จากกรณี เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมของสหกรณ์การเกษตรแม่ทา จังหวัดลำพูน เทน้ำนมดิบทิ้ง ประท้วงภายหลังสหกรณ์ประสบปัญหาถูกบริษัทเอกชนที่ร่วมจัดทำบันทึกข้อตกลงรับซื้อน้ำนมโคกับสหกรณ์หยุดรับซื้อน้ำนมดิบจากสมาชิกผู้เลี้ยงโคนม ตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย.68 ที่ผ่านมา สร้างความเดือดร้อนแก่สมาชิกเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม เนื่องจากไม่สามารถขายน้ำนมโคที่ตนเลี้ยงได้นั้น
.
วันนี้ ( 2 พ.ค.68) นายเอกภาพ พลซื่อ โฆษกกระทรวงเกษตรและหสกรณ์ เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมสหกรณ์ โดยนายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีฯสั่งการให้สหกรณ์จังหวัดลำพูนเข้าไปแก้ปัญหาทันทีแล้ว เน้นย้ำว่าต้องวางแนวทางบริหารจัดการนมอย่างเป็นระบบ เพื่อให้เกษตรกรสามารถขายน้ำนมได้มากที่สุด
.
โดยแนวทางการช่วยเหลือเบื้องต้น องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) จะรับซื้อน้ำนมดิบดังกล่าวไปผลิตเป็นนมกล่อง UHT แล้วให้สหกรณ์นำกลับมาจำหน่าย อีกทั้งวางแผนการนำน้ำนมดิบเข้าสู่กระบวนการแปรรูปเป็นนมผง เพื่อระบายปริมาณน้ำนมดิบ และช่วยยืดอายุการเก็บรักษาให้สหกรณ์ที่มีโรงงานแปรรูปนมผง ทั้งนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้จัดสรรเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำจากกองทุนพัฒนาสหกรณ์เข้ามาช่วยเหลือ พร้อมกับขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการอุตสาหกรรมนมมารับซื้อตามนโยบายของนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
.
ส่วนกรณีที่บริษัทเอกชนทำบันทึกข้อตกลงรับซื้อน้ำนมโคกับสหกรณ์การเกษตรแม่ทา จำกัด อ้างว่ากรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์รับซื้อน้ำนมโค ทำให้บริษัทไม่สามารถรับซื้อน้ำนมจากสหกรณ์ตามที่ระบุใน MOU ได้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ชี้แจงว่า ประเด็นที่บริษัทเอกชนมีความกังวลคาดว่าเป็นหลักเกณฑ์ในโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ปีการศึกษา 2568 ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนดำเนินการ ดังนั้น การปฏิเสธรับซื้อน้ำนมดิบของบริษัทเอกชน ถือว่าเป็นการไม่ปฏิบัติตามประกาศหลักเกณฑ์ เงื่อนไขการจัดทำบันทึกข้อตกลง MOU ที่กำหนดให้ผู้ซื้อและผู้ขายที่ประสงค์จะขอยกเลิก MOU จะต้องทำหนังสือยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร และหาผู้ซื้อรายใหม่เพื่อมารับผิดชอบน้ำนมดิบของเกษตรกรให้ครบ 365 วัน พร้อมต้องแจ้งเหตุผลประกอบ ซึ่งในกรณีที่เกิดการไม่ปฏิบัติตาม MOU ศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบสามารถดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้