xs
xsm
sm
md
lg

“อิ๊งค์” สั่งพาณิชย์จับมือภาคเอกชน เร่งแก้ผลไม้ราคาตก พร้อมรุกตลาดทั้งในและต่างประเทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายกฯ สั่งกระทรวงพาณิชย์ บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เร่งช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ พร้อมรุกตลาดในและต่างประเทศ เผย เอกชน 9 กลุ่ม 27 ราย รับซื้อผลไม้กว่า 1 แสนตัน

วันนี้ (13 พ.ค.) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ในช่วงฤดูกาลผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมาก โดยได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อเร่งระบายผลไม้ภายในประเทศและผลักดันการส่งออกอย่างเป็นระบบ

นางสาวแพทองธาร เปิดเผยว่า “รัฐบาลตระหนักถึงปัญหาผลผลิตล้นตลาด โดยเฉพาะมะม่วง มังคุด เงาะ และทุเรียน จึงมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงยุติธรรม และภาคเอกชน เร่งดำเนินแผนรับซื้อผลไม้จากเกษตรกรในแหล่งผลิต พร้อมขยายการจำหน่ายในประเทศผ่าน 4 แนวทางสำคัญ ได้แก่ การรับซื้อเพื่อจำหน่ายแก่ผู้บริโภค รับซื้อเพื่อกิจกรรม CSR รับซื้อเพื่อบริโภคในองค์กร รับซื้อโดยหน่วยงานภาครัฐ เช่น กรมราชทัณฑ์ เพื่อนำไปประกอบอาหาร

โดยวันนี้ได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชน 9 กลุ่ม 27 ราย ในการรับซื้อผลไม้รวม 103,760 ตัน โดยมีสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, สภาอุตสาหกรรมฯ สมาคมผู้ค้า-ส่งออกผลไม้ไทย และเอกชนรายใหญ่อย่าง บ.สหพัฒนพิบูล จำกัด บ.ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด รับซื้อผลไม้รวมปริมาณกว่า 55,500 ตัน ด้านห้างค้าปลีกค้าส่งรายใหญ่ รับซื้อผลไม้กว่า 34,450 ตัน ปั๊มน้ำมัน ตู้เต่าบิน ไปรษณีย์ไทย หน่วยงานรัฐและมูลนิธิต่างๆ อีกรวม 13,810 ตัน


รัฐบาลขอขอบคุณพันธมิตรภาคเอกชนที่เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ในปีนี้

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ”นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีกิจกรรมกระตุ้นการบริโภคผลไม้ในประเทศ เพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้เกษตรกร ยกระดับราคาผลไม้ให้เหมาะสมอย่างทั่วถึงตลอดฤดูกาลโดยรณรงค์บริโภคผลไม้ผ่านสื่อโซเชียล โดย KOL ที่มีชื่อเสียง เพื่อขยายฐานผู้บริโภค รวมถึงการจัดกิจกรรมส่งเสริม เช่น การประกวดเมนูอาหารจากผลไม้สดและนวัตกรรม งาน Thai Fruits Festival ซึ่งคาดว่าจะช่วยระบายผลไม้ในประเทศได้กว่า 346,500 ตัน จากเป้าหมายรวม 730,000 ตัน

ในส่วนของมาตรการการส่งออกผลไม้ไปต่างประเทศ ปี 2568 รัฐบาลตั้งเป้าการส่งออก ปริมาณ 4.13 ล้านตัน (+120,000 ตัน : +3%) มูลค่า 8,800 ล้านเหรียญสหรัฐ (+170 ล้านเหรียญสหรัฐ : +2%) หรือ 308,000 ล้านบาท (+2,200 ล้านบาท : +2%) โดยเฉพาะตลาดใหญ่อย่างประเทศจีน รัฐบาลได้มีมาตรการด้านการสร้างความเชื่อมั่นผลผลิต โดยรัฐบาลเร่งผลักดันการตรวจรับรองมาตรฐาน GAP และตั้งศูนย์ “Set Zero” เพื่อสร้างความมั่นใจในคุณภาพผลไม้ไทย รวมถึงจัดตั้ง War Room เพื่อขับเคลื่อนการส่งออกอย่างเร่งด่วน พร้อมจัดชุดเฉพาะกิจเจรจากับประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะประเทศจีน ซึ่งล่าสุดสำนักงานศุลกากรจีน (GACC) ได้ประกาศลดระดับการสุ่มตรวจสาร BY2 สำหรับทุเรียนไทยที่มีระบบจัดการดี มีผลตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคม ถือเป็นผลสำเร็จจากความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรฯ และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง


ทั้งนี้ สำหรับตลาดต่างประเทศ รัฐบาลวางกลยุทธ์เจาะ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มตลาดศักยภาพ 7 ประเทศ ได้แก่ ฮ่องกง มาเลเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ออสเตรเลีย และสหราชอาณาจักร กลุ่มตลาดส่งเสริมภาพลักษณ์ 2 ภูมิภาค คือ ตะวันออกกลาง และเอเชียใต้ เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ผลไม้ไทย กลุ่มตลาดที่สะดวกต่อการขนส่ง 4 ประเทศ CLMV ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งสามารถขยายการส่งออกผ่านระบบโลจิสติกส์ที่มีต้นทุนต่ำ

นอกจากนี้ ภาครัฐจะดำเนินการส่งเสริมการขายผลไม้ไทยในต่างประเทศ ผ่านการร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติ (Trade Fairs) และการส่งเสริมการขายในต่างประเทศ (Trade Promotion) เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้าและขยายตลาดผลไม้ไทยให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น

“ผลไม้ไทยคือสินค้าที่มีศักยภาพและเป็นเอกลักษณ์ รัฐบาลจะเดินหน้าเต็มที่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้เกษตรกรไทยได้รับผลตอบแทนที่เป็นธรรมและมั่นคง” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของ มาตรการบริหารจัดการผลไม้ ปี 2568 โดยมีเป้าหมาย : 950,000 ตัน ประกอบด้วย 7 มาตรการ 25 แผนงาน

1. มาตรการสร้างความเชื่อมั่นผลผลิต 4 แผนงาน
2. มาตรการส่งเสริมตลาดในประเทศ 8 แผนงาน เป้าหมาย 730,000 ตัน
3. มาตรการส่งเสริมการแปรรูปและปรับพื้นที่เกษตรให้เหมาะสม 2 แผนงาน เป้าหมาย 220,000 ตัน
4. มาตรการส่งเสริมตลาดต่างประเทศ 4 แผนงาน
5. มาตรการยกระดับสินค้าผลไม้ไทย 3 แผนงาน
6. มาตรการแก้ไขอุปสรรคและอำนวยความสะดวกการค้า 2 แผนงาน
7. มาตรการกฎหมาย 2 แผนงาน


ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า วันนี้ (13 พ.ค.) เวลา 09.30 น. ณ บริเวณโถงกลาง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมการจัดแสดงกิจกรรมโปรโมตผลไม้ และพบปะผู้ประกอบการรับซื้อผลไม้ เพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ พร้อมชมนิทรรศการ “เกษตรกรไทยผลิตผลไม้คุณภาพได้มาตรฐาน” และ “THAI FRUITS FESTIVAL 2025 BY DIT” โดยมี นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ คณะผู้บริหาร และตัวแทนหน่วยงานภาครัฐเข้าร่วมด้วย

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้รับฟังวัตถุประสงค์ของกิจกรรมประชาสัมพันธ์การจัดแสดง “รถโมบายผลไม้ พร้อมพบปะผู้ประกอบการรับซื้อผลไม้” โดยรัฐบาลได้ตระหนักถึงความสำคัญในการช่วยเหลือพี่น้องชาวเกษตรผู้ปลูกผลไม้ในช่วงฤดูกาลผลไม้ ปี 2568 จากปัญหาทางด้านการเกษตรผลไม้ล้นตลาด อาทิ มะม่วง มังคุด เงาะ และทุเรียน เป็นต้น ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงยุติธรรม และภาคเอกชน เร่งดำเนินแผนมาตรการรับซื้อผลไม้จากเกษตรในแหล่งผลิต พร้อมขยายการจำหน่ายในประเทศผ่าน 4 แนวทางสำคัญ ได้แก่ การรับซื้อเพื่อจำหน่ายแก่ผู้บริโภค รับซื้อเพื่อกิจกรรม CSR รับซื้อเพื่อบริโภคในองค์กร รับซื้อโดยหน่วยงานภาครัฐ


ทั้งนี้ เพื่อคุมเข้มคุณภาพสินค้าให้มีมาตรฐานและมีความปลอดภัย ผ่านคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ดำเนินมาตรการยกระดับคุณภาพผลไม้สู่ตลาดสากลด้วย 3 มาตรการ ได้แก่
มาตรการที่ 1 ส่งเสริมการปรับเพิ่มผลิตภาพการผลิตผลไม้ โดยการยกระดับคุณภาพ บรรเทาและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มาตรการที่ 2 เฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุม กำกับคุณภาพมาตรฐานสุขอนามัยพืช ตลอดห่วงโซ่การผลิต ตั้งแต่แปลงผลิต ล้ง ตลอดจนกระบวนการส่งออก กระจายตัวของผลผลิต โดยบริหารจัดการยืดระยะเวลาการออกผลสู่ตลาดนานขึ้น ทำให้ตลาดไม่กระจุกตัว มีข้อมูลในการวางแผนที่แม่นยำขึ้น และมาตรการที่ 3 เพิ่มประสิทธิภาพกลไกตลาดสินค้าผลไม้ เน้นการทำงานแบบบูรณาการ โดยคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ ร่วมมือกับทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน ภาคีเกษตรกร ภายใต้ 7 มาตรการ 25 แผนงาน ซึ่งได้เน้นย้ำให้ทุกฝ่ายทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด

นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำ ให้ดำเนินมาตรการการส่งเสริมการขาย โดยการขยายตลาดผลไม้ไทยในต่างประเทศ ผ่านการร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติ (Trade Fairs) และการส่งเสริมการขายในต่างประเทศ (Trade Promotion) เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้าและขยายตลาดผลไม้ไทยให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาผลไม้ล้นตลาด เพื่อรักษาราคาผลไม้ ให้พี่น้องเกษตรกรชาวสวนขายผลไม้ในราคาที่สูง เพื่อสร้างรายได้ต่อไป พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณพันธมิตรภาคเอกชนที่เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้

“ผลไม้ไทยคือสินค้าที่มีศักยภาพและเป็นเอกลักษณ์ รัฐบาลจะเดินหน้าโปรโมทอย่างเต็มที่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้เกษตรกรไทยได้รับผลตอบแทนที่เป็นธรรมและมั่นคง นอกจากนี้ รัฐบาลจะจัดกิจกรรมกระตุ้นการบริโภคผลไม้ในประเทศ เพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้เกษตรกร ยกระดับราคาผลไม้ให้เหมาะสมอย่างทั่วถึงตลอดฤดูกาลโดยรณรงค์บริโภคผลไม้ผ่านสื่อโซเชียล โดย KOL ที่มีชื่อเสียง เพื่อขยายฐานผู้บริโภค รวมถึงการจัดกิจกรรมส่งเสริม เช่น การประกวดเมนูอาหารจากผลไม้สดและนวัตกรรม งาน Thai Fruits Festival ซึ่งคาดว่าจะช่วยระบายผลไม้ในประเทศได้กว่า 346,500 ตัน จากเป้าหมายรวม 730,000 ตัน” นายกรัฐมนตรี ระบุ




กำลังโหลดความคิดเห็น