วันนี้ (9 พ.ค.)น.ส.ภิญญาพัชญ์ ศันสนียชีวิน สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวถึงโอกาสอันดี เนื่องในวันพืชมงคลประจำปี 2568 ว่า วันพืชมงคล ถือเป็นวันหนึ่งที่ตนคิดว่าสำคัญมากของประเทศ เนื่องจากเป็นการเป็นวันเริ่มต้นปลูกข้าว ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักในการดำรงชีวิตของคนไทย และทำให้เราตระหนักถึงอาชีพที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกรรม โดยเฉพาะชาวนา ที่เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของชาติ แม้ประเทศไทยจะปรับเปลี่ยนบริบทเป็นสังคมอุตสาหกรรมมากขึ้น แต่กลุ่มอาชีพเกษตรกรรม เป็นอีกภาคส่วนที่เราต้องไม่ละเลย
“เราพูดกันมาตลอดว่าประเทศไทยเป็นครัวของโลก เป็นประเทศแห่งอาหาร ในน้ำมีปลาในนามีข้าว แม้วันนี้อาจจะเปลี่ยนบริบทไปบ้าง แต่ดิฉันยังคิดว่าตราบใดที่เรายังรับประทานข้าว เรายังคงต้องให้ความสำคัญกับชาวนาให้มาก เมล็ดพันธุ์แห่งความหวังที่ท่านหว่านในวันนี้ จะเติบโตเป็นผลผลิตของความมั่นคงในวันข้างหน้า ขอเป็นกำลังใจให้เกษตรกรทุกท่าน เดินหน้าด้วยความศรัทธาและความภาคภูมิใจในอาชีพของตน” น.ส.ภิญญาพัชญ์ กล่าว
น.ส.ภิญญาพัชญ์ กล่าวต่อว่า ถ้าสังเกตดู ในปีนี้ฝนตกเร็วกว่าปกติ ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ซึ่งเปิดเผยว่าปีนี้น้ำฝนเอื้ออำนวย และมีโอกาสดันผลผลิตข้าวสูงสุดในรอบ 12 ปี คาดว่าข้าวนาปี จะพุ่งสูง 27.2 ล้านตัน ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีมาก แต่ตนก็ยังอดห่วงไม่ได้ เพราะสถานการณ์ตอนนี้ ราคาข้าวลดลงอย่างแรง ทำให้รายได้ของเกษตรกรหดตัวในรอบ 4 ปี สิ่งสำคัญคือปัจจัยภายนอกที่สำคัญ เช่น เรื่องกำแพงภาษีสหรัฐที่รัฐบาลพยายามหาทางออก หรือจะเป็นความท้าทายในการส่งออกข้าวสู่ตลาดโลก ที่เรายังต้องแข่งกับผู้เล่นสำคัญอย่าง อินเดีย เวียดนาม จีน หรือแม้แต่ประเทศในแอฟริกา
“น้ำท่าเราถือว่าดีแล้วปีนี้ แต่ความท้าทายในสภาพปัจจุบันเป็นโจทย์ที่ใหญ่และยากมากกว่าเดิมหลายเท่า” น.ส.ภิญญาพัชญ์ กล่าว
น.ส.ภิญญาพัชญ์ ระบุว่า อย่างไรก็ตาม นอกจากข้าวแล้ว ยังมีสินค้าเกษตรอื่นที่ล้นตลาด เช่น มะม่วง ลำไย ซึ่งตอนนี้ล้นตลาดมาก เกษตรกรหลายรายได้สะท้อนมาว่า แม้จะขายผลผลิตได้ แต่ยังไม่เพียงพอกับค่าปุ๋ย ค่ายา หรือต้นทุนอื่นที่ต้องเสียไป
น.ส.ภิญญาพัชญ์ ทิ้งท้ายว่า ปัญหาดังกล่าวที่กล่าวมา ถือเป็นความท้าทายของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะหน่วยงานเจ้าภาพอย่างกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ต้องออกมาตรการสนับสนุน เสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง จึงขอเสนอแนะให้หาคู่ค้าหรือตลาดใหม่ๆ ใช้เวที FTA ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงเดินหน้าจัดทำโครงการลดต้นทุนการผลิต ยกระดับผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรให้มีมูลค่าสูงขึ้นด้วย