xs
xsm
sm
md
lg

ปลด “ทราย สก๊อต” อธิบดี "อรรถพล" แค่หนังหน้าไฟ เปิดตัว “อริยะ เชื้อชม” ขาใหญ่กรมอุทยานฯตัวจริง สายตรง “เฉลิมชัย”! ** ได้เวลา “นายกฯอิ๊งค์” ปรับกระทรวงเศรษฐกิจ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

++ ปลด “ทราย สก๊อต” อธิบดี "อรรถพล" แค่หนังหน้าไฟ เปิดตัว “อริยะ เชื้อชม” ขาใหญ่กรมอุทยานฯตัวจริง สายตรง “เฉลิมชัย”!

“ผมเห็นเยอะเกินไป” สิรณัฐ ภิรมย์ภักดี หรือ “ทราย สก๊อต” บอกอย่างซื่อๆ เมื่อถูกถามว่าทำไมเกิดกระแสต่อต้านเขาในช่วงนี้...เห็นอะไร!!??

เห็นแค่ปัญหาพื้นๆ หรือสิ้นหวังกับระบบราชการ หรือยังต่อจิ๊กซอว์จินตนาการตามที่เจ้าตัวเปิดประเด็นไว้ ไปเห็นภาพการทุจริตอันเกิดจากการหย่อนยานในหน้าที่ ของบรรดาผู้บริหารในหลายระดับของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชหรือไม่ !?
เช้าวันจันทร์ที่ 21 เม.ย.68 ระหว่าง “ทราย สก๊อต” ให้สัมภาษณ์รายการข่าวดัง "อรรถพล เจริญชันษา" อธิบดีกรมอุทยานฯ ก็ออกคำสั่งปลด นายสิรณัฐ ออกจากการเป็นที่ปรึกษาฯ

"ทรายต้องทำงานร่วมกับทุกฝ่ายได้ แต่วันนี้ทำงานร่วมกับใครไม่ได้ เลยต้องยุติบทบาท แต่เขายังเด็ก ผมเข้าใจ ต้องฟังคนอื่นให้เยอะกว่านี้" อรรถพล ให้เหตุผลต่อการปลด "ทราย สก๊อต" จากที่ปรึกษาฯ

“ทราย สก๊อต” จิตอาสาผู้เริ่มต้นจากการเก็บขยะทะเลในพื้นที่อุทบยานแห่งชาติโบกขรณี และเกาะห้อง จ.กระบี่ ก่อนค่อยๆ เป็นที่รู้จัก และขยับขึ้นมาเป็นที่ปรึกษานายอรรถพล อย่างที่ทราบกัน

อรรถพล เจริญชันษา
ทำไมกรมอุทยานฯ จึงรีบด่วนแต่งตั้ง “ทราย สก๊อต” เป็นที่ปรึกษา ขณะเดียวกันเมื่อคุมไม่ได้พร้อมข้อหา “ทำตัวไม่น่ารัก” จึงปลดออก!?

คนที่ควรตอบคำถามให้กับสังคมไม่พ้นอธิบดีกรมอุทยานฯ เพราะดูเหมือนวันชื่นคืนสุขขนาดเริ่มจากมีรูปทั้ง 2 ประกอบกิจกรรมร่วมกัน นั่งเรือสำรวจทะเลอันดามันลำเดียวกัน จึงประหนึ่งเป็นการ “เขียนด้วยมือ ลบด้วยเท้า”

คราวนี้ต้องกลับมาที่คำพูดปริศนาของ “ทราย สก๊อต” ที่เขาระบุว่า "เห็นอะไร" ในอุทยานทางทะเลเยอะเกินไป

หากสิ่งที่เขาเห็นคือความหย่อนยานของเจ้าหน้าที่บางคนในการรักษากฎ ห้ามให้อาหารเต่าทะเล ห้ามเรือทิ้งสมอ และห้ามเข้าพื้นที่ฟื้นฟูประการัง ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอลฮอล์ ห้ามเก็บหอย และอีกจิปาถะ

แต่กฎกติกานี้ ถูกแหกโดยไกด์ท่องเที่ยว เรือท่องเที่ยว และผู้ประกอบการท่องเที่ยวหลายบริษัท!

ขณะเดียวกันก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ยังมีบริษัทบางแห่งที่เคารพกติกา มีธรรมาภิบาล ไม่เคยสร้างปัญหาก็มี ไม่ใช่เป็นเหมือนกันหมด

ทราย สก๊อต
จากตัวเลขรายได้ 5 อันดับ ของการจัดเก็บค่าธรรมเนียมในแต่ละปีของกรมอุทยานฯ แชมป์ผูกขาดก็คือ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ ธารา หมู่เกาะพีพี จ.ภูเก็ต อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จ.กระบี่ อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า หมู่เกาะเสม็ด จ.ระยอง อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา จ.พังงา และอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ รวมรายได้ทั้งหมดในปีพ.ศ.2567 ทั้งทางทะเล และทางบก สูงถึง 2.2 พันล้านบาท

เฉพาะอุทยานทางทะเล 4 แห่งข้างต้น ก็ฟาดไปกว่า 500 ล้านบาทในทุกๆ ปีอยู่แล้ว

หากจำลองไปรูปแบบตำรวจ ที่สังคมคุ้นชิน พื้นที่อุทยานทางทะเลดังกล่าวก็คือ พื้นที่เกรด A+ เป็นที่หมายปองของข้าราชการระดับหัวหน้าอุทยานฯ หลายคน ยังรวมไปถึงขบวนการฉ้อฉลย่อมต้องการส่งคนของตนไปดูแล ไปกอบโกยผลประโยชน์ ทั้งทางตรงและทางอ้อม

ปรากฏการณ์ “หนีห่าว” ก่อนพัฒนากลายเป็นคลื่นสึนามิ ถล่มหนุ่มน้อย “ทราย สก๊อต” ถ้าจับไทม์ไลน์ คดีทุจริตอุทยานหมู่เกาะสิมิลัน โดยเมื่อ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ชุด ฉก.ฉลามอันดามัน กว่า30 นายแฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยวแล้วจับไต๋ กลโกงเก็บค่าธรรมเนียมผ่านระบบ E-Ticket จำนวนคนไม่ตรงกับจำนวนตั๋วเพียงแค่ 2 ชั่วโมง พบว่ารัฐต้องเสียรายได้มากถึง 156,000 บาท ทำให้ นายอรรถพล ต้องมีคำสั่งย้าย ว่าที่ ร.อ.ฤทธิกรณ์ นุ่นลอย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ หมู่เกาะสิมิลัน ออกจากพื้นที่

อริยะ เชื้อชม
กลโกงตั๋ว E-Ticket การเวียนเทียนตั๋วหรืออื่นๆ รวมไปถึงการส่อทุจริตจากการจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ

แม้ “ทราย สก๊อต” จะไม่เคยเอ่ยถึงแต่ทุกครั้งที่เขาพูดถึงปัญหาความขาดแคลน รวมไปถึงสวัสดิการชั้นผู้น้อยเกี่ยวกับเรื่องประกันภัยเจ้าหน้าที่ซึ่งอุทยานฯมีรายได้จากการจัดเก็บปีๆ หนึ่งสูงถึงกว่า 2 พันล้านบาท สามารถนำมาเฉลี่ยพัฒนาองค์กร และดูแลเจ้าหน้าที่สร้างขวัญกำลังใจได้อย่างสบายๆ

แต่สิ่งเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้น หากมีการขุดคุ้ยถึงตัวเลขค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมไปถึงขบวนการผลประโยชน์ที่ “ทราย สก๊อต” มองเห็นอยู่ ย่อมไม่เป็นผลดีกับกลุ่มคิดชั่วทำชั่วแน่

ภาพจริง กับภาพลวงตา จึงมองได้จากมุมต่างๆ การต่อต้านทราย สก๊อต เริ่มจากผู้ประกอบการประมง เรือท่องเที่ยวระดับชาวบ้าน เป็นไปได้หรือไม่ว่า "ตัวจริงเป็นไอ้โม่ง" อยู่ข้างหลังก็คือ ตัวเบิ้มๆ ที่คอยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์

ข้อมูลที่เคยเปิดเผยไปก่อนหน้า คือ ระดับหัวหน้าอุทยานทางทะเลบางคน ซึ่งเคยมาบริหารอยู่ในพื้นที่เงินพื้นที่ทองแห่งนี้ ปัจจุบันยังเป็นเจ้าของบริษัททัวร์ทางทะเล มีผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างเห็นได้ชัด แต่ผู้บริหารกรมอุทยานฯ กลับนิ่งเฉย ซ้ำยังเคยสนับสนุนให้ก้าวหน้าอยู่ในพื้นที่เพื่อดูแลผลประโยชน์

ผลประโยชน์ของใคร!!?? คำตอบคือ คนมีอำนาจที่แวะเวียนเข้ามากอบโกยโดยส่วนใหญ่เป็นฝั่งการเมือง

นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานฯ และนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพย์ฯ ผ่านหนาวผ่านร้อนฝ่าคลื่มลมบก ลมทะเล จากนักการเมืองมาถึง 3 รัฐมนตรี

เฉลิมชัย ศรีอ่อน
ประเดิมด้วย “ลูกท็อป” นายวราวุธ ศิลปอาชา แห่งพรรคชาติไทยพัฒนา จากนั้นคือ “พี่ป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องเลิฟ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐและ ปัจจุบันคือ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งว่างเว้นมาจากการเป็นรัฐบาลหลายปี

ข้าราชการประจำกรมฯ รู้ดีว่ายุคใดมีการรีดนาทาเร้นต้อง “ส่งยอด” แก่นักการเมืองมากที่สุด!!??

จับตาไปยังเก้าอี้ ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ ที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง คนปัจจุบันโดย “นายอริยะ เชื้อชม” วน.55

ว่ากันว่า เขาเป็นเด็กสายตรง “เฉลิมชัย” ทั่นรัฐมนตรีไว้วางใจอย่างมาก ถึงขนาดให้เป็นผู้คุมบัญชีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในกรมฯ ทั้งหมด

รวมทั้งบัญชีงบประมาณค่าใช้จ่ายแบบทุกเม็ด ทำงานอย่างเข้าขากับ “นายนริศ ขำนุรักษ์” รองหัวหน้าพรรค ปชป.อดีตนักเรียนป่าไม้แพร่ ซึ่งรู้แจ้งเห็นจริงในแวดวงทุกทบวงกรม ที่ขึ้นตรงต่อทั่นรัฐมนตรี

“อริยะ” มีบทบาทหน้าที่ อำนาจจริง อำนาจแฝง แม้แต่ข้าราชการในกรมอุทยานฯ ยังยืนงงในดงทุ่งบางเขน ใครคืออธิบดีฯตัวจริงกันแน่ (วะ) ระหว่าง “อรรถพล” กับ “อริยะ” ?

ย้ายข้าราชการในสังกัดตัดสินใจไม่ได้ต้องเสนอรายชื่อผ่านทั่นรัฐมนตรี ซะก่อน งบประมาณต่างๆ ตำแหน่งต่างๆ มิใช่แค่ล้วงลูก แต่บางครั้งก็คลึงลูก บีบลูก จนใครบางคนหน้าเหลืองหน้าเขียว

ของแบบนี้ เกี่ยว ไม่เกี่ยว กับปรากฏการณ์ “เขียนด้วยมือ ลบด้วยเท้า” กรณี “หาเรื่อง” ปลด ทราย สก๊อต แต่วงในเขาเชื่อกันว่ามันต้องมีส่วน ไม่มากก็น้อย

ทุกวันนี้คนที่รับบทเป็นหนังหน้าไฟก็คือ นายอรรถพล

ส่วนที่นั่งหล่อไปวันๆ รอบ๊ายบาย จากแวดวงสิงสาราสัตว์ ก็คือ “บิ๊กตุ๋ม” นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ผู้ที่ทำลายสถิติต่ออายุราชการ 2 รอบแล้ว...โชคดีนะคนไทย และประเทศไทย!!??

แพทองธาร ชินวัตร
++ ได้เวลา “นายกฯอิ๊งค์” ปรับกระทรวงเศรษฐกิจ

ข่าวปรับครม. กำลังอยู่ในกระแส หลังจาก “นิด้าโพล” เผยผลการสำรวจความเห็นประชาชนออกมาว่า อยากให้ “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร ปรับครม.โดยเร็วที่สุด

กระทรวงที่ติด “ทอปไฟว์” ต้องรีบปรับคือ “พาณิชย์-เกษตรฯ-คลัง-สำนักนายกฯ-แรงงาน”

ส่วนใหญ่เป็นกระทรวงที่มีหน้าที่เกี่ยวพันกับเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้องประชาชน และมี “2 พิชัย” ที่กำลังจะไปเจรจาเรื่องกำแพงภาษีของสหรัฐฯ ติดโผอยู่ด้วย

กระทรวงพาณิชย์ มีเจ้ากระทรวง คือ “พิชัย นริพทะพันธุ์” ถูกจับจ้องมากกว่าใคร ไม่ว่าจากประชาชนทั่วไปหรือแม้แต่คนในพรรคเพื่อไทยเอง เพราะราคาพืชผลการเกษตร ตัวหลักๆ อย่าง ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ราคาตกต่ำ ไม่สามารถเปิดตลาดการค้าใหม่ๆได้ แม้เจ้ากระทรวงจะเดินทางไปต่างประเทศบ่อย

เลยทำให้ “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” รมว.เกษตรและสหกรณ์ พลอยติดร่างแหไปด้วย แม้ในช่วงที่ผ่านมา “อาจารย์แหม่ม” จะแก้ปัญหาเรื่องสาร BY2 ในการส่งออกทุเรียนได้ดีก็ตาม

ส่วน “พิชัย ชุณหวชิร” รมว.คลัง หลักๆ ก็มาจากโครงการแจกเงินหมื่น ที่กะปริบกะปรอย ฝนตกไม่ทั่วฟ้า แจกแล้วก็ไม่สามารถกระต้นเศรษฐกิจได้จริง

ขณะที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯน่าจะโฟกัสไปที่ “ชูศักดิ์ ศิรินิล” ที่ดูแลด้านกฎหมาย ซึ่งตอนที่จะได้เข้ามารับหน้าที่นี้ ก็เหมือนไม่ใช่ตัวจริงอยู่แล้ว พอได้มาทำหน้าที่ กฎหมายสำคัญๆ ที่รัฐบาลให้น้ำหนัก ทั้งเรื่อง แก้รัฐธรรมนูญ กฎหมายประชามติ กฎหมายนิรโทษกรรม กระทั้งล่าสุด กฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ล้วนยังไม่บรรลุเป้าหมาย

สำหรับ “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รมว.แรงงาน จากพรรคภูมิใจไทย ก็มีท่าทียืนข้างนายทุนมากกว่ายืนข้างผู้ใช้แรงงาน เรื่องการขึ้นค่าแรง 400 บาท ตามนโยบายรัฐบาล จึงทำได้ไม่กี่ที่

แต่ถ้ามองตามโควตาของพรรค โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยนั้น นอกจาก “2 พิชัย” แล้ว คนที่ถูกพูดถึงว่า จะหลุดจากเก้าอี้ หรือถูกโยกปรับเปลี่ยนตำแหน่ง ก็มี “ประเสริฐ จันทร์รวงทอง - มาริษ เสงี่ยมพงษ์- มนพร เจริญศรี - ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ”

อีกประเด็นที่กำลังถูกจับตากันมาก ว่า “นายใหญ่” จะตัดสินใจปรับพรรคภูมิใจไทย ออกจากการร่วมรัฐบาล ยอมเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำหรือไม่

เพราะจำนวน สส.ของรัฐบาลตอนนี้ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย 142 เสียง ภูมิใจไทย 69 เสียง รวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง ประชาธิปัตย์ 25 เสียง กล้าธรรม 24 เสียง ชาติไทยพัฒนา 10 เสียง ประชาชาติ 9 เสียง และชาติพัฒนา 2 เสียง รวม 317 เสียง
หากเอาพรรคภูมิใจไทย ออกไปรัฐบาลก็จะเหลือ 248 ขณะที่ เสียงเกินครึ่งในสภาตอนนี้คือ 243-244 เสียง จากนั้นไปหา “งูเห่า”เอาข้างหน้า หรือจะเป็น “สส.ฝากเลี้ยง” ก็แล้วแต่จะเรียก

อนุทิน ชาญวีรกูล
หากเป็นเช่นนี้ พรรคในสายอนุรักษ์นิยม ที่ร่วมรัฐบาลอยู่ก็จะมีอำนาจต่อรองสูงขึ้นมาทันที เพราะถ้ามีถอนตัวอีกรัฐบาลก็พัง
ความเป็นไปได้อีกทางก็คือ ไม่เอาภูมิใจไทยออก แต่ขอสลับกระทรวง โดยเฉพาะเพื่อไทย เล็งไปที่กระทรวงมหาดไทย ที่ “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยนั่งอยู่ แล้วเอากระทรวงสาธารณสุข ที่ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” กำกับดูแล ไปแลก
แต่ถ้าไม่มีการแตะโควตาของพรรคภูมิใจไทย นั่นหมายความว่า พรรคร่วมต่างพยายามประคับประคองรัฐบาลให้อยู่ได้นานที่สุด แม้จะหว่างทางจะมีความระหอง ระแหงเข้ามาสอดแทรก ก็ต้องอดทน แก้สถานการณ์กันไป

แน่นอนว่า ช่วงนี้ “นายกฯอิงค์” จะถูกรุกหนักเรื่องปรับครม. ทั้งจากสื่อ และนักการเมืองด้วยกันเอง และได้บอกกับสื่อว่า เรื่องปรับครม. จะตอบในวันนี้

ก็ต้องติดตามกันว่า วันนี้จะมีอะไรแย้มออกมาให้นำไปตีความกันบ้าง ส่วนความชัดเจนนั้น คงไม่ต้องคาดหวัง


กำลังโหลดความคิดเห็น