ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ พีระพันธุ์ กำลังจะทำให้ "อุ๊งอิ๊งค์" พัง! อดีตคนรวมไทยสร้างชาติ ฮือยื่นขอให้ปลด!
ตอนนี้มีคำถามถึง "อุ๊งอิ๊งค์" แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะยอมพังเพราะ "พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค" รองนายกฯ และรมว.พลังงาน อย่างนั้นหรือ!?
เนื่องเพราะรัฐมนตรีที่สื่อให้ฉายา "พีระพัง" นั้นกลายเป็นตำบลกระสุนตกของคณะรัฐมนตรี "อุ๊งอิ๊งค์" ที่มีประเด็นปัญหาเข้ามาต่อเนื่อง
ทั้งกรณีใช้อำนาจหน้าที่ไปก้าวก่ายงานจัดซื้อจัดจ้างของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ.
ต่อด้วยเรื่องถุงยังชีพ ที่ต้องบอกว่า ใช้ของที่ไม่ใช่ของตัวเองเพื่อประโยชน์ของตนเอง อันเป็นการกระทำฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กระทำขัดต่อผลประโยชน์ทับซ้อน งานนี้เรื่องไปไกลถึง ป.ป.ช.
จากนั้นก็มีเรื่องเกี่ยวพันกับหุ้น 3 บริษัท ที่สถานะปัจจุบันยังเป็นกรรมการอยู่ ก็ปูดขึ้นมา
กระทั่งวันก่อน นักร้องมือไม่ธรรมดา "เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ" ยื่นเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบเพื่อจะนำไปสู่การพิจารณา ว่าความเป็นรัฐมนตรีของ “พีระพันธุ์” มีอันสิ้นสุดจากเหตุนี้ หรือไม่
ต่อกันรัวๆ ก็มีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง เมื่อวานนี้ ก็ปรากฏกลุ่มบุคคล นำโดย “ว่าที่ร้อยเอกไตรภพ นครชัยกุล” อดีตหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ , นายอาทิตย์ ตั้งธรรม อดีตกรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติ , นายอัมรัน เจ๊ะเลาะ สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ และประธาน สาขาพรรครวมไทยสร้างชาติ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เดินทางมา เพื่อยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ขอให้นายกรัฐมนตรี ปลด “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” รองนายกฯ และรมว.พลังงาน
หนังสือดังกล่าวระบุว่า ตามที่ปรากฏข้อมูลที่ยืนยันแน่ชัดว่า “พีระพันธุ์” ถูกกล่าวหากรณี แจกถุงยังชีพ ถือครองหุ้นและ เป็นกรรมการบริษัทดังกล่าว
เหล่าบรรดาอดีตคนพรรคเดียวกันกับ "พีระพันธุ์" จึงขอให้ “แพทองธาร” ในฐานะนายกรัฐมนตรีปรับ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน
โดยใช้ช่องทางตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 171 เพื่อให้พ้นจากรัฐมนตรีเฉพาะราย มิให้กระทบถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หากปล่อยไว้เช่นนี้ อาจกระทบต่อรัฐมนตรีทั้งคณะ เพราะความปรากฏแล้วว่า “พีระพันธุ์” มีการกระทำฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 187 รัฐมนตรีต้องไม่เป็นหุ้นส่วน หรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วน หรือบริษัทหรือไม่คงไว้ซึ่งความเป็นหุ้นส่วน หรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วน หรือบริษัทต่อไปตามจำนวนที่กฎหมายบัญญัติ และต้องไม่เป็นลูกจ้างของบุคคลใด
ประเด็นทั้งหลายทั้งแหล่ ไม่ใช่เรื่อง "วิบากกรรม" ของพีระพันธุ์ แต่อย่างใด
และไม่ใช่เรื่องของการกลั่นแกล้ง หรือใส่ร้ายตามที่ไอโอ-เอฟซี ของ "พี่ตุ๋ย" พยายามตอบโต้!
ข้อกล่าวหาใช่มาจากการกระทำของตัวเองหรือไม่ !?
ทีมงานและคนใกล้ชิดของ “พีระพันธุ์” แทนที่จะหลับหูหลับตาเถียงข้างๆ คูๆ ควรต้องเตือนสติ “พีระพันธุ์” ให้รีบๆ ตอบคำถามสังคมมากกว่า!
หากไม่มีมูล หรือเอกสารหลักฐานของกระทรวงพาณิชย์เป็นที่ประจักษ์ เรื่องราวก็จะไม่มาถึงจุดนี้ ใช่หรือไม่!
ต่อให้เกณฑ์ด้อม และจัดทัวร์ไอโอ มาถล่มฝ่ายตรงข้ามก็ไร้ผล เพราะต้องไม่ว่า ความจริงมีหนึ่งเดียวเสมอ!
++ “อิ๊งค์” บอก “ทักษิณ” ป่วยจริง ถึงขั้นผ่าตัด พ้อพูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ “หมอวรงค์” บอกถ้าผ่าตัดได้ แสดงว่า“ไม่ป่วยวิกฤติ”
พรุ่งนี้แล้ว (8 พ.ค.) ที่ประชุมแพทยสภา จะมีการพิจารณาผลการสอบสวนของคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจสอบสวนจริยธรรมแพทย์ รพ.ตำรวจ และรพ.ราชทัณฑ์ ที่มี “ศ.เกียรติคุณ นพ.อมร ลีลารัศมี” กรรมการแพทยสภา เป็นประธาน กรณีการรักษาตัว “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ ชั้น 14 ว่า ป่วยจริง ป่วยวิกฤติ หรือ ป่วยทิพย์
มีข่าวหลุดออกมาว่า ผลสอบของคณะอนุกรรมการฯ ได้เสนอให้สั่งพักใบอนุญาตแพทย์รพ.ตำรวจ 2 คน และสอบเพิ่มเติมอีก 5 คน ทั้งแพทย์ รพ.ตำรวจ และรพ.ราชทัณฑ์
และยังให้จับตาว่า เมื่อที่ประชุมใหญ่แพทย์สภา มีมติออกมาอย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว จะต้องนำเสนอต่อ สภานายกพิเศษแห่งแพทยสภา ที่มี รมว.สาธารณสุข “สมศักดิ์ เทพสุทิน” เป็นสภานายกพิเศษฯ ว่าจะเห็นด้วย หรือเห็นแย้งกับมติดังกล่าว
ถ้าเห็นแย้ง ก็ต้องส่งเรื่องกลับไปยังคณะกรรมการแพทยสภา เพื่อลงความเห็นใหม่กันอีกครั้ง หากที่ประชุมแพทยสภา ลงมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม จึงจะมีผล แต่ถ้าเสียงไม่ถึง 2 ใน 3 ก็ให้ยึดตามความเห็นของสภานายกพิเศษฯ
เรื่องนี้ “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร ให้สัมภาษณ์ โดยมีบรรดารัฐมนตรีวอลเปเปอร์ ยืนหน้าเครียดกันเป็นแถว
“นายกฯอิ๊งค์” ที่สังคมเชื่อว่า เธอรู้ดีกว่าใคร ว่า ทักษิณ ป่วยจริง หรือป่วยทิพย์ ซึ่งเธอก็ยืนยันว่า ป่วยจริง และมีการผ่าตัดด้วย แต่พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ!
ส่วนที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวน “ทักษิณ” และผู้เกี่ยวข้อง เรื่อง “ขังจริง” หรือ “ขังทิพย์” ในวันที่13 มิ.ย.นี้ ซึ่งสังคมมองว่าเป็นการล้มดีลการจัดตั้งรัฐบาลนั้น “อิ๊งค์” บอกว่า คิดเยอะมากไป และ วันที่13 มิ.ย.นี้ “ทักษิณ”ก็จะเอาหลักฐานไปยืนยัน
“...ทุกวันนี้ คุณพ่ออายุ 75 ปีแล้ว เวลานี้เจ็บป่วยอะไร จะเห็นได้ชัดว่าหายช้ากว่าปกติ แต่ไม่เป็นไร เพราะครอบครัว และส่วนตัวก็ผ่านเรื่องต่างๆ มามากมาย สิ่งที่ทำได้คือต้องเข้มแข็ง ดูแลสุขภาพใจของเรา ทำใจให้เบิกบานสดใสไว้ มีความโกรธหรือเกลียดชังอะไรมากมาย ก็ไม่ดีกับตัวเราเอง...”
ปากบอกเบิกบาน สดใส ไม่โกรธ ไม่เกลียด... แต่หัวคิ้วขมวด ขนคิ้วแทบจะพันกัน
ส่วน “สมศักดิ์ เทพสุทิน” ที่ถูกจับตาว่า จะเป็นผู้ชี้นก ชี้ไม้ ในขั้นตอนสุดท้าย ก็ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ว่า แพทยสภายังไม่ได้ประชุมเลย ไม่รู้สื่อไปเอาข้อมูลจากที่ไหนมา ว่าจะมีแพทย์ 2 คน โดนพักใบอนุญาต แล้วยังบอกว่า ตนเองจะไปยับยั้งอีก...คาดเดากันเองทั้งนั้น!!
“สมศักดิ์” ยอมรับว่า ในฐานะ สภานายกพิเศษแห่งแพทยสภา มีอำนาจในการยับยั้ง หรือเห็นชอบ รายงานการประชุมของแพทยสภา ตามปกติ คือเมื่อผลออกมาแล้วตามกฎหมาย ก็ต้องส่งมาให้ รมว.สาธารณสุข เห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบ แต่ตนเองไม่ได้คิดอะไรไว้ล่วงหน้า และไม่สามารถโน้มน้าว หรือทำให้ใครเห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบได้
เพราะคณะกรรมการส่วนใหญ่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ประมาณ 71-72 ท่าน และเป็นสัดส่วนของแพทย์ในมหาวิทยาลัย รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ เป็นองค์ประกอบด้วย ตนเองคงไม่สามารถไปล็อบบี้ใครได้
แต่ในฐานะรัฐมนตรี ต้องดูให้เรียบร้อย มิฉะนั้นจะถูกมองว่าปล่อยปละละเลย ก็จะเป็นประเด็นตามมาอีก
ด้าน “หมอวรงค์ เดชกิจวิกรม” ประธานพรรคไทยภักดี ก็ได้ออกมาสอนวิชาแพทย์ ให้กับ “นายกฯอิ๊งค์” ว่า อย่างไหนเรียกว่า “ป่วยวิกฤติ” อย่างไหน “ป่วยไม่วิกฤติ”
“อุ๊งอิ๊งค์ บอกว่า พ่อป่วยจริง ผ่าตัดด้วย คำพูดนี้ยิ่งตอกย้ำว่า ไม่ได้ป่วยวิกฤติ เพราะผ่าตัดได้ ควรกลับไปรักษาที่ รพ.ราชทัณฑ์”
ก็ไม่รู้ว่าคำพูดของนายกฯอิ๊งค์ จะถูกเปรียบเป็นคำพูดที่ออกจากปาก “ปลาหมอ” หรือไม่
เบื้องต้นมารอดูกันว่า “มติแพทยสภา” จะออกมาอย่างไร จะมีการ “ชูใบแดง” แจ้งโทษหมอ รพ.ตำรวจ และ รพ.ราชทัณฑ์ หรือไม่