xs
xsm
sm
md
lg

พยาบาลไตเทียม ฟ้องศาลปค.ถอนประกาศสธ.หวั่นกระทบวิชาชีพ-ผู้ป่วย เหตุให้อบรมหลักสูตรเดียวค่าใช้สูง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"พยาบาลไตเทียม" ยื่นฟ้องศาลปกครอง ขอเพิกถอนประกาศกระทรวงสาธารณสุข หวั่นกระทบวิชาชีพ - ผู้ป่วยโรคไตทั่วประเทศ เหตุกำหนดอบรมใหม่หลักสูตรเดียว ค่าใช้จ่ายสูง 4 หมื่นบาท ทำพยาบาลขาดแคลนหนัก



วันนี้ (1 พ.ค.68) ตัวแทนพยาบาลห้องฟอกไตจำนวนหนึ่งจากโรงพยาบาลรัฐ และเอกชนทั่วประเทศ นำโดยนางพิราวรรณ ศรีไหม หัวหน้าพยาบาลผู้เชี่ยวชาญการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมโรงพยาบาลในจ.สมุทรปราการ เข้ายื่นฟ้องสภาการพยาบาล และกระทรวงสาธารณสุข ขอให้เพิกถอนประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องมาตรการให้บริการการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมในสถานพยาบาล ฉบับที่ 2 ปี ลงวันที่ 11 ก.พ.2568 ที่กำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นที่ 1 ต้องผ่านการอบรมการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม จากสถาบันที่สภาการพยาบาลรับรอง ส่งผลให้พยาบาลวิชาชีพโรคไตจำนวนกว่า 1,000 คน ที่ผ่านการอบรมการใช้เครื่องฟอกไตเทียมในหลักสูตรเก่าไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นพยาบาลเวชปฏิบัติการบำบัดทดแทนการฟอกไต เนื่องจากสภาการพยาบาลไม่ให้รับการรับรอง ทำให้ได้รับความเดือดร้อน ในการเป็นพยาบาลวิชาชีพด้านโรคไตตามกฎหมาย ส่งผลกระทบต่อการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโรคไตทั่วประเทศที่มีเป็นจำนวนมาก


นางพิราวรรณ กล่าวว่า วันนี้พวกตนรวมถึงเพื่อนพยาบาลอีกกว่า 500 คนยื่นคำร้องต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้ศาลพิจารณาเพิกถอน และไต่สวนฉุกเฉินมีคำสั่งทุเลาการบังคับประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับดังกล่าว จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา และขอให้สภาการพยาบาลรับรองเวชปฏิบัติวิชาชีพการบำบัดทดแทนการฟอกไตในหลักสูตรเดิม เพื่อให้เหล่าพยาบาลทั่วประเทศสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตามกฎหมาย เพราะหากไม่ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับนี้ จะทำให้พยาบาลฟอกไตในหลายโรงพยาบาลหลายจังหวัดไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ เนื่องจากคุณสมบัติไม่เป็นไปตามกฎหมายแม้ว่าสมาคมโรคไต และสภาการพยาบาลจะอ้างว่าให้พยาบาลตามหลักสูตรเดิมไปอบรมเพิ่มเติมเพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่สภาการพยาบาลกำหนด แต่ในข้อเท็จจริงหลักสูตรที่ให้อบรมเพิ่มเติมมีแค่หลักสูตรเดียว และเปิดสอนเพียงที่เดียว โดยเปิดรับครั้งละ 250 คนต่อรุ่น แถมค่าเรียนมีราคาถึง 40,000 บาทต่อหัว ซึ่งต้องออกค่าใช้จ่ายเองขณะเดียวกันมีพยาบาลมากกว่าพันคนต้องเรียนหลักสูตรนี้ ทั้งที่สมาคมโรคไตก็มีการจัดอบรมพัฒนาทักษะวิชาชีพของพยาบาลด้านโรคไต เป็นประจำทุกเดือนอยู่แล้ว นอกจากนี้การปฏิบัติงานในโรงพยาบาลก็ยังต้องทำอยู่ บางโรงพยาบาลมีพยาบาลด้านฟอกไตเพียงแค่ 2 คน หากจะต้องมาอบรมจะส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยที่ต้องฟอกไตเป็นประจำ ดังนั้นวันนี้พวกเราในฐานะพยาบาลวิชาชีพจึงต้องมาขอพึ่งศาลเพื่อหาทางออก

"อย่างดิฉันเป็นพยาบาลด้านโรคไตเทียมมา 19 ปี เราเรียนมาจากสถาบันของรัฐจากโรงเรียนแพทย์ ซึ่งตั้งแต่อดีตและปัจจุบัน พยาบาลที่เชี่ยวชาญด้านการฟอกไตไม่เคยเพียงพอเลย ปัจจุบันปีนึงเปิดรับเพียง 500 คน ซึ่งไม่พอต่อความต้องการซึ่งมีผู้ป่วยโรคไตทั่วประเทศที่เข้ารับการรักษาต้องฟอกไตและเครื่องไตเทียมกว่า 80,000 คน โดยตามข้อบังคับกำหนดให้พยาบาล 1 คนต่อผู้ป่วย 4 คน ซึ่งถ้าคิดแล้วก็คือยังต้องการพยาบาลอีก1-2 หมื่นคน แต่มันไม่เคยเพียงพอ พยาบาลกลุ่มนี้มีประมาณพันกว่าคน ถ้าสมมติต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ แล้วยังผลิตพยาบาลไม่ทัน ศูนย์โรคไตต้องปิด คนที่เสียหายที่สุดคือคนไข้ แต่เราก็ไม่คิดที่จะเอาผู้ป่วยมาเป็นตัวประกัน และยังต้องทำงานบนความเสี่ยงที่ว่าเราอาจจะถูกฟ้อง ดังนั้นทำไมกระทรวงสาธารณสุขจึงต้องสร้างเงื่อนไข ทำไมไม่เห็นใจพวกเราที่ทำงานหนักเพื่อผู้ป่วยโรคไต จึงต้องมาขอศาลให้เพิกถอนประกาศฉบับนี้และทุเลาข้อบังคับเพื่อให้เราได้ทำงานอย่างถูกต้องไปก่อน และควรจะให้เราซึ่งผ่านการอบรมพยาบาลไตเทียมอย่างถูกต้องและได้รับการรับรองจากผู้เชี่ยวชาญสมาคมโรคไตเทียมมีสิทธิได้ใบเวชปฏิบัตินั้น"

ส่วนที่รมว.สาธารณสุขระบุว่าจะเป็นคนกลางให้ นางพิราวรรณ กล่าวว่า ขอรอดูก่อนว่าท่านจะว่าอย่างไร ก็ขอให้ท่านเมตตาเห็นใจ เพราะพวกเราทำมาเพื่อคนไข้มาโดยตลอด


กำลังโหลดความคิดเห็น