ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ "ประยุทธ มหากิจศิริ" อ่วมอรทัย จากมหาเศรษฐีติดอันดับโลก สู่จำเลยคดีที่ดินสนามกอล์ฟ โทษคุก 24 ปี
ชื่อเสียงของ "ประยุทธ มหากิจศิริ" รับรู้กันว่าเป็น "มหาเศรษฐี" ฉายาเจ้าพ่อเนสกาแฟ ร่ำรวยในระดับติดทำเนียบมหาเศรษฐีไทย และของโลกคนหนึ่ง
ปี 2025 Forbes นิตยสารชื่อดัง จัดอันดับ "ประยุทธ" อยู่ในอันดับที่ 1,462 จากจำนวนมหาเศรษฐีทั่วโลก 3,028 คน
“ประยุทธ” เริ่มต้นสร้างอาณาจักรธุรกิจจากโรงงานเพื่อผลิตกาแฟสำเร็จรูปให้กับเนสกาแฟ ซึ่งล่าสุดเพิ่งมีประเด็นกับเนสท์เล่ ก่อนจะสยายปีกทำธุรกิจเหล็ก ทองแดง อสังหาริมทรัพย์ สนามกอล์ฟ การขนส่งสินค้า พลังงาน และเครื่องดื่ม
ว่ากันว่า “ประยุทธ” มีทรัพย์สินรวม 2,500 ล้านดอลลาร์ หรือราว 86,324 ล้านบาท
แต่เกิดอะไรขึ้นกับมหาเศรษฐีผู้นี้ ที่ตกเป็นข่าวถูกศาลพิพากษาจำคุก 24 ปี!
เรื่องของเรื่องก็มาจากกรณี เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 ศาลอาญาคดีทุจริตและพฤติมิชอบ ภาค 3 จังหวัดสุรินทร์ อ่านคำตัดสินคดีกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐทุจริตเกี่ยวกับการออกโฉนดในเขตที่ดินของรัฐ เป็นเขตป่าสงวน และเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.) โดยมิชอบ
โดยศาลฯมีคำพิพากษาตัดสินลงโทษจำคุก “ประยุทธ มหากิจศิริ” 24 ปี ขณะที่ “นางสาวอุษณา มหากิจศิริ” ลูกสาว โทษ 12 ปี
คดีนี้มีพฤติการณ์การกระทำความผิดมาจากกลุ่มเอกชนได้ให้การสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐ สอบเขตขยายเนื้อที่ของโฉนดที่ดิน เพื่อนำมาสร้างสนามกอล์ฟ "เมาน์เทน ครีก กอล์ฟ แอนด์รีสอร์ท แอนด์ เรสซิเดนซ์" นครราชสีมา
จากการไต่สวนพบว่า กลุ่มเอกชนได้ไปซื้อที่ดิน ที่มีโฉนด และซื้อที่ดินที่ไม่มีหลักฐาน ก่อนจะนำมาสอบเขต เพื่อนำที่ดินที่ไม่มีหลักฐานนั้นเข้าไปรวมด้วย ที่ดินที่ไม่มีหลักฐาน มีทั้งอยู่ในเขตส.ป.ก. และเขตป่าสงวน เพื่อนำไปจัดทำสนามกอล์ฟดังกล่าว ถือว่าร่วมกันการกระทำความผิด
นี่นับเป็นคดีที่ 2 ของ “ประยุทธ มหากิจศิริ” ที่ถูกพิพากษาลงโทษเกี่ยวกับคดีความออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินโดยมิชอบ ต่อจากคดีออกเอกสารสิทธิ์ในเขตปฏิรูปที่ดินจังหวัดกระบี่ และในเขตป่าไม้ถาวร ตามมติคณะรัฐมนตรี ณ ต.หนองทะเล อ.เมืองฯจ.กระบี่ ซึ่งถูกลงโทษจำคุก 2 ปี 8 เดือน
ที่ผ่านมา “ประยุทธ” ยืนยันว่า ไม่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด ไม่เคยใช้ หรือสนับสนุนผู้ใด เจ้าหน้าที่รัฐคนใด ให้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา การดำเนินการรังวัดที่ดินทุกแปลงที่ซื้อมาโดยชอบด้วยกฎหมาย ได้ดำเนินการไปโดยเจ้าหน้าที่รัฐ ตามอำนาจหน้าที่ เป็นดุลยพินิจและการดำเนินการโดยอิสระของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ใช้ดุลยพินิจในการปฏิบัติงานตามอำนาจหน้าที่ของตน โดยยึดถือและปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการทุกประการ
งานนี้ก็ต้องดูเป็นหนังชีวิตกันต่อไปว่า เมื่อถึงสุดซอยแล้วมหาเศรษฐี “เจ้าสัวประยุทธ” จะไปสิ้นสุดอย่างไร?!
++ ไม่ทราบ!! ปธ.วุฒิฯ ตีมึน ไม่รู้เรื่อง“หมอเกศ” ถูก กกต.ส่งศาลฎีกา“สอย” พ้นตำแหน่ง สว.
จากกติกา การคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภาแบบใหม่ ที่เพิ่งใช้เป็นครั้งแรก มีทั้งเลือกกันเองในกลุ่ม และเลือกไขว้ เริ่มจากระดับอำเภอ สู่ระดับจังหวัด แล้วสุดท้ายเป็นเลือกระดับประเทศ
แล้วเราก็ได้รู้จัก “หมอเกศ” เกศกมล เปลี่ยนสมัย สาวสวย ผู้สมัครกลุ่ม19 (กลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ) ที่ได้คะแนนสูงสุดในประเทศ 79 คะแนน
นอกจากรูปร่าง หน้าตา ออร่าโดดเด่นแล้ว โปรไฟล์การศึกษา หน้าที่การงาน ยังหรูหราอีกต่างหาก
ในข้อมูลแนะนำตัวผู้สมัครของ “หมอเกศ” ระบุว่า อายุ 45 ปี อาชีพแพทย์ เป็นศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ แพทย์หญิง แพทย์เวชศาสตร์ป้องกัน แขนงสุขภาพจิตชุมชน และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณและความงาม เป็นที่ปรึกษากรรมาธิการการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร คณะทำงานติดตามการดำเนินการตามนโยบายด้านส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ กระทรวงแรงงาน และกรรมการผู้จัดการเกศกมล คลินิก, เกศกมล เด็นทัล คลินิก และ อินเตอร์ เดอร์มา แลบอราทอรี
แต่เรื่องวุฒิการศึกษา ที่ “หมอเกศ” ภาคภูมิใจ ถึงกับยกขึ้นมาโชว์เป็นลำดับแรก คือ Doctor of Philosophy (PhD) Associate Professor in Business Administration California University
จากนั้นก็เป็น ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ UIPM University International
• International Academic Multidisciplines Research Conference Worcester College University of Oxford,UK
• American academy of Aesthetic Medicine Certificate in Aesthetic Medicine
• แพทย์เวชศาสตร์ป้องกันสุขภาพจิตชุมชน กรมสุขภาพจิต
• ปริญญาโท หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารจัดการองค์การ มหาวิทยาลัยเกริก
• ปริญญาตรี หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต (วิทยาลัยแพทยศาสตร์) มหาวิทยาลัยรังสิต
“หมอเกศ” เป็นด็อกเตอร์ จาก california university ทั้งสวย ทั้งเก่ง สมกับที่ได้คะแนนอันดับ 1 ของประเทศ
ต่อมา เฟซบุ๊กเพจดัง "CSI LA" ตั้งข้อสงสัยในเรื่องสถาบันการศึกษา ว่า สว.แพทย์ความงาม อาจซื้อปริญญาจากมหาวิทยาลัยห้องแถว ในสหรัฐอเมริกา เหมือนที่นักการเมืองไทยชอบไปซื้อกันหรือไม่
แล้วเรื่องนี้ก็มีผู้นำไปร้องเรียนให้ กกต.ตรวจสอบ
“หมอเกศ” ยืนยัน นั่งยัน ไม่ใช่วุฒิการศึกษาปลอม ไม่ได้ซื้อมา
จากเดือน ก.ค.67 ที่ กกต.รับเรื่องไว้ตรวจสอบ บัดนี้มีข้อสรุปแล้ว โดยที่ประชุมกกต. มีมติให้ส่งเรื่องไปยังศาลฎีกา เพื่อวินิจฉัย สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง “พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย” สมาชิกวุฒิสภา
กรณีกระทำการหลอกลวงให้ผู้อื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถ หรือชื่อเสียงเกียรติคุณ ตามมาตรา 77(4) ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 จากเหตุแจ้งว่ามีคุณสมบัติ ด็อกเตอร์ จาก california university ในการยื่นสมัคร สว.
ทางสำนักงาน กกต. โดยคณะกรรมการสืบสวนไต่สวน ได้เสนอรายงานผลการตรวจสอบ พร้อมความเห็นต่อ กกต.ชุดใหญ่ว่า การจะใช้คำนำหน้า “ด็อกเตอร์” จะต้องเป็นการไปเรียนจริง และเรียนจบ ได้วุฒิบัตรมา
ที่สำคัญคือ california university เป็นมหาวิทยาลัย ที่ใช้วิธีให้ส่งรายงาน และการเทียบโอนเกรด ซึ่งยังไม่ได้มีการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในไทย
“หมอเกศ”เลยถูกกกต.ชี้ว่าเป็น “ด็อกเตอร์ทองลอก” ไป
เรื่องนี้ หากศาลฎีกาประทับรับฟ้อง “หมอเกศ” จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่สว.ไว้ จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา ซึ่งเรื่องนี้ เข้าข่ายความผิดตาม มาตรา 77 (4) ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี
นอกจากเรื่องนี้แล้ว “หมอเกศ” ยังเป็นหนึ่งในผู้ถูกร้องเรื่อง “ฮั้วเลือก สว.” ด้วย
เมื่อนักข่าวเจอหน้า “มงคล สุระสัจจะ” ประธานวุฒิสภา ได้สอบถามถึงกรณีที่ กกต.ส่งเรื่องไปให้ศาลฎีกา “สอย” หมอเกศ ประธานวุฒิสภา ตอบคำเดียวว่า... ไม่ทราบ!
เมื่อถามว่า เรื่องนี้ กกต.ต้องแจ้งมาที่ประธานวุฒิสภาก่อน หรือไม่ ในการส่งศาลฎีกา คำตอบยังเป็นคำเดิมคือ ไม่ทราบ
สงสัย ประธานวุฒิสภา ยังคงมึนกับเรื่อง “ฮั้วเลือกสว.” ที่ตนเองเป็นหนึ่งในผู้ถูกร้อง ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนทางการเมือง เรื่องอื่นๆ ก็เลย... ไม่ทราบ!!