xs
xsm
sm
md
lg

บิ๊กต่าย" เปิดใจหลัง 6 เดือน นั่ง ผบ.ตร. ปรับมายด์เซ็ตตำรวจ ปฏิรูปงานสอบสวน ยกระดับต้นธารกระบวนการยุติธรรม ** คุกหรือหนี! “เสรีพิศุทธ์” ให้จับตา 30 เม.ย.นี้... “แม้ว”ย้อน “หนูรี” ทำตัวดีๆ เผื่อได้นั่งรองนายกฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ - ทักษิณ ชินวัตร - พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส
ข่าวปนคน คนปนข่าว

++ "บิ๊กต่าย" เปิดใจหลัง 6 เดือน นั่ง ผบ.ตร. ปรับมายด์เซ็ตตำรวจ ปฏิรูปงานสอบสวน ยกระดับต้นธารกระบวนการยุติธรรม

การร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับสื่อมวลชน ของ "บิ๊กต่าย" พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เมื่อวันที่ 25 เมษายน ที่ผ่านมา ภายหลังการแถลงผลงานในรอบ 6 เดือน โดยทีมโฆษกตร. นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ก้าวขึ้นมารับตำแหน่ง ผบ.ตร.

ควันหลงที่ต้องเล่าสู่กันฟัง นอกจากบรรยากาศเป็นกันเอง สิ่งที่สื่อสัมผัสได้จาก "บิ๊กต่าย" ผบ.ตร. ก็คือ "ความมุ่งมั่น ตั้งใจ" จะขับเคลื่อนองค์กรด้วยความโปร่งใส

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ย้ำว่า ตั้งแต่ก้าวขึ้นมารับตำแหน่ง ผบ.ตร. นโนบายหลักอยากให้ตำรวจ “ปรับมายด์เซ็ต” คือ อยากให้ทุกคนก้มหน้าก้มตาทำงาน เพื่อให้เป็นตำรวจของประชาชนอย่างแท้จริง

ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นฝ่ายอำนวยการ สืบสวนสอบสวน ฝ่ายปราบปราม หรือ ผู้ที่เป็นวิชาชีพเฉพาะทาง ใครมีหน้าที่อย่างไรก็ทำไป โดยพุ่งเป้าไปที่การให้บริการและอำนวยความยุติธรรมประชาชน

เมื่อถูกถามว่าให้คะแนนตัวเองเท่าไหร่? “พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ” บอกว่า คงไม่สามารถให้คะแนนตัวเองได้ เพราะคะแนนต้องดูที่เสียงสะท้อนจากประชาชน

อย่างสงกรานต์ที่ผ่านมา ให้นโยบายไปว่า อยากให้ตำรวจใกล้ชิดประชาชน ทำหน้าที่อำนวยความสะดวกการจราจร ลดอุบัติเหตุให้ได้ บังคับใช้กฎหมายให้ได้ ซึ่งต้องชมเชยผู้ปฏิบัติว่า ทำได้ดีมาก ได้เห็นภาพตำรวจลงไปสัมผัส ใกล้ชิดประชาชน รู้สึกอุ่นใจ และดีใจแทน

เกิดมิติใหม่ในการเสนอ โดยเฉพาะตำรวจภูธรภาค 2 และตำรวจท่องเที่ยว นำเสนอสภาพการจราจร การเล่นสงกรานต์ วันไหลบางแสน-พัทยา เหมือนกับเป็นนักข่าว ยืนพูดเลย "ผม ยศ ชื่อ นามสกุล ตำแหน่ง" โดยที่ไม่พูดว่าได้รับมอบหมายจากใครมา
ที่ผ่านมา 6 เดือน ถ้าถามถึงผลงาน ผบ.ตร. ระบุว่า มีความชัดเจนเรื่องการปราบปรามอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยาเสพติด อาชญากรรมไซเบอร์ กรณีต่างชาติแฝงตัวมาทำผิดกฎหมาย เปิดบริษัทเป็นนอมินี กลุ่มจีนเทา นอกจากนี้ ยังเชื่อมโยงกับการป้องกันการค้ามนุษย์ คอลเซ็นเตอร์

ส่วนเรื่องสวัสดิการ ความเป็นอยู่ของตำรวจชั้นผู้น้อย ให้เร่งรัดการบรรจุทายาทของตำรวจที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ โดยลัดขั้นตอนให้เร็วขึ้น

ถามว่าพอใจกับตัวเอง หรือไม่ ผบ.ตร. ยอมรับว่า ยังไม่ถือว่าพอใจ เพราะยังมีอะไรที่ต้องทำอีกเยอะ ตั้งแต่รับตำแหน่งเมื่อ 1 ต.ค. 67 เกิดคดีไฟไหม้รถบัสนักเรียน คดีดิไอคอนกรุ๊ป คดีแม่ตั๊กป๋าเบียร์ รู้สึกเลยว่าประสบการณ์ที่ผ่านมาได้ถ่ายทอดประสบการณ์ให้ น้องๆ ใน 2 ประเด็น เรื่องการบริหารคดี และบริการสื่อ ทำให้ตำรวจสอบสวนกลางตำรวจภูธร และตำรวจนครบาล ได้เห็นรูปแบบการบริหารคดี และบริหารสื่อ

เมื่อถามถึงอนาคตหลังจากนี้ ผบ.ตร. ย้ำเรื่องทัศคติหรือ "มายด์เซ็ต" ของตำรวจ อยากให้ก้าวไปสู่จุดของความเป็นตำรวจจริงๆ ให้ได้ ว่ามีหน้าที่ปกป้องสถาบันหลักของชาติ ต้องทำอะไรให้พี่น้องประชาชนอุ่นใจ และศรัทธา เชื่อมั่นตำรวจ อนาคต จะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงของตำรวจ

“พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ” เน้นย้ำถึงการพัฒนา"งานสอบสวน" โดยแบ่งเป็นตัวพนักงานสอบสวน การเสริมสร้างทักษะ การสร้างเส้นทางการเติบโต ตัวเนื้องานการสอบสวนทำยังไงให้ลดขั้นตอน แต่อยู่ในกรอบกฎหมาย ป.วิอาญา และระเบียบปฏิบัติ แล้วสามารถจะเสนอสำนวนการสอบสวนให้พนักงานอัยการได้อย่างครบถ้วนและถูกต้อง ซึ่งพนักงานอัยการจะอยู่ในฐานะให้คำแนะนำ สั่งสอบเพิ่ม ตัวเนื้องานสอบสวน ตนมีความมุ่งมั่นอย่างจริงจังว่าเราต้องมาดู อาจจะต้องพึ่งพาบุคคลากรที่เป็นเชี่ยวชาญ แต่เกษียณไปแล้วมาช่วยกลั่นกรอง ว่าจะลดขั้นตอนตรงไหน ให้เนื้องานของพนักงานสอบสวนเบาลง พนักงานสอบสวนจะได้มีภาระงานน้อยลง

อย่างกรณีการแจ้งความทางออนไลน์ เคยบอกแล้วว่า ถ้ามีการแจ้งความออนไลน์ พนักงานสอบสวนก็จะหนัก ดังนั้นเราจะต้องมีวิธีลดขั้นตอนการทำงานให้กับพนักงานสอบสวน และก็เบาลง

ขณะที่ตัวพนักงานสอบสวนมีความจำเป็นในการพิจารณาถึงเส้นทางการเจริญเติบโต การแต่งตั้ง โยกย้าย เลื่อนและการหมุนเวียนตำแหน่ง อย่างที่ผ่านมาการจะออกจากสายงานสอบสวน ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะคนที่จะมีสเปกไปทดแทนได้ จะต้องมีคุณสมบัติครบถ้วน ทำให้เกิดปัญหาการบริการงานบุคคล ตรงนี้ต้องแก้ไขพิจารณาว่า ถ้าจะเติบโตเราจะต้องพิจารณาคุณสมบัติเขายังไงใหม่ หรือไม่ การเจริญเติบโตในแท่งของเขาได้ยังไง ตรงนี้ เป็นขวัญกำลังใจ เป็นแรงจูงใจ

เช่นเดียวกับ เรื่องตัวเงิน ค่าตอบแทนตำแหน่ง ค่าสำนวนการสอบสวน อยู่สอบสวนแล้วอยากอยู่ ใครไม่อยู่สอบสวนแล้วอยากเข้ามา คนเป็น ผบ.ตร. ต้องคิดตรงนี้ ไม่ใช่ว่ามีคนอยากหนี เพราะงานก็เยอะ อยู่ไปก็ไม่ได้อะไร แต่ใจของพนักงานสอบสวน คิดถึงประชาชนเป็นหลัก ไม่อยากให้คิดแต่เรื่องเงินเพียงอย่างเดียว เพราะเราเป็นข้าราชการ แต่งเครื่องแบบ มีหน้าที่ อยากให้พนักงานสอบสวนคิดถึงตรงนี้ก่อน

อย่างไรก็ดี "บิ๊กต่าย" ว่าถ้าการเป็น ผบ.ตร.แล้วจะเป็นที่พึ่งให้พนักงานสอบสวนก็อยากให้พนักงานสอบสวนคิดเสมอว่าเราสวมเครื่องแบบ เป็นตำรวจมีหน้าที่อะไร สถานีตำรวจเป็นจุดยุทธศาสตร์ เป็นต้นธารของกระบวนการยุติธรรม คิดถึงขนาดว่าจะเอาใครมาช่วยพนักงานสอบสวน และให้เขาช่วยทำงาน ลดภาระและขั้นตอนลง

ดังนั้นเขาต้องคิดก่อนว่า เขาเป็นพนักงานสอบสวน เขาต้องช่วยประชาชนที่เดินขึ้นมาบนโรงพัก

"คงไม่มีใครหรอก ที่มีความสุขแล้วขึ้นโรงพัก ต้องมีทุกข์ เราต้องคิดเสมือนว่าเขาเป็นญาติเรา แล้วเราต้องคลายทุกข์ให้เขาโดยเร็ว อยากคิดเสมอว่า เราเป็นตำรวจเราช่วยประชาชน เราได้เกื้อหนุนกระบวนการยุติธรรม ใครทำผิดก็ต้องได้รับโทษ เอากฎหมายเป็นหลัก ส่วนเรื่องอื่น ผมมีหน้าที่คิดให้ ตอนนี้คิดแล้ว กำลังเดินหน้าทำกันอยู่ เอาครูบาอาจารย์มาช่วยกันคิด เส้นทางเติบโต เงินค่าตอบแทน การลดขั้นตอน การสร้างแรงจูงใจให้พนักงานสอบสวนอยู่ ไม่อยากย้ายออก หรือคนที่อยู่นอกสานงานอยากเข้ามาทำตรงนี้ หรืออาจมีการเปิดสอบบุคคลภายนอกที่มีคุณวุฒิแล้วเอาเข้ามา นอกจากนี้ยังมีแนวคิดยกฐานะสถาบันการพัฒนาการสอบสวน หรือ สบส. เป็นวิทยาลัยในกองบัญชาการศึกษา แนวคิดของตนอยากให้งานสอบสวนเป็นไฮไลต์ ของตำรวจ เพราะเป็นต้นธารของกระบวนการยุติธรรม ไปสู่อัยการและศาล"

นี่เป็นควันหลงที่ ผบ.ตร. เจอสื่อแบบไม่เป็นทางการแต่ "ความมุ่งมั่นตั้งใจ" เอาการเอางานของ ผบ.ตร.ที่จะทำให้องค์กรดีขึ้น โดยเฉพาะพนักงานสอบสวน ก็ต้องบอกว่าเต็มโร้ยย.

ชาญชัย อิสระเสนารักษ์
++ คุกหรือหนี! “เสรีพิศุทธ์” ให้จับตา 30 เม.ย.นี้... “แม้ว”ย้อน “หนูรี” ทำตัวดีๆ เผื่อได้นั่งรองนายกฯ

“ทักษิณ ชินวัตร” กำลังอินอยู่กับบท“นายกฯ” อยู่ดีๆ มีแผนที่จะทำเรื่องอะไรต่อมิอะไรอีกเยอะแยะ ก็ดันมีเรื่องให้ต้องลุ้นระทึกซะแล้ว

ก็เรื่องที่ “ชาญชัย อิสระเสนารักษ์” อดีต สส.นครนายก ไปร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้นำตัว “ทักษิณ”กลับมาติดคุก จากกรณีที่กรมราชทัณฑ์ส่งตัวไปรักษาที่ รพ.ตำรวจ ชั้น14 โดยไม่ได้ขออนุญาตศาลก่อน จึงขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 89 และ มาตรา246

ทักษิณ ชินวัตร
ศาลฎีกาฯ นัดประชุมเพื่อตัดสินว่าจะรับ หรือไม่รับคดีนี้ไว้พิจารณา วันที่ 30เม.ย.นี้

ความจริงเรื่องนี้ “ชาญชัย” เคยยื่นเรื่องต่อศาลฎีกาฯ มาแล้ว 2 ครั้ง แต่ศาลฯ มีคำสั่งยกคำร้อง โดยไม่ต้องไต่สวน ด้วยเหตุว่า เมื่อศาลออกหมายจำคุก เมื่อคดีถึงที่สิ้นสุดไปแล้ว การบังคับโทษและอนุญาตให้ส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ เป็นอำนาจหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ ปัญหาว่าเจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ ปฏิบัติชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่นั้น ไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาล จึงไม่ต้องไต่สวน ให้ยกคำร้อง

“ชาญชัย” รู้แล้วว่าคำร้องที่ยื่นไป 2 ครั้งแรก มีจุดบกพร่องที่ตรงไหน อะไรที่ผิดที่ ผิดทาง จึงได้แก้ไขจุดบกพร่องเหล่านั้น ก่อนยื่นอีกเป็นครั้งที่ 3 โดยขอให้เพิกถอนคำสั่งเดิม และขอให้รับคำร้องไว้ไต่สวน และมีคำสั่งบังคับโทษจำคุก ให้เป็นไปตามคำพิพากษาที่ถึงที่สุด

ดังนั้น การยื่นครั้งที่ 3 นี้จึงมีลุ้น!!

ทั้งนี้ ภาพจำที่ประชาชนรับรู้คือ“ทักษิณ” ถูกพิพากษาโทษจำคุก 8 ปี ได้รับพระราชทานอภัยโทษ เหลือโทษจำคุก 1 ปี แต่ “ทักษิณ” ไม่ได้ถูกจำคุกจริงเลยแม้แต่วันเดียว เพราะไปอยู่ที่ชั้น 14

วันที่ 30 เม.ย.นี้ แค่ศาลฎีกาฯ สั่งให้รับเรื่องไว้พิจารณา ก็จะส่งผลกระทบกับรัฐบาล กระทบกับตัว “นายกฯอิงค์” ที่ต้องปลงอนิจจัง แถมยังสะเทือนถึงดุลอำนาจในพรรคร่วมรัฐบาลด้วย

เมื่อเรื่องนี้ไปเข้าหู “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส” หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ที่เป็นคู่รัก คู่แค้นกับ “ทักษิณ” ก็เลยเป็นประเด็นร้อน ยิ่งกว่าอากาศเดือนเมษาฯ ขึ้นมาทันที โดยเขาแสดงความเห็นว่า คดีนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน ข้อกฎหมายกำหนดชัดเจน คนที่ถูกจำคุก ถ้าขอทุเลาการบังคับคดี ต้องขอจากศาลเท่านั้น แต่ “ทักษิณ”ไม่ได้ขอต่อศาล อันนี้ชัดเจน ไม่ต้องพูดถึงว่าป่วย หรือ ไม่ป่วย

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส
“เสรีพิศุทธ์” ยังบอกว่า เรื่องคดี “ทักษิณ” ยังไงก็ไม่จบ ตนไม่มีทางยอม ที่ยังทำงานการเมืองอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะต้องการเอา“ทักษิณ”เข้าคุกให้ได้ และคดีใน ป.ป.ช.ก็มั่นใจ ตนเป็นพยานให้ชัดเจนว่า “ทักษิณ” ที่อยู่ชั้น 14 นั้น ไม่ได้ป่วยจริง!!

...ใกล้ถึงเวลาแล้ว ถ้าตัดสินใจจะหนี ก็หนีตั้งแต่วันนี้เลย ถ้าไม่หนี เดี๋ยววันที่ 30 เม.ย.นี้ ติดคุกนะ ...ขอให้รอดูวันที่ 29 เม.ย.นี้ “ทักษิณ” จะหนีไปไหน...!?

ด้าน “ทักษิณ” เมื่อถูก “เสรีพิศุทธ์” ออกมาพูดในเชิง ทับถม ข่มขู่ แกมเย้ยหยัน ก็ออกมาตอบโต้ว่า... “บอกหนูรี เขานะ ให้หนูรี ทำตัวดีๆ พูดจาดีๆ เผื่อจะได้ไปเป็นรองนายกฯ กับเขาบ้าง”

“ทักษิณ” ถือโอกาสบลั๊ฟกลับไปว่า ก่อนหน้านี้ “หนูรี” ก็เคยมาขอเป็นรองนายกฯ เมื่อไม่ได้ หลังจากนั้นก็โกรธกัน ก็ไม่เป็นอะไร บอกให้หนูรี เขาใจเย็นๆ

เมื่อถูกถามว่า เกิดจากความแค้นส่วนตัว หรือไม่ “ทักษิณ” บอกว่า ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่า “ลอจิก” คืออะไร ไม่เข้าใจ บางครั้งตนเองก็ถูกเข้าใจผิด เป็นเรื่องธรรมดา เฉยๆ

ส่วนวันที่ 30 เม.ย.นี้ จะลุ้นระทึก แค่ไหน อย่างไร “ทักษิณ” บอกว่า ...ทุกอย่างให้เป็นไปตามกระบวนการ ไม่ต้องกังวลแทนผม...


กำลังโหลดความคิดเห็น