“ไพบูลย์” เผย ประชุมใหญ่พปชร.ตั้ง “ธีระชัย-สุรเดช” นั่งรองหน.ดูแล ศก.-ภาคเหนือตอนบน พร้อมปรับโฉมโลโก้พรรคใหม่ “สุรเดช” ลั่น พร้อมนำสู้เลือกตั้งภาคเหนือตอนบน ชู รักสถาบันเป็นจุดขายหลัก ยังตั้งเป้ากวาด 60 สส.ทั่วประเทศ มั่นใจสู้ได้
เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่(27 เม.ย.)ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค และนายอัคร ทองใจสด สส.เพชรบูรณ และรองโฆษกพรรค ร่วมแถลงข่าวหลังการประชุมใหญ่สามัญของพรรคว่า ในวันนี้พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้มาทำหน้าที่เป็นประธานที่ประชุม โดยที่ประชุมได้แก้ไขข้อบังคับพรรค3 ข้อคือ
1.ให้ยกยกเลิกข้อ 4 ของข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ ก็คือเป็นเรื่องเกี่ยวกับเครื่องหมายพรรคการเมือง โดยให้แก้ไขโลโก้เดิมเป็นของใหม่ โดยมีคำว่า "พรรค" อยู่บนกึ่งกลางด้านในของเครื่องหมายพรรคการเมือง เหนือตัวอักษรคำว่า"พลังประชารัฐ"โดยมี คำว่า "พลัง" เป็นสีเขียว คำว่า "ประชา" เป็นสีน้ำเงิน คำว่า "รัฐ" เป็นสีแดง อยู่ภายในวงล้อพลวัต ที่มี 3 แถบสี เป็นสีแดง สีน้ำเงิน สีเขียว บนพื้นสีขาว โดยสีแดง หมายถึงความสามัคคีร่วมมือร่วมใจของประชาชน เพื่อพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้ายั่งยืน ปราศจากความขัดแย้งในชาติ โดยจะสร้างพลังแห่งความเชื่อมั่น และความสุขของประชาชน ความเจริญรุ่งเรืองของประเทศ สีขาว หมายถึง ความดีงามอภิบาล และการจัดการบ้านเมืองที่ดี และสีน้ำเงิน หมายถึง จุดยืนและการเมืองเชิงอนุรักษ์นิยมที่เป็นศูนย์รวมแห่งความสามัคคีของคนในชาติปราศจากความขัดแย้ง ส่วนสีเขียว หมายความถึง ความทันสมัย และอนุรักษ์ทรัพยากร และปกป้องผลประโยชน์ชาติและของประชาชนเป็นสำคัญ
2.เรื่องอุดมการณ์ของพรรค โดยแก้ไขประกาศจุดยืนทางการเมืองในการเป็นพรรคอนุรักษ์นิยมทันสมัยที่มีเจตจำนงแน่วแน่ และปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรม ประเพณีจารีต และค่านิยมของชาติ เปลี่ยนแปลงแนวทางขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีและการบริหารจัดการภาครัฐที่ทันสมัยมีความยืดหยุ่นกับบริบทการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า ประชาชนมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี โดยยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนส่วนรวมเป็นสำคัญ
3.แก้ไขเรื่องที่เป็นกรรมการสิ้นสุดลงเฉพาะตัว
หากขาดการประชุมพรรคสามครั้งติดต่อกัน โดยไม่แจ้งหัวหน้าพรรคทราบ และคณะกรรมการพรรคการเมืองมีมติให้พ้นจาก
จากนั้น ได้มีการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคเพิ่มเติมในตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค 2 คน ได้แก่ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล และนายสุรเดช ยะสวัสดิ์ ด้วยคะแนน 339 ทั้ง 2 คน โดยมอบหมายให้นายสุรเดช เป็นผู้ดูแลภาคเหนือตอนบน และได้มอบหมายให้นายธีระชัย เป็นรองหัวหน้าพรรคฝ่ายเศรษฐกิจ ซึ่งถือเป็นคนแรกในตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคที่รับผิดชอบเรื่องนี้ เพื่อจะขับเคลื่อนภารกิจของพรรคพลังประชารัฐต่อไป
นายสุรเดช ยังแถลงข่าวว่า ตนได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ โดยรับมอบหมายจากพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้มาทำหน้าที่ดูแลพื้นที่ภาคเหนือตอนบน 8 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยาแพร่ แม่ฮ่องสอน น่าน ทั้งหมด 34 เขต สส.34 คน ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่ต่อเนื่องในการเผยแพร่นโยบายของพรรค โดยเฉพาะในส่วนของการปกป้องสถาบันที่ถือว่า เป็นเรื่องสำคัญที่สุดรองลงมาก็คือ เราจะต้องทำให้เกิดเศรษฐกิจทันสมัยไม่ใช่ว่าเป็นพรรคอนุรักษ์นิยม และจะต้องทำงานแบบหัวโบราณ แต่เราร่วมสมัย ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเก่าหรือรุ่นใหม่เราก็พร้อมที่จะทำงานร่วมกันได้
“เราจะใช้ความจริงใจในการพบปะกับชาวบ้านว่า พรรคพลังประชารัฐมีความตั้งใจที่จะแก้ปัญหาปากท้องให้กับประชาชน และอยากจะรณรงค์ให้คนทั้งประเทศรักสถาบันให้มากๆ โดยเฉพาะเยาวชนคนรุ่นใหม่ ไม่อยากให้เกิดความสับสนในเรื่องนี้ เพราะเราจะอยู่ได้ก็ต้องมีชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์”นายสุรเดช กล่าว
นายสุรเดช กล่าวต่อว่า นโยบายของพลังประชารัฐเรื่องการคัดค้านเปิดกาสิโนนั้น เท่าที่ตนได้พูดคุยกับหัวหน้าชุมชนหลาย ๆ คน พวกเขาก็เห็นด้วยว่า ไม่ต้องการให้มีกาาสิโนเกิดขึ้น รวมไปถึงปัญหาเรื่องยาเสพติดที่จะต้องแก้ไขให้เป็นรูปธรรม โดยเราเชื่อว่า จะได้รับการสนับสนุนจากประชาชนภาคเหนือพอสมควร ซึ่งตนขอยึดจำนวน สส.ที่พลเอกประวิตร เคยเป้าเอาไว้ในการเลือกตั้งครั้งหน้าและเคยให้สัมภาษณ์สื่อว่า จำนวน 60 ที่นั่ง โดยตนก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จังหวัดพะเยาจะแข่งกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้่ธรรมอย่างไร นายสุรเดช กล่าวว่า หากจะใช้คำว่าแข่งกันมันก็ไม่เชิง แต่อยากให้มาช่วยกันพัฒนาบ้านเมืองมากกว่า เพราะ ร.อ.ธรรมนัส ก็เคยอยู่พรรคพลังประชารัฐ และหากมีจิตใจที่รักสถาบันเช่นกันก็มาร่วมมือกันส่วนเรื่องการแข่งขันก็เป็นเรื่องนโยบายของแต่ละพรรค