลอดกาล และน่าจะทำให้เป็นผลดีแก่ประเทศชาติ ที่อาจได้คนดีๆ ที่ไม่สามารถเป็นรัฐมนตรี ได้เข้าเป็นรัฐมนตรีที่ดีมีความรู้ความสามารถในอนาคต
“ รีบๆ ใช้อำนาจวีโต้ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 มาตรา 25 เลยครับ กรมราชทัณฑ์รอรับท่านอยู่” นายคมสัน กล่าว