xs
xsm
sm
md
lg

ศึกแดง-น้ำเงินเดือด! สำนวนคดีฮั้วเลือกสว.-ฟอกเงิน-อั้งยี่ ถึงสนง.กกต. รอแจ้งข้อกล่าวหา ** เต็มสิบให้เท่าไหร่? “ชัชชาติ”เป็นผู้ว่าฯกทม. ครบ3 ปี อุบไต๋ไปต่อ หรือพอแค่นี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภูมิธรรม เวชยชัย - อนุทิน ชาญวีรกูล -ชัชชาติ สิทธิพันธุ์
ข่าวปนคน คนปนข่าว

++ ศึกแดง-น้ำเงินเดือด! สำนวนคดีฮั้วเลือกสว.-ฟอกเงิน-อั้งยี่ ถึงสนง.กกต. รอแจ้งข้อกล่าวหา

การเปิดศึกคดีฮั้ว สว. ระหว่างเพื่อไทย “ค่ายสีแดง” กับ ภูมิใจไทย “ค่ายสีน้ำเงิน” เบื้องต้นมีการวิเคราะห์กันว่า เป็นแค่เกมต่อรองทางการเมือง และจะจบลงเมื่อทั้งสองฝ่ายสมประโยชน์ แต่ตอนนี้กำลังดุเดือด เลือดสาด

คดีฮั้วเลือกสว.เริ่มจากฝ่ายค่ายสีแดง เจอฤทธิ์ สว.สีน้ำเงิน ที่ออกมาขวางในหลายๆวาระ เลยจัดการชงเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ เพื่อให้ “คดีฮั้วเลือกสว. ฟอกเงิน อั้งยี่ซ่องโจร” เป็นคดีพิเศษให้ได้ แต่ในที่สุดคณะกรรมการคดีพิเศษ มีมติให้รับเป็นคดีพิเศษ เฉพาะคดีฟอกเงิน และอั้งยี่เท่านั้น ส่วนคดีฮั้วเลือกสว. ให้ กกต.ดำเนินการไป

ภูมิธรรม เวชยชัย
เมื่อถูกรุกทางกฎหมาย ด้วยข้อหาหนัก สว.ค่ายสีน้ำเงิน ก็โต้ตอบด้วยการ เข้าชื่อยื่นต่อ ป.ป.ช. ขอให้สอบสวนการปฏิบัติหน้าที่ของ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ พร้อมคณะกรรมการคดีพิเศษ 11 คน และขอให้สอบ “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” รมว.ยุติธรรม และ “พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ” อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในความผิดอาญา มาตรา157

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง
ไม่เพียงเท่านั้น “พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร”และ สว.รวม 42 คน ยังยื่นเรื่องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ “ภูมิธรรม เวชยชัย” ในฐานะประธานกรรมการคดีพิเศษ และ “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” ในฐานะรองประธานกรรมการคดีพิเศษ สิ้นสุดลง เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้องไว้พิจารณาแล้ว

ทั้งสองค่าย มีการชิงไหวชิงพริบกันมาตลอด “ค่ายสีน้ำเงิน” ใช้กลไกของฝ่ายปกครอง กระทรวงมหาดไทย ที่มี “อนุทิน ชาญวีรกูล” เป็นรมว.มหาดไทย และความเคลื่อนไหวของ สว.สายสีน้ำเงิน กดดันการทำหน้าที่ของดีเอสไอ ส่วน “ค่ายสีแดง” ก็ใช้ ดีเอสไอ ทำงานสืบสวนสอบสวน หาพยานหลักฐาน เส้นทางการเงิน ใช้กฎหมายเล่นงาน

ล่าสุด มีรายงานว่า หลังจากดีเอสไอ ใช้เวลาเกือบ 2 เดือน ในการรวบรวมพยาน หลักฐานต่างๆ ในความผิดฐาน ฟอกเงิน อั้งยี่ ส่งให้ทาง กกต.แล้ว

อนุทิน ชาญวีรกูล
ขณะที่ คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ของกกต. ที่ทำคดีฮั้ว ก็รวบรวมพยานหลักฐาน เกี่ยวกับการเลือกสว.ตั้งแต่ระดับอำเภอ จังหวัด และระดับประเทศ ส่งให้ทางสำนักงาน กกต.แล้วเช่นกัน

ล่าสุด มีรายงานว่าวันที่ 8 พ.ค.นี้ คณะกรรมการสืบสวนไต่สวน อาจจะมีการสรุป แจ้งข้อกล่าวหา สว.ล็อตแรก ประมาณ 60 คน ว่าแต่ละคน จะโดนข้อหาอะไรกันบ้าง

แสวง บุญมี
หากมีการแจ้งข้อกล่าวหากันจริง ขั้นตอนต่อไปก็จะเรียกผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจง ซึ่งคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ก็ต้องนำข้อมูลดังกล่าว มาพิจารณาร่วมกับพยานหลักฐานที่มีอยู่ก่อน เพื่อสรุปความเห็น เสนอไปที่ สำนักงาน กกต.ซึ่ง พนักงานสืบสวน และไต่สวน ผู้รับผิดชอบสำนวน จะดำเนินการวิเคราะห์สำนวน และจัดทำความเห็นเสนอผ่าน ผู้อำนวยการฝ่าย รองผู้อำนวยการสำนัก ผู้อำนวยการสำนัก มาถึงเลขาธิการ กกต. เพื่อมีความเห็น ก่อนจะไปถึง กกต.ชุดใหญ่ เพื่อวินิจฉัยชี้ขาด หรือสั่งการต่อไป

เรียกว่า ก่อนจะไปถึงกกต.ชุดใหญ่ ก็ต้องผ่านมือ “แสวง บุญมี” เลขาธิการกกต. ผู้ที่ถูกมองว่าอยู่ในสาย “บุรีรัมย์คอนเนกชัน”
ต้องจับตาว่า ศึกแดง- น้ำเงิน ครั้งนี้ สุดท้ายฝ่ายใดจะได้ชัย หรือจะบาดเจ็บกันทั้งคู่ จนต้องนัดกินมาม่า เจรจาสงบศึกที่บ้านจันทร์ส่องหล้ากันอีกรอบ

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์
++ เต็มสิบให้เท่าไหร่? “ชัชชาติ”เป็นผู้ว่าฯกทม. ครบ3 ปี อุบไต๋ไปต่อ หรือพอแค่นี้

ทำงานมา 3 ปี กำลังจะเข้าสู่ปีที่ 4 “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ผู้ว่าฯกทม. ผู้ที่ลงสมัครรับเลือกตั้งโกยคะแนนมาอย่างท่วมท้นในปี 2565 จากแคมเปญ “ทำงาน ทำงาน ทำงาน” ก็ตั้งโต๊ะแถลงผลงานสักหน่อย

บุรุษที่ได้ฉายาว่า “แข็งแกร่งสุดในปฐพี” แจกแจงผลงาน 3 ปี ที่ผ่านมามี ภาพรวมๆ มีที่ทำสำเร็จ และอยู่ระหว่างการดำเนินการ เช่น โครงการปลูกต้นไม้ล้านต้น , พัฒนาทางเท้า-ทางม้าลาย , ตรวจสุขภาพล้านคน , สวน 15 นาที , การใช้เทคโนโลยีพัฒนาเมือง ขณะที่ปีที่4 จะขับเคลื่อนกรุงเทพฯ สู่เมืองแห่งโอกาสและความหวัง

ขณะที่มีคำถามถึงอนาคตว่า หากครบเทอม 4 ปี จะไปต่อ หรือพอแค่นี้ ?

“ชัชชาติ” ตอบว่า จะลงสมัครรับเลือกตั้งต่อในสมัยหน้าหรือไม่ ขอรอให้ถึง 4 ปีก่อนค่อยว่ากัน ตอนนี้ยังเหลือเวลาทำงานในตำแหน่งอีกตั้ง 1 ปี

เมื่อถามว่า หลังอยู่ในตำแหน่งมาครบ 3 ปี ก้าวสู่ปีที่ 4 ให้คะแนนการทำงานตัวเองเท่าไหร่ ? เจ้าตัวบอกว่า ขอให้ 5 คะแนน
ฟังว่า ในเวทีแถลงผลงานครั้งนี้ ทั้งตัว “ชัชชาติ”และทีมบริหาร ไม่ได้กล่าวถึงปัญหาทุจริต คอร์รัปชัน และ ความคืบหน้าในการดำเนินการต่อผู้กระทำผิดหลายต่อหลายโครงการ ที่มีประเด็น

ตัวอย่างเช่น การจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายของศูนย์กีฬากทม. เจ้าหน้าที่ กทม.ทุจริตงบซ่อมรถบัสทิพย์ ไม่นับรวมเรื่องร้องเรียน ที่มีเข้ามาที่ศูนย์ปฏิบัติการติดตามการต่อต้านการทุจริตของกทม.เอง ปีละหลายร้อยเรื่อง

และ ที่สื่อขุดคุ้ยเอามีตีแผ่ เช่น กรณีป้ายรถเมล์เพิงหมาแหงน แพงกว่าบ้าน

กระทั่งมีคำถามจากสื่อขอให้ผู้ว่าฯกทม. อธิบายการจัดการเป็นรูปธรรมอย่างไร “ชัชชาติ” และทีมงานจึงตอบอย่างเลี่ยงไม่ได้ ว่า เป็นเรื่องของระบบ และแบบแผนของฝ่ายปฏิบัติ ฝ่ายบริหารไปก้าวล่วงไม่ได้ แต่ก็พยายามให้ร่วมมือกับหน่วยงานนอก ให้เข้ามาตรวจสอบอย่างเข้มข้น

สรุปว่า 3 ปีที่ผ่านมา กรณีทุจริต คอร์รัปชันใน กทม.ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์บานตะไทในยุค “ชัชชาติ” ฝากความหวังเอาไว้ที่หน่วยงานนอก จับให้ได้ไล่ให้ทันก็แล้วกัน ส่วนตัวผู้ว่าฯ และทีมงานได้แต่บริหารทำกรุงเทพฯ สู่เมืองแห่งโอกาส และความหวังกันต่อไป

ฟังแล้ว คนกทม.จะมีความหวังหรือไม่ เต็มสิบให้คะแนนเท่าไหร่ และจะให้ไปต่อหรือพอแค่นี้ สำหรับ “ผู้ว่าฯชัชชาติ” ก็เชิญลงความเห็นตามอัธยาศัย


กำลังโหลดความคิดเห็น