xs
xsm
sm
md
lg

“ภราดร” พาทัวร์ห้องประชุม 1,500 ที่นั่ง-พิพิธภัณฑ์รัฐสภา แจงลดงบปรับปรุงเหลือ 99 ล้านบาทแล้ว ชี้่ตรวจรับงานยุค “หมออ๋อง” ไม่รวม 2 จุดนี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รอง ปธ.สภา นำสื่อสภาทัวร์สภา ดูห้องประชุม 1,500 ที่นั่ง เผย ไม่มีระบบเสียง มีแต่ห้องเปล่า ทำให้ต้องไปเช่าข้างนอก เสียเงินหลายล้าน พร้อมพาดูโซนพิพิธภัณฑ์ 6 พันตารางเมตร ยังไม่เคยใช้ประโยชน์ แจงปรับลดงบที่ขอปรับปรุงจาก 170 ล้าน เหลือ 99 ล้าน ชี้ การตรวจรับงานยุค “หมออ๋อง” ไม่รวม 2 จุดนี้

วันนี้ (7 พ.ค.) เมื่อเวลา 12.40 น. นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 นำสื่อมวลชนประจำรัฐสภาเดินชมบริเวณอาคารรัฐสภา หลังจากมีกรณีการเสนอของบประมาณปรับปรุงพื้นที่ในส่วนต่างๆ ที่นายภราดรรับผิดชอบ

โดยเริ่มจากห้องจัดเลี้ยงสัมมนาที่สามารถรองรับคนได้ 1,500 คน ชั้น B2 ที่ของบประมาณไป 99 ล้านบาท พบปัญหาไฟสลัว ไม่มีระบบเสียง เก็บเสียง ซึ่ง นายภราดร กล่าวว่า ตนขอให้คำนึงถึงความจำเป็น ห้องประชุมนี้เคยใช้ประชุม APPF แต่เราไม่ระบบเสียง มีแต่ห้องเปล่า จำเป็นต้องเช่าหลายล้านบาท บางการประชุมใหญ่ระดับประเทศ จำเป็นต้องไปเช่าโรงแรมราคาสูง ตนคิดหากมีห้องที่พร้อมใช้งานไว้ ก็จะเป็นประโยชน์ นอกจากสมาชิกรัฐสภาแล้ว ประชาชนสามารถขอใช้ห้องในการจัดงานต่างๆ ได้

จากนั้นได้พาคณะไปยังโซนพิพิธภัณฑ์รัฐสภา บริเวณชั้น MB1 ชั้น 1 และชั้น 11 ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับเครื่องยอดของอาคารรัฐสภา ซึ่งมีพื้นที่ทั้งหมด 6,000 ตารางเมตร นายภราดร ระบุว่า วันนี้ยังได้ไม่ใช้ประโยชน์เลย ซึ่งตนได้ให้โจทย์ไปว่าเราต้องมีพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต การนำเสนอจะต้องนำเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์ ตั้งใจจะทำให้ทันสมัยเพราะพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทยมีน้อยที่จะดีเหมือนต่างประเทศ

ผู้สื่อข่าวได้ถามระหว่างการเดินชมบริเวณพิพิธภัณฑ์ว่าทำแล้วจะคุ้มค่าหรือไม่ นายภราดร กล่าวว่า ที่นี่จะกลายเป็นศูนย์การเรียนรู้ในด้านการเมืองการปกครอง งานนิติบัญญัติ จะคุ้มค่าหรือไม่ต้องดูว่าสิ่งที่ได้กับการลงทุนมากน้อยแค่ไหน หลักใหญ่ตนให้โจทย์ว่าคนที่มาแล้วอยากจะกลับมาอีก เชื่อว่า จะกลายเป็นอีกจุดเช็กอินอีกหนึ่งที่ นอกจากเครื่องยอดแล้ว

ภายหลังการเดินชมสถานที่ นายภราดร ระบุว่า ตนได้พาไปดูในส่วนที่เป็นข่าว 2 ส่วน คือ พิพิธภัณฑ์ และห้องสัมมนาที่จุคนได้ 1,500 ที่นั่ง โดยห้องสัมมนานั้น วัตถุประสงค์คือตั้งใจที่จะใช้เป็นห้องสัมมนาขนาดใหญ่ ไม่ใช่เฉพาะของสภาผู้แทนราษฎรแต่รวมถึงประชาชนทั่วไปด้วยที่ประสงค์จะใช้ห้องประชุมขนาดใหญ่ และสามารถขอใช้กับสภาผู้แทนราษฎรได้ และจากที่พาไปดูจะว่าระบบแสงไม่พอ และไม่มีระบบเสียง ซึ่งเราเคยจัดงานไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เราต้องไปจ้างระบบเสียงและแสงรวมถึงโต๊ะที่นั่ง ค่าบริหารจัดการเป็นล้านบาท ยังไม่รวมถึงการจัดงานประชุมระดับประเทศที่ผ่านมาก็เพิ่งจะจัดไป เราต้องไปเช่าห้องสัมมนาของโรงแรมที่จะจัดงานของสภา และใช้เงินอีกมากพอสมควร ฉะนั้น ทางประธานสภาก็ดำริว่าเมื่อเรามีห้องเป็นของเราแล้วจำเป็นที่จะต้องนำพื้นที่ที่ว่างเปล่ามาใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด เพื่อบริการให้กับประชาชนด้วย ซึ่งเป็นหนึ่งโครงการที่ทางสำนักงานเลขาธิการสภา ได้ขอสู่สำนักงบประมาณไป

นายภราดร กล่าวว่า พิพิธภัณฑ์ที่หลายคนได้มาสภา คงจะเห็นในส่วนที่มีการจัดไว้ชั่วคราว ซึ่งเป็นส่วนแค่เล็กๆ เท่านั้น โดยพื้นที่ทั้งหมดมี 3 ชั้น คือ ชั้น MB1 ชั้น 1 และชั้น 11 รวมทั้งหมด 6,000 ตารางเมตร ซึ่งเป็นพื้นที่ใหญ่พอสมควร โดยในแบบเตรียมไว้เพื่อทำพิพิธภัณฑ์ ซึ่งทางสภาเห็นว่าเป็นประโยชน์ และมีประชาชนเข้ามาเยี่ยมชมจำนวนมากในแต่ละวัน รวมถึงพิพิธภัณฑ์จะเป็นแหล่งเรียนรู้ใหม่ ที่เปิดกว้างให้ประชาชนเข้ามายังสภา โดยประเทศที่เจริญแล้วอย่างประเทศอังกฤษจะเห็นว่ามีพิพิธภัณฑ์อยู่ทั่วเมืองเต็มไปหมด ที่แสดงถึงประวัติศาสตร์ด้านต่างๆ เราจึงอยากให้ที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้ของประชาชนในเรื่องของการเมืองการปกครอง นิติวิธีในกระบวนการของรัฐสภา

นายภารดร กล่าวว่า การพิจารณาโครงการต่างๆ มีหลักใหญ่ 3 หลัก คือ 1. มีความจำเป็นหรือไม่ 2. คุ้มค่ากับงบประมาณที่จะใช้หรือไม่ และ 3. มีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ซึ่งนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภา และ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภา คนที่ 1 ได้ให้นโยบายกับข้าราชการเรื่องความโปร่งใสที่ตรวจสอบได้ และความคุ้มค่าของงบประมาณที่ได้ขอดำเนินการต่างๆ ก็ต้องเน้นถึงความจำเป็น

อย่างไรก็ตาม โครงการต่างๆ ที่สภา ขอไปยังอยู่ในขั้นตอน ยังไม่ได้รับการอนุมัติ ซึ่งเดือน พ.ค.จะมีการพิจารณางบประมาณ ซึ่งเป็นหน้าที่หลักของ สส. ที่จะมีการเปิดโครงการของหน่วยงานต่างๆ รวมถึงสภา ด้วยว่า ได้ของบประมาณในส่วนไหนไปบ้าง หากเห็นว่าโครงการไหนไม่มีความจำเป็นทางกรรมาธิการก็สามารถปรับลดงบประมาณในชั้นวาระ 2 และทาง สส.ในห้องประชุมใหญ่ก็สามารถขอแปรญัตติ เพื่อปรับลดงบประมาณได้ ฉะนั้น จึงเป็นเพียงแค่แนวทางของสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ที่ได้เสนอของบประมาณขึ้นไป ส่วนจะอนุมัติหรือไม่ก็อยู่ที่ผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการที่จะพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 ต่อไป


เมื่อถามว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่างบประมาณที่ขอไปมีความไม่คุ้มค่า ต้องมีการไปกำชับเรื่องลดทอนให้น้อยลงหรือไม่ นายภราดร กล่าวว่า ในส่วนของตนที่ได้พาไปดูห้องประชุม 1,500 ที่นั่ง ตอนแรกงบประมาณที่ทำเสนอมา น่าจะประมาณ 170 ล้านบาท ตนจึงให้โจทย์กับหน่วยงานไปว่าต้องไปเชิญผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านนี้หลายเจ้าเพื่อมาปรึกษาและพูดคุยกันว่างบประมาณที่ทางสำนักงานเลขาธิการสภา ได้ตั้งมาว่ามากเกินไปหรือไม่ สุดท้ายจึงได้นำเสนอขึ้นมาใหม่คือ 99 ล้านบาท ลดไปประมาณเกือบครึ่งหนึ่ง จึงเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถปรับลดได้ เช่นเดียวกันในชั้นของกรรมาธิการงบประมาณ ที่สามารถจะปรับลดหรือตัดออกทั้งโครงการก็ได้

“เป็นอำนาจของกรรมาธิการหากเห็นว่าโครงการนี้จำเป็นหรือไม่ ถ้าไม่มีความจำเป็นกรรมาธิการงบประมาณก็สามารถที่จะตัดทิ้งได้ หรือหากไม่คุ้มค่ากรรมาธิการก็สามารถปรับลดงบประมาณลงได้ จึงเป็นส่วนหนึ่งของกรรมาธิการที่จะไปดำเนินการ”

เมื่อถามว่า นอกจากพิพิธภัณฑ์และห้องสัมมนา 1,500 ที่นั่ง ในส่วนอื่นที่นายภราดรไม่ได้ดู อาจจะถูกวิจารณ์เหมือนกันจะต้องมีการทำความเข้าใจอย่างไร นายภราดร กล่าวว่า ที่ตนพูดได้ในส่วนที่รับผิดชอบเท่านั้น ส่วนอื่นไม่อยู่ในความรับผิดชอบและไม่ได้เป็นผู้เริ่มต้นจึงไม่รู้วัตถุประสงค์ของคนตั้งมาว่าเพราะอะไร มีความจำเป็นมากแค่ไหน จึงต้องลองไปถามทางหน่วยงาน

เมื่อถามถึงกรณีที่ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีตรองประธานสภา ระบุว่า งานน่าจะเสร็จตั้งแต่ก่อนแล้วหรือไม่ ทำไมต้องมาทำเพิ่มเติม นายภราดร กล่าวว่า ตนเข้าใจว่าในแบบแปลนใหญ่ มีทั้งพิพิธภัณฑ์และห้องประชุมขนาดใหญ่ในการเตรียมพื้นที่เอาไว้ ส่วนในการตรวจรับงานที่ผ่านมาของสภา ที่ตรวจรับงานครั้งแรกไป น่าจะไม่รวมถึงในส่วนของพิพิธภัณฑ์และห้องประชุม ไม่เช่นนั้นฝ่ายตรวจรับงานเขาตรวจไม่ได้

“ข้าราชการไม่กล้าตรวจรับงาน ถ้าตรวจรับงานไปได้งานที่ไม่สมบูรณ์ตามแบบ ติดคุกนะ ผมจึงเชื่อว่าเขาไม่กล้าทำ แต่จากที่ทราบเบื้องต้นด้วยเงินงบประมาณที่ทางสภา ได้ก่อสร้างเริ่มแรกพื้นที่ใช้สอยทั้งหมดน่าจะประมาณ 300,000 กว่าตารางเมตร แต่เมื่อสร้างจริงกลายเป็น 400,000 ตารางเมตร หมายความว่า จำเป็นจะต้องปรับลดเนื้องานเป็นบางส่วน ในส่วนที่กำลังจะสร้างหรือกำลังจะต่อเติมอาจจะอยู่ในส่วนที่ตัดออกไป ซึ่งผมเชื่อว่าด้วยคณะกรรมการตรวจรับของสภา คงไม่ชุ่ยขนาดนั้น” นายภราดร กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น