ย้อนคำพูด “ทักษิณ” บนเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยลูกพรรคชิงนายกเล็กเชียงใหม่ ซัด “เท้ง” ซินตึ๊ง หรือสึ่งตึง (ซื่อบื้อ) กันแน่ บอกให้เพื่อไทยยอมขอโทษที่ทำผิดต่อประชาชน ถึงจะให้ร่วมรัฐบาล เอาอะไรมาพูด เย้ยติดหล่ม ตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ เพราะมัวแต่จะแก้ 112 เลยหาเพื่อนไม่ได้
เมื่อช่วงเย็นวันที่ 27 เม.ย.ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติเอ็มเพรส จ.เชียงใหม่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วย นายอัศนี บูรณุปกรณ์ หรือนายกหน่อย ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ในนามพรรคเพื่อไทย โดยตอนหนึ่งนายทักษิณ กล่าวว่า เวลามาปราศรัยแล้วได้พูดคำเมืองก็สนุกดี นายกหน่อยเป็นคนมีผลงาน ลงพื้นที่ต่อเนื่อง ตนกลับมาครั้งนี้ อยากให้เชียงใหม่กลับมาสวยงามอีกครั้ง เมื่อก่อนตอนตนเป็นนายกรัฐมนตรี เชียงใหม่มันสวยงาม และเมื่อได้มาฟังนายกหน่อยบอกว่าจะมาช่วยกันทำให้เชียงใหม่สวยงาม ฉะนั้น จึงขอให้ลงสมัครนายกเทศมนตรีอีกครั้ง แล้วเราจะช่วยกันทั้งระดับประเทศและระดับ อบจ.เพื่อทำให้เชียงใหม่กลับมาสวย เจริญหูเจริญตาอีกครั้ง
นายทักษิณ กล่าวเป็นภาษาคำเมืองอีกว่า “คู่แข่งของนายกหน่อยคือพรรคใด เขาบอกว่าพรรคประชาชนเป็นคู่แข่ง แต่ผมคิดว่ามันสู้ไม่ได้ เมื่อสักครู่ผมนั่งรถมาก็เห็นป้ายของพรรคประชาชนที่หัวหน้าคือเท้ง หนุ่มซินตึ้ง (คนไทยเชื้อสายจีน) ซึ่งเขาบอกว่าพรรคประชาชนจะร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยก็ได้ แต่ว่าพรรคเพื่อไทยต้องออกมาขอโทษประชาชนที่เคยทำผิดกับประชาชน คิงเอาหยังมาอู้ว่ะ (มึงเอาอะไรมาพูดวะ) คือ เวลานี้พรรคประชาชนหรือพรรคก้าวไกลเนี่ย ติดหล่ม ที่ตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ ยังติดหล่มอยู่นั่นแหละ ยังเสียดายที่ตั้งรัฐบาลไม่ได้ แต่ที่ตั้งไม่ได้จะโทษใครไม่ได้ ต้องโทษตัวเขาเอง ยังจะเอา 112 อยู่นั่นแหละ ก็เลยหาเพื่อนไม่ได้
“ระบบการเมืองไทยเป็นระบบรัฐสภา ใครรวมเสียงได้เกินกึ่งหนึ่ง คนนั้นได้เป็นรัฐบาล ไม่จำเป็นว่าคนได้ที่ 1 ต้องได้เป็นรัฐบาล ตอนปี 62 เลือกตั้ง เพื่อไทยมาที่ 1 พรรคพลังประชารัฐมาที่ 2 ก็ตั้งรัฐบาล แล้วพรรคเพื่อไทยก็มาเป็นฝ่ายค้านร่วมกับพรรคอนาคตใหม่ตอนนั้น ก็ไม่เห็นใครว่าอะไรสักคำ เรารู้ว่าเราเป็นที่ 1 แต่เรารวมเสียงไม่ได้ เราก็ยอม
“อันนี้ที่ 1 ก็ให้โอกาสนะ เพื่อไทยให้โอกาสนะ รวมไปเลย แต่รวมแล้วยังไงก็ไม่ได้ สว.ก็ไม่เอา ใครก็ไม่เอา คนไม่มีเพื่อนจะมาโทษคนอื่นได้ยังไง แบบนี้แหละ มันยังละอ่อน (เด็กๆ) มันก็คิดแบบละอ่อนเนาะ แล้วมาบอกว่าจะมารวมกับพรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาล ถามหรือยังว่าเราจะเอาไหม ยังไม่ได้บอกสักคำว่าเราจะเอามารวม ไปบอกว่าแหม เราต้องไปขอโทษประชาชนที มันซินตึ๊งหรือสึ่งตึง (ซื่อบื้อ) ไม่รู้” นายทักษิณ กล่าว
ยัน “กาสิโน” ไม่เหมือนบ่อนข้างบ้าน เหน็บพวกขาประจำ พูดอะไรก็ด่า เป็นห่วงกลัวติดเตียง
นายทักษิณ กล่าวถึงเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ว่า หลายคนไม่เข้าใจหาว่าเป็นกาสิโน เพราะคนที่ต่อต้านไม่ใช้คำว่าเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ที่แปลว่าสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งคำว่ากาสิโนไม่ใช่หัวใจหลัก เพราะมีกาสิโนอยู่แค่ 10% เท่านั้น แต่ 90% กว่าเป็นที่บันเทิง เช่น เราไม่มีฮอลล์คอนเสิร์ตที่ดีๆ ดาราดังๆ เทย์เลอร์สวิฟต์เลยไม่มา หรือกีฬาดีๆ อย่างฟุตบอลระดับโลกที่จะแข่งกันอย่างจริงจังก็มาไม่ได้ เพราะสนามกีฬาเราไม่ค่อยดี หากลงทุนระดับโลกซึ่งรัฐลงทุนไม่ไหวจึงต้องให้เอกชนมาลงทุน โดยที่เขาต้องมีแรงจูงใจ ตอนนี้ทั่วโลกที่เขาทำกัน เช่นญี่ปุ่นเขาก็เริ่มก่อสร้างแล้ว สร้างจุดหนึ่งไม่ต่ำกว่าแสนล้าน บางทีถึงสองแสนล้านบาท และจ้างงานไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นคน และค่าจ้างเดือนหนึ่งขี้หมูขี้หมาก็ประมาณ 25,000 บาท เงินเดือนก็ดีค่าจ้างงานก็เยอะ เพราะมีแหล่งสถานบันเทิงและกาสิโนไม่ใช่ว่าใครจะเข้าไปเล่นก็ได้ ตนก็เข้าไปไม่ได้ เพราะเป็นนักการเมืองและกลัวว่าจะไปฟอกเงิน ซึ่งมันมีกติกาที่เป็นสากล โดยที่จะไม่เหมือนกับบ่อนข้างบ้านเราที่ไม่มีกติกาควบคุมใครไปเล่นก็ได้ แต่กาสิโนภายใต้สถานบันเทิงครบวงจร ต้องมีการยืนยันตัวตนทางการ ที่ต้องรู้ว่าคนเล่นเป็นใคร มีรายได้มาจากไหน
นายทักษิณ กล่าวอีกว่า “เป็นห่วงนิดเดียวพวกขาประจำผมเนี่ย ผมพูดอะไรมันก็ออกมาด่าแล้ว ผมเป็นคนที่เฒ่าแล้วนะ มันปล่อยวางได้ เขาด่ามาก็เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา จิตไม่ปรุงแต่ง หลับสบาย แต่ไอ้พวกนี้มันด่าผม ด่าแล้วมันสนุก แต่พอกลับไปบ้านทำไมมันเครียด มันก็เครียดไปทุกวัน ผมเป็นห่วงมัน กลัวเขาติดเตียง ผมเป็นห่วงจริงๆ นะ ถ้าใครเป็นญาติไอ้พวกนี้ พี่น้องโทรไปบอกเขา ใจเย็นๆ เปิ้นไม่รู้ร้อนรู้หนาวแล้ว เปิ้นเฒ่าแล้ว ให้มันเบาๆ หน่อยเดี๋ยวจะติดเตียง ขี้เกียจไปเยี่ยม ไม่ได้แช่งนะแต่มันเป็นสัจธรรม เพราะว่าบางคนคิดเหมือนผมไม่ได้ เขาอยากให้ตายต่อหน้า ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ ที่จะมีเวทมนตร์ให้ตายต่อหน้า มันแช่งไปแช่งมา แต่ตัวเองตายคนเดียว เพราะฉะนั้นผมผ่านชีวิตมาหมดแล้ว” นายทักษิณ กล่าว