"ศิริกัญญา" เห็นด้วย “พิชัย” เบรกแจกเงินหมื่นกลับไปทบทวน แม้จะสวนทางนายกรัฐมนตรี ชี้ งบ 69 ครม.ควรดึงกลับไปทบทวน อย่ามาโบ้ยให้สภารับผิดชอบ ย้ำ สส.ตัดงบได้อย่างเดียว เพิ่มไม่ได้
วันที่ 2 พ.ค.2568 น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก "Sirikanya Tansakun - ศิริกัญญา ตันสกุล" แสดงความเห็น กรณีที่นายพิชัย ชุณหวิชร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ทบทวนการแจกเงินหมื่น และลดการสร้างหนี้โดยไม่จำเป็น ว่า "จากข่าวนี้เห็นด้วยกับคุณพิชัยนะคะ ที่บอกว่าการสร้างหนี้เพิ่มจะเป็นทางเลือกสุดท้าย และจะทบทวนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แม้คุณพิชัยจะพูดไม่ตรงกันกับนายกรัฐมนตรี ที่บอกว่าจะเดินหน้าแจกเงินหมื่นก็ตาม
แต่ที่คุณพิชัย ให้ข่าวเรื่องการทบทวนงบประมาณปี 69 ว่าอยู่ในขั้นตอนของสภานั้น จริงๆ ตอนนี้ร่างงบประมาณยังอยู่กับ ครม. โดยที่รัฐบาลสามารถดึงกลับไปทบทวนได้อยู่ แต่เมื่อการประชุมครม.ครั้งที่ผ่านมากลับอนุมัติร่างเดิมที่ยังไม่ได้มีการแก้ไข แล้วโบ้ยงานมาให้สภาเป็นผู้พิจารณาตัดงบประมาณเองอันนี้ไม่เห็นด้วย เพราะจะทำให้เกิดปัญหา 2 เรื่องด้วยกัน
1. ถ้าตัดได้จริง ทางสภาพิจารณาตัดงบประมาณได้อย่างเดียวอยู่ดี แต่เพิ่มโครงการไม่ได้อีกแล้ว สภาจึงมีแค่ 2 ทางเลือก
a) แปรงบเข้าโครงการที่หน่วยงานเคยส่งคำขอมาก่อน แต่สำนักงบตัดไป ซึ่งคำขอเดิมก็คงไม่ได้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เรากำลังเผชิญอยู่อยู่ดี
b) แปรงบเข้า งบกลาง รายการกระตุ้นเศรษฐกิจและเสริมสร้างความเข้มแข็ง ที่เดิมตั้งไว้ 25,000 ล้านบาท น่าจะเอาไว้ทำดิจิทัลวอลเล็ตเฟสหลังๆ
ซึ่งถ้าให้ตัดไปไว้งบกลาง ฝ่ายค้านก็คงไม่เห็นด้วยที่จะตัดงบเข้างบกลาง เพราะไม่รู้เลยว่ารัฐบาลจะเอางบไปทำอะไร
2. ปัญหาข้อที่ 2 คือ ประสบการณ์การให้สภาตัดงบเอง จากงบปี 68 ที่พบว่าพรรคร่วมรัฐบาลต่างก็ปกป้องงบประมาณกระทรวงตัวเองทำให้ตัดงบไปได้ไม่มาก ทั้งๆ ที่ตอนนั้นรัฐบาลกำลังต้องการเงินไปทำดิจิทัลวอลเล็ต สุดท้ายต้องไปตัดงบที่ตั้งไว้ชำระหนี้ให้กับธกส. ออมสิน Exim Bank ธอส. สูงถึง 30,000 ล้านบาท จนกลายเป็นคดีความที่มีการร้องกันอยู่
จึงเรียกร้องให้ทางรัฐบาลดึงเอาร่างพรบ.งบประมาณปี 69 ไปทบทวนเอง ซึ่งอาจจะทำให้ล่าช้าไปอีก 1-2 อาทิตย์ ไม่ถึง 3-4 เดือนอย่างที่รัฐบาลอ้าง เพราะเป็นการเพิ่มเพียงบางรายการ และตัดจากงบของหน่วยงานที่ยังไม่มีความจำเป็นในช่วงนี้
หรือถ้าจะบ่ายเบี่ยงไม่ยอมทำเองจริงๆ ก็ขอให้ทางรัฐบาลตั้งวงเงินที่ต้องการให้ตัดมาเลยว่าอยากให้ตัดกี่แสนล้าน และจะเอาไปทำโครงการอะไรบ้างที่มีรายละเอียดชัดเจน เพื่อให้สภา และกรรมาธิการจากพรรคร่วมรัฐบาลยินยอมให้ตัดงบ และฝ่ายค้านจะสบายใจมากขึ้นว่าไม่ได้ตัดงบเพื่อเซ็นเช็คเปล่าให้รัฐบาลจะเอาไปทำอะไรก็ได้