xs
xsm
sm
md
lg

"เสรีพิศุทธ์" ชี้ "แม้ว" ไม่รอดแน่ มติแพทยสภามัดไม่ป่วยจริง แนะ "อิ๊งค์" ยุบสภาหรือลาออก ไปตั้งหลักต่างประเทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หน.เสรีรวมไทย ชี้ผลแพทยสภาฯ มัด "ทักษิณ" ไม่ป่วยวิกฤติ แฉตอนไปเยี่ยมไม่สวมชุดผู้ป่วย นั่งคุยเป็นชั่วโมง ชี้ตอนนี้เหมือนถูกนับ 9 วันที่ 13 มิ.ย.จะถูกนับ 10 ไม่มีใครช่วยได้ ส่งผลถึงรัฐบาล เพราะนายกฯ ต้องคอยฟังพ่อ แนะ "อิ๊งอิ๊งค์" ยุบสภาหรือลาออก หนีไปตั้งหลักต่างประเทศ เตรียมรับคดีผิดจริยธรรมที่เคยบอกว่าพ่อป่วยจริง 

วันนี้ (9 พ.ค. 68) พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงกรณีที่แพทยสภามีมติลงโทษแพทย์ 3 ราย โดยการกล่าวตักเตือน 1 ราย กรณีประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่ไม่ได้มาตรฐานเกี่ยวกับการออกใบส่งตัว และพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2 ราย กรณีให้ข้อมูลหรือเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริงของนายทักษิณ ชินวัตร ว่า ผลการพิจารณาดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าเป็นการให้ความเห็นทางการแพทย์ที่เป็นเท็จ และการไม่มีหลักฐานประจักษ์ว่านายทักษิณมีภาวะวิกฤติ เป็นการยืนยันว่านายทักษิณไม่ได้เจ็บป่วยจริงตามที่ตนเองเคยตั้งข้อสังเกตไว้ก่อนหน้านี้


พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ยังได้เล่าถึงประสบการณ์เมื่อครั้งไปพบนายทักษิณที่โรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14 ว่าขณะนั้นนายทักษิณไม่ได้สวมชุดผู้ป่วย เพียงแต่ใส่เสื้อเชิ้ต กางเกงขาสั้น และรองเท้าแตะ สามารถนั่งพูดคุยกับตนเองได้เป็นชั่วโมงโดยไม่มีอุปกรณ์ช่วยพยุงร่างกายใดๆ

สำหรับความเห็นของแพทยสภาที่จะต้องส่งให้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะนายกพิเศษแห่งแพทยสภาให้ความเห็นชอบนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ แสดงความเห็นว่า นายสมศักดิ์ไม่สามารถโต้แย้งข้อเท็จจริงหรือความผิดที่เกิดขึ้นได้ อาจโต้แย้งได้เพียงเรื่องบทลงโทษว่าจะถูกพักใช้ใบอนุญาตนับเป็นเวลานานเท่าใด อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเห็นว่ากรณีนี้ถือเป็นการผิดวินัยร้ายแรง ควรมีโทษถึงขั้นไล่ออก ไม่ใช่เพียงการตักเตือนหรือพักใช้ใบอนุญาตเท่านั้น

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อไปว่า เมื่อแพทยสภามีความเห็นออกมาแล้ว เป็นที่ทราบกันว่าศาลได้สั่งให้อัยการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผู้บัญชาการเรือนจำ แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ และนายทักษิณ ชี้แจงข้อเท็จจริงภายในวันที่ 30 พฤษภาคมนี้ โดยแพทย์จากโรงพยาบาลตำรวจจะต้องรายงานความผิดของแพทย์ที่เกี่ยวข้องในกรณีดังกล่าวเข้าไปด้วย


หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า ศาลอาจมีการตั้งประเด็นว่าการส่งตัวนายทักษิณไปรักษาตัวที่ชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจนั้น ได้มีการขออนุญาตจากศาลอย่างถูกต้องหรือไม่ หากไม่มีการขออนุญาต จะถือว่าขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 246 เกี่ยวกับการทุเลาการบังคับคดีและชะลอการลงโทษ ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นการละเมิดอำนาจศาล และหากนายทักษิณยังไม่ได้ถูกจำคุกจริงตามคำพิพากษา ก็สามารถออกหมายแดงเพื่อดำเนินการคุมขังตามจำนวนวันที่เหลือได้ทันที

ส่วนกรณีที่ ป.ป.ช.เคยพยายามขอเวชระเบียนการรักษาของนายทักษิณนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เห็นว่า ในปัจจุบันเวชระเบียนดังกล่าวไม่มีความสำคัญอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากแพทยสภาได้เรียกเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาตรวจสอบและสามารถสรุปประเด็นความผิดได้ ดังนั้น ป.ป.ช. ไม่จำเป็นต้องรอเวชระเบียนอีกต่อไป แต่สามารถขอเอกสารหลักฐานจากแพทยสภามาดำเนินการตรวจสอบได้ทันที พร้อมทั้งกล่าวเปรียบเปรยว่า ขณะนี้นายทักษิณเหมือนถูกนับถึง 9 แล้ว และวันที่ 13 มิถุนายนนี้ จะถือว่าเป็นการนับ 10 ซึ่งตนเองมองว่าไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังได้ฝากข้อความถึงเจ้าหน้าที่ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้อาจไม่ได้ให้ข้อมูลตามความเป็นจริงต่อผู้รับผิดชอบและศาล แต่วันนี้ความจริงได้ปรากฏแล้วว่านายทักษิณไม่ได้ป่วยตามที่ตนเองได้เคยกล่าวไว้ตลอดระยะเวลากว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา ดังนั้น เวลานี้จึงไม่มีใครสามารถช่วยเหลือนายทักษิณได้อีกแล้ว พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ยังกล่าวด้วยว่า แม้จะมีบุคคลที่มีอำนาจอย่างนายทักษิณอีก 10 หรือ 100 คน ก็ไม่สามารถช่วยได้ในสถานการณ์นี้ โดยมีหนทางเดียวคือการให้ข้อมูลความจริงต่อศาลและ ป.ป.ช. เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินไปอย่างเรียบร้อยและเป็นธรรม ซึ่งการสารภาพจะเป็นประโยชน์ในการช่วยลดโทษได้กึ่งหนึ่ง


นอกจากนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังระบุว่า กรณีนี้สะท้อนให้เห็นถึงเหตุผลที่พรรคเสรีรวมไทยตัดสินใจออกมาเป็นฝ่ายค้านในปัจจุบัน โดยกล่าวหาว่านายทักษิณไม่ได้มีพฤติกรรมเพียงเท่านี้ แต่ยังมีพฤติกรรมอีกมากมายที่มุ่งแสวงหาประโยชน์จากประเทศชาติ ซึ่งอาจรวมถึงครอบครัวด้วย

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวอีกว่า การที่คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร ภรรยาของนายทักษิณ ไม่เคยไปเยี่ยม และบุตรสาวเดินทางไปเยี่ยมเพียงไม่กี่ครั้ง ขณะที่สมาชิกครอบครัวคนอื่นส่วนใหญ่เดินทางไปต่างประเทศ เป็นอีกหนึ่งหลักฐานที่สามารถยืนยันได้ว่านายทักษิณไม่ได้ป่วยจริง เรื่องนี้สามารถนำไปสู่การตรวจสอบจริยธรรมของนายกรัฐมนตรีได้ รวมถึงกลุ่มบุคคลที่เคยยืนยันว่านายทักษิณป่วยและมีอาการกระดูกหัก ก็ควรถูกตั้งคำถามว่าไปเห็นข้อเท็จจริงดังกล่าวมาได้อย่างไร

เกี่ยวกับผลกระทบต่อรัฐบาล พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ แสดงทัศนะว่า โดยปกตินายทักษิณมักชี้นำ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาว ซึ่งทำอะไรเองไม่เป็น และรัฐบาลก็มักจะดำเนินการตามคำพูดของนายทักษิณ สิ่งนี้เป็นหลักฐานยืนยันว่า น.ส.แพทองธาร ดำรงตำแหน่งอยู่ได้เพราะบิดา และในหลายเรื่องก็ไม่มีความสามารถในการแสดงความเห็น เช่น ประเด็นภาษีกับสหรัฐอเมริกาที่นายทักษิณต้องออกมาพูดแทน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เชื่อว่าหากนายทักษิณสิ้นสุดบทบาททางการเมือง น.ส.แพทองธาร ก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย และอาจถูกยื่นตรวจสอบจริยธรรมกรณีเคยกล่าวว่าบิดาป่วยและเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งหากไม่เป็นความจริงก็อาจทำให้ดำรงตำแหน่งต่อไปไม่ได้

สำหรับพรรคร่วมรัฐบาล เช่น พรรคภูมิใจไทยและพรรคอื่นๆ ที่มีกระแสข่าวความขัดแย้งหรือความพยายามต่อรองตำแหน่งทางการเมืองนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์มองว่า เป็นภาพสะท้อนว่านายทักษิณดำเนินการต่างๆ เพื่อประโยชน์ของตนเองเป็นหลัก ประชาชนไม่ได้ประโยชน์

ดังนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จึงแนะว่า สิ่งที่ดีที่สุดคือการยุบสภา หรือให้ น.ส.แพทองธาร ลาออก และเดินทางไปต่างประเทศเพื่อตั้งหลักก่อนที่ศาลจะมีคำวินิจฉัยในคดีของนายทักษิณ ซึ่งนายทักษิณเองอาจเดินทางออกนอกประเทศไม่ได้เนื่องจากมีคดีติดตัวและต้องขออนุญาตศาล หาก น.ส.แพทองธาร ไม่ดำเนินการดังกล่าว ก็อาจต้องเผชิญชะตากรรมเช่นเดียวกับบิดา

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวทิ้งท้ายว่า ตระกูลนี้ทำเกินไปจึงต้องรับกรรม รัฐบาลปัจจุบันอยู่ได้อีกไม่นาน อาจมีการยุบสภาเร็วๆ นี้ และผู้ที่เกี่ยวข้องควรเตรียมตัวเดินทางไปต่างประเทศ เพราะอาจไม่สามารถพำนักอยู่ในบางประเทศได้ เช่น สหรัฐอเมริกา แต่อาจยังสามารถเดินทางไปดูไบได้


กำลังโหลดความคิดเห็น