xs
xsm
sm
md
lg

เหมิดคำสิเว้า! เบื้องหลัง “โจ๊ก” ได้ปริญญามาเพราะโกงข้อสอบนิติศาสตร์จุฬาฯ! ** ปาหี่ “โรยเกลือ” นายกฯอิ๊งค์ ที่แท้ พรรคส้ม “โรยแป้งเย็น” ช่วยดับร้อนให้ต่างหาก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ดร.นิด” ขนิษฐา เลิศบรรเจิดวงศ์ - พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล - แพทองธาร ชินวัตร
ข่าวปนคน คนปนข่าว


++ เหมิดคำสิเว้า! เบื้องหลัง “โจ๊ก” ได้ปริญญามาเพราะโกงข้อสอบนิติศาสตร์จุฬาฯ!

หาคำนิยามมาเพื่ออธิบายเรื่องต่อไปนี้ได้ยากจริงๆ นอกจากคำว่า “เหมิดคำสิเว้า” หรือ ไม่รู้จะพูดยังไง!

สำหรับวีรกรรมของ “โจ๊ก-สุรเชชษฐ์ หักพาล” อดีตนายตำรวจใหญ่ “รอง ผบ.ตร.” ที่เพิ่งถูกให้ออกจากราชการ ฐานพัวพันกับเว็บพนัน ที่ล่าสุด “พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 และกำลังนำหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ เข้าแสดงและจับกุมตัว “ดร.นิด” หรือ ขนิษฐา เลิศบรรเจิดวงศ์

ดร.นิด เป็นใคร? ก็ต้องบอกว่ามีความสนิทสนมกับ “โจ๊ก” โดยเป็นหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการทุจริตข้อสอบ คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภาคค่ำ (นอกเวลาราชการ) หลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงการบริหารงานภาครัฐและกฎหมายมหาชน ที่ตำรวจพบว่า มีผู้ร่วมกระทำผิด จำนวนกว่า 6 คน รวมทั้งตัว “โจ๊ก” อดีต รอง ผบ.ตร.ด้วย

ดร.นิด” ขนิษฐา เลิศบรรเจิดวงศ์
ที่มาของการเข้าจับกุม “ดร.นิด” ก็ต้องย้อนกลับไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ตำรวจ บก.สอท.1 และ บก.สอท.3 ได้ทำการจับกุมเว็บพนันเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ “Betflik" และ เว็บเครือข่ายรวม 7 เว็บไซต์ จนสาวไปถึง “สาวน้อยร้อยเว็บ” เจ้าแม่เว็บพนันออนไลน์รายใหญ่ “มินนี่” หรือ น.ส.ธันยนันท์ สุจริตชินศรี

อันว่า “มินนี่” ถูกจับแล้วก็ไม่เข็ดหลาบ ก็ยังถูกจับซ้ำอีกเมื่อไม่นานมานี้ ที่ จ.เลย คราวนี้ตำรวจไซเบอร์ได้ใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยี ตรวจสอบเครื่องมือสื่อสารต่างๆ ของ “มินนี่” จนมาพบข้อมูลหลักฐานบางส่วนที่เป็นการสนทนากันของตำรวจกลุ่มหนึ่งที่มี อดีต รอง ผบ.ตร. 1 นาย ระดับ รองผู้กำกับ 1 นาย และ ระดับสารวัตร 1 นาย ซึ่งตำรวจทั้ง 3 นาย ก็อยู่ระหว่างตกเป็นผู้ต้องหาในคดีเว็บพนันออนไลน์

ข้อความการสนทนาดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อช่วงปี 2566 หรือสองปีที่แล้ว เป็นบทสนทนาถึงการนำข้อสอบของคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภาคค่ำ (นอกเวลาราชการ) หลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงการบริหารงานภาครัฐและกฎหมายมหาชน ออกมาเพื่อทำการทุจริต!

โดยพฤติการณ์ คือ ตำรวจระดับ “รองผู้กำกับ” และ ตำรวจระดับ “สารวัตร” จะเป็นตัวต้นเรื่อง ประสานกับทางเจ้าหน้าที่หลักสูตร นิติศาสตรบัณฑิต ภาคบัณฑิต (นอกเวลาราชการ) ให้เอาข้อสอบออกมาจากห้องสอบ เพื่อเอามาให้กับ “ดร.นิด” ที่ตอนนั้นอ้างว่าเป็นเลขาส่วนตัวของ “โจ๊ก”

จากนั้น ดร.นิด จะนำไปให้ทีมทนายของ “สุรเชชษฐ์” ไปทำข้อสอบให้ พอทีมทนายทำข้อสอบเสร็จสิ้น ดร.นิด จะเป็นคนนำข้อสอบมาคืนที่ห้องสอบให้กับเจ้าหน้าที่หลักสูตรที่คุมสอบ โดยที่ “โจ๊ก” ไม่ได้ทำข้อสอบเอง แม้แต่ข้อเดียว!

ว่ากันว่า วิธีและการวางแผนอย่างแยบยลเหมือนถอดแบบมาจากในหนังดัง! ใช้ตัวช่วยหลายคน แบ่งหน้าที่กันทำงานอย่างสอดประสาน เริ่มจาก “โจ๊ก” จะแจ้งขอเลื่อนสอบ อ้างว่าติดภารกิจราชการสำคัญ ในฐานะตำรวจชั้นผู้ใหญ่

เรียกว่า พอมีนัดสอบครั้งใด หากยังมีคนร่วมสอบด้วย “โจ๊ก” ก็จะหาข้ออ้าง เลื่อนสอบแล้วเลื่อนสอบเล่า ขอเลื่อนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเหลือโจ๊กคนเดียวที่จะได้สอบ

พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล
พอถึงวันสอบเดี่ยว จะมีก๊วนตำรวจลูกน้องของโจ๊ก แห่มารอกันเต็มหน้าห้องสอบแล้ว “ดร.นิด” ซึ่งมีคราบเป็นอาจารย์ มีความน่าเชื่อถือ หาโอกาสเข้าไปนำข้อสอบออกจากห้อง โดยที่กรรมการคุมสอบ เมื่อเห็นว่าเป็น โจ๊ก ก็ไม่เพ่งเล็งอะไรมาก เพราะเชื่อในเกียรติของตำรวจคนดัง

นี่คือเบื้องหลังการได้มาซึ่งปริญญา ที่เพิ่งจะถูกเปิดเผยออกมา หลังจากเบื้องหน้า ช่วงเดือนตุลาคม 2567 อดีต รอง ผบ.ตร.คนดังสวมชุดครุยจุฬาฯ ถ่ายภาพทำคอนเทนต์ออกสื่อ แสดงความสำเร็จกับการจบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ของตนเอง ท่ามกลางการรุมล้อมของบรรดาน้องๆ นิสิตอย่างชื่นมื่น

รวมไปถึงมีภาพ “โจ๊ก” คู่กับ “ดร.นิด” ร่วมยินดีอยู่ในโมเมนต์แห่งความยินดีนี้ด้วย หารู้ไม่ว่า นั่นเป็นหลักฐานที่ตำรวจใช้เชื่อมโยงนำมาสู่การจับกุม “ดร.นิด” นั่นเอง

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ
“ดร.ขนิษฐา เลิศบรรเจิดวงศ์” หรือ ดร.นิด โดนข้อหาร่วมกันเอาไปเสีย ซึ่งเอกสารของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ตาม ป.อาญา มาตรา 188 ซึ่งสามารถจับกุมตัวได้ภายในบ้านพัก พร้อมยึดของกลางเป็น โทรศัพท์ 1 เครื่อง และ iPad 1 เครื่อง นำมาตรวจสอบ พร้อมกับคุมตัวผู้ต้องหามาสอบปากคำที่ บก.สอท.1

ส่วนการขยายผลตำรวจ บก.สอท.1 กำลังออกหมายเรียก ”รองผู้กำกับ-สารวัตร” มารับทราบข้อกล่าว เพราะขบวนการทุจริตข้อสอบนิติศาสตร์ ที่ทำเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับ “โจ๊ก-สุรเชชษฐ์” มีความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 188 อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท

งานนี้สะท้อนตัวตนของ อดีต รองผบ.ตร. ให้กับสังคมรับรู้อย่างไม่มีอะไรจะเหลือให้สงสัย แต่ที่น่าสนใจก็คือ คณะนิติศาสตร์จุฬาฯ จะเคลื่อนไหวอย่างไร กับกรณีนี้ก็ต้องโปรดติดตามกัน

วิโรจน์ ลักขณาอดิศร
++ ปาหี่ “โรยเกลือ” นายกฯอิ๊งค์ ที่แท้ พรรคส้ม “โรยแป้งเย็น” ช่วยดับร้อนให้ต่างหาก

กรณี “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” สส.บัญชีรายชื่อ และ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ออกมาทำท่าขึงขัง แถลงถึงปฏิบัติการ “โรยเกลือ” นายกฯอิงค์ แพทองธาร ชินวัตร หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ใน 3 แผลคือ

1. กรณีนายกฯอิ๊งค์ ใช้ตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือ ตั๋ว P/N ที่เข้าข่ายนิติกรรมอำพราง เพื่อหลบเลี่ยงการเสียภาษี

2. กรณีโรงแรมเทมส์วัลลีย์ เขาใหญ่ ที่ส่อว่ามีการออกโฉนโดยมิชอบ เนื่องจากเป็นพื้นที่เป็นต้นน้ำลำธาร

3. กรณีชั้น14 ที่นายกฯอิ๊งค์ มีส่วนที่ทำให้ “ทักษิณ ชินวัตร”ผู้เป็นบิดา ได้รับอภิสิทธิ์เหนือผู้ต้องขังรายอื่น และเมื่อมีกระแสวิพากวิจารณ์ ข้อสงสัยเรื่องป่วยทิพย์ ก็ไม่ได้มีการสั่งการให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริง

ทั้ง 3 เรื่องนี้ จะมอบหมายให้ “รังสิมันต์ โรม” สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ไปร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้มีการดำเนินการไต่สวนและชี้มูลความผิดต่อนายกฯ ตามกฎหมายต่อไป

แต่จะไม่ใช้วิธีให้ สส.เข้าชื่อกัน ยื่นต่อประธานสภา เพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาถอดถอน “นายกฯอิงค์” ด้วยข้อหาผิดจริยธรรมร้ายแรง

 แพทองธาร ชินวัตร
แค่นี้ก็ดูออกแล้วว่า “ปาหี่” ร้องเรียนแบบไม่เอาจริง เพราะกระบวนการของ ป.ป.ช. กว่าจะชี้มูล ต้องใช้เวลาเป็นปี บางครั้งบางเรื่องก็หลายปี กว่าจะมีการชี้มูล จากนั้นยังมีขั้นต้อนส่งฟ้องศาลอีก

แต่ถ้าใช้วิธี ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ แล้วศาลฯรับเรื่องไว้พิจารณาวินิจฉัย ก็เหมือนเอาคอไปพาดเขียงแล้ว!!

ประเด็นปาหี่ นี้ “วิโรจน์” ปั้นวาทกรรมชี้แจงว่า... ไม่ต้องการใช้มรดกบาปของการทำรัฐประหาร มาเป็นผู้ชี้นิ้วให้ออกจากตำแหน่ง ... การใช้ผ้าที่สกปรกถูกบ้าน ไม่อาจทำให้บ้านสะอาดขึ้นมาได้ ... การเอาน้ำเน่า มาไล่น้ำเสีย ไม่อาจทำให้น้ำในคูคลองใสสะอาดได้ ...

“วิโรจน์” บอกอยากให้ “นายกฯอิงค์” รู้สำนึกใน ผิด ชอบ ชั่วดี มี หิริ โอตัปปะ แล้วลาออกเอง...เฮอะ รอไปเถอะไม่รู้ชาติหน้าตอนกี่โมง

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ มีคนออกมา “จับโป๊ะ” ในสิ่งที่ “วิโรจน์” พูดว่า ไม่อยากใช้มรดกบาปของการทำรัฐประหาร มาชี้นิ้วสั่งการ ซึ่งก็หมายถึง ศาลรัฐธรรมนูญนั้น มันช่างย้อนแย้งกับที่ “พรรคส้ม”เคยปฏิบัติมา

เพราะก่อนหน้านี้ ช่วงที่พรรคก้าวไกล เป็นฝ่ายค้านร่วมกับพรรคเพื่อไทย ได้ลงชื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยให้ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” พ้นจากตำแหน่งถึง 3 ครั้ง จากคดีขาดคุณสมบัติเนื่องจากเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ...คดีพักบ้านหลวง และ คดีพล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งนายกฯ ครบ 8 ปี

ยังมีกรณี ยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี และ กรณีขอให้วินิจฉัยให้ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี

การที่บอกว่า ไม่อยากใช้มรดกบาปของการทำรัฐประหาร มาทำ “นิติสงคราม” จึงเชื่อไม่ได้

แบบนี้ การไปยื่น ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบ จึงไม่ใช่การ “โรยเกลือ” แต่เป็นการ “โรยแป้งเย็น” เพื่อคลายร้อน ให้นายกฯอิ๊งค์ ต่างหาก


กำลังโหลดความคิดเห็น