เมืองไทย 360 องศา
คาดไม่ถึงเหมือนกัน กับการเคลื่อนไหวล่าสุดของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ขออนุญาตศาลเพื่อเดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งในช่วงเวลานี้ รับรองว่า คนส่วนใหญ่แทบมองตรงกันว่า “มีแนวโน้มหนี” ค่อนข้างแน่ เพราะมีหลาย เรื่องให้มองไปในทางนั้น
ในช่วงเช้าวันที่ 8 พฤษภาคม มีรายงานว่า ที่ศาลอาญา นายทักษิณ ชินวัตร จำเลยในคดีประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ได้เดินทางมายื่นคำร้อง ขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เเต่ยังไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับประเทศ ปลายทาง เเละเหตุในการขอออกนอกประเทศ
ได้รับรายงานว่า วันนี้ นายทักษิณ เดินทางมาด้วยรถยนต์โรลส์-รอยซ์ สีดำ ซึ่งศาลอาญาเปิดบัลลังก์ไต่สวนคำาร้องของนายทักษิณ โดยมีนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางมาด้วย
จากนั้น นายทักษิณ ได้เดินทางกลับ โดยใช้เวลาไม่นาน ซึ่งคาดว่าศาล จะมีคำสั่งอนุญาตหรือไม่ในอีกไม่นานตามมา
ยังมีรายงานอีกว่า ในช่วงบ่าย นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี เดินทางมาศาลอาญา ด้วยเช่นกัน เเต่ยังไม่ทราบว่าเกี่ยวกับเรื่องนาย ทักษิณ ยื่นคำร้องเดินทางออกนอกประเทศ หรือไม่
แน่นอนว่า การเคลื่อนไหวของ นายทักษิณ ชินวัตร เที่ยวนี้ ไม่ว่าในมุมไหนถือว่า “มีพิรุธ” และถูกตั้งคำถามว่า“จะหนีหรือไม่” เพราะหลังจากที่ศาลอาญาของผู้ดำารงตำแหน่งทางการเมือง “รับไต่สวน” หาข้อเท็จจริง หลังจาก “เมื่อความปรากฏแก่ศาลว่า อาจมีการบังคับตามคำาพิพากษาที่ไม่เป็นไปตาม หมายจำคุก ศาลย่อมมีอำนาจไต่สวน และมีคำสั่งตามที่เห็นสมควร”
ความหมายก็คือ “ศาลเรียกว่าไต่สวนหาความจริงเอง” เพื่อให้สิ้นสงสัย โดยจะมีการเรียกทั้งเอกสาร และตัวบุคคลทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาให้การ
ด้วยเหตุนี้ “อาการป่วยทิพย์” ที่จะโยงไปถึงการ “บังคับตามพิพากษา ไม่เป็นไปตามหมายจำคุก” กำาลังจะถูกเปิดโปงขึ้นมาหรือเปล่า และยังกระทบกระเทือน ไปถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร “ลูกสาว” ของตัวเอง รวมไปถึงรัฐมนตรี ข้าราชการ รวมไปถึงแพทย์อีกหลายคนตามมาหรือเปล่า
แม้ว่านาทีนี้ ไม่อาจก้าวล่วงดุลพินิจของศาลว่าจะออกมาแบบไหน บวก หรือ ลบกับ นายทักษิณ แต่การที่ศาลรับมาไต่สวนหาความจริงเองแบบนี้ ประกอบกับตัวของ นายทักษิณ เองย่อมรู้ดีกับตัวว่า “ความจริงเป็นอย่างไร” และ “ทำไม ถึงไม่ได้ติดคุกแม้แต่วันเดียว” เป็นเพราะ “ป่วยเข้าขั้นวิกฤตเป็นตายเท่ากัน นานถึง 6 เดือน” หรือไม่
ขณะเดียวกันยังมีผลการสอบสวนจากคณะอนุกรรมการที่แต่งตั้งโดย แพทยสภามีการสอบสวนด้าน “จริยธรรมแพทย์”กับแพทย์ที่รักษาอาการ นายทักษิณ อีกด้วย ซึ่งมีรายงานว่ามีการประชุมของคณะกรรมการแพทยสภาใน วันที่ 8 พฤษภาคม
ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา กรรมการแพทยสภา และอุปนายกแพทยสภาคนที่ 1 แถลงภายหลังจากทำาหน้าที่ประธานในที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภาชุดใหญ่ ประจำเดือนพฤษภาคม ซึ่งมีวาระสำาคัญ คือ การนำเสนอผลสรุปการสอบสวนจริยธรรมแพทย์ที่ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการกลั่นกรองของแพทยสภา กรณีการพักรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ
ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ แถลงว่า ที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภา ได้มีมติลงโทษแพทย์ 3 คน เป็นการประกาศตักเตือน 1 คน ในกรณีประกาศวิชาชีพเวชกรรมที่ไม่ได้มาตรฐาน มีการพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2 คน ในกรณีให้ข้อมูลและเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง
สาหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะต้องนำเสนอมติต่อสภานายกฯ พิเศษ คือ ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอความเห็นชอบ ก่อนที่จะดำเนินการตามมติ ฉะนั้นวันนี้เป็นมติของที่ประชุม แต่การดำเนินการทั้งหลาย เราจะต้องรอความเห็นจากท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งอันนี้เป็นขั้นตอนตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม 2525 ต่อไป
“1 ท่านที่เราว่ากล่าวตักเตือน เพราะความผิดอันนั้นไม่ได้รุนแรงมากนัก คือการประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่ไม่ได้มาตรฐาน เกี่ยวกับการออกใบส่งตัว แต่ว่า 2 ท่านที่ถูกพักไปประกอบวิชาชีพเวชกรรมนั้น เป็นเรื่องของการให้ข้อมูล ในเอกสารทางการแพทย์ที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง”
นพ.ประสิทธิ์ ระบุว่า ข้อมูลที่เราได้รับไม่ได้มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ ชัดเจนว่ามีภาวะวิกฤตเกิดขึ้นผมให้ข้อมูลได้แค่นี้ตอนนี้นะครับ แต่ว่าทั้งหมด ดังกล่าวเป็นเหตุแห่งการที่เรากำหนดต้องมีการลงโทษ การพักใช้ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมถือเป็นการลงโทษรุนแรงกับแพทย์ทุกท่านอยู่แล้ว ฉะนั้น เราถือว่าเป็นการผิดที่รุนแรง และด้วยข้อมูลหลักฐานทั้งหลายที่เราได้รับเนี่ย มันไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ชัดเจนว่ามีภาวะวิกฤตตามที่ท่านไปแถลงข่าว เพราะฉะนั้นก็อยู่ที่ตีความ
“วันนี้ทำไมเราไม่สามารถบอกได้ว่าพักใช้นานเท่าไหร่ เพราะว่าการพัก ใช้นานเท่าไหร่จะต้องผ่านความเห็นชอบของรัฐมนตรีก่อน แล้วถ้าวันนี้เราให้ข้อมูลไปแล้วเกิดไม่ตรงกับท่านรัฐมนตรี เพราะอย่าลืมนะฮะ จำได้นะฮะ และ ที่แถลงข่าวว่าทั้งหมด 7 ขั้นตอนขั้นตอนสุดท้ายขั้นตอนที่ 7 เนี่ย เราจะต้องส่ง มติแพทยสภาไปให้ท่านรัฐมนตรีและท่านรัฐมนตรีเห็นชอบก็ไปตามนั้นเลย แต่ถ้าไม่เห็นชอบเรื่องจะกลับมาที่แพทยสภาเสร็จอีกครั้งจนได้ข้อสรุป แล้วถึงจะออก ถึงตอนหน้าจะมีการแถลงข่าวให้ทราบว่าจะมีการพักใช้ระยะเวลานานเท่าไหร่นะครับ” ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าว
เมื่อผลการสอบสวนของแพทยสภาออกมาแบบนี้ สำหรับนายทักษิณ ชินวัตร นาทีนี้เหมือนกับว่าได้กลับมี “อาการโคม่า” อีกรอบ ซึ่งคราวนี้น่าจะ “ของจริง” เพราะกรณีการพักใบอนุญาตของแพทย์ที่รักษาอาการว่า “ให้ข้อมูลเท็จ” มันก็เหมือนกับเป็นหลักฐานสำคัญสำหรับเป็นจุดเริ่มต้นในเรื่องอื่นๆ ที่ เชื่อมโยงกันเป็นลูกโซ่ นั่นคือ การต้องกลับไปติดคุกจริงตามคำพิพากษา และ จะกระทบไปถึงตำแหน่งรัฐมนตรี รวมไปถึงนายกรัฐมนตรี ที่ถูกระบุว่า “ละเว้นปฏิบัติหน้าที่มิชอบ” เรียกว่ามากันเป็นพรวน
ด้วยเหตุนี้ จึงมองว่าการเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ชินวัตร ในวันนี้ ที่จู่ๆ ก็พรวดพราดขึ้นมาขออนุญาตศาลออกนอกประเทศ ซึ่งทุกอย่างมันก็ สอดคล้องกันพอดี แม้ว่าในที่สุดแล้วศาลจะสั่งอย่างไร ไม่มีใครก้าวล่วงได้ แต่สำหรับการพิจารณาอาการแบบนี้ของ นายทักษิณ ช่วยไม่ได้ที่หลายคนจะ มองว่า “กำลังจะหนี” อีกรอบหรือเปล่า เพียงแต่ว่าคราวนี้มันอาจไม่ง่ายเหมือน ครั้งก่อน เพราะสังคมรู้ทัน และเป็นการดิ้นรนที่เขากำลัง “ไร้พลัง” ไม่เหมือน เดิมแล้ว !!.