“สว.เปรมศักดิ์” ชี้ กมธ.กาสิโนสว. มีเงื่อนงำ-มีธงคัดค้าน มองไม่เกิดประโยชน์และเปลืองงบ เชื่อ “รัฐบาล” ถอย ร่างกม.เอนเทอร์เทนเมนต์ แต่ห่วง “กม.พนันออนไลน์” ที่คาอยู
วันนี้ (21เม.ย.) นพ.เปรมศักดิ์ เพียรยุระ สว. ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมพิจารณาศึกษาเรื่องสถานบันเทิงครบวงจร (เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) ของกรรมาธิการฯ วุฒิสภา ในวันที่ 23 เม.ย.ว่า จะตั้งเพื่ออะไร เป็นการเสียงบประมาณ อีกทั้งใช้เวลาพิจารณาถึง 6 เดือนเพื่ออะไร ตนดูหน้ากมธ.รู้อยู่แล้วว่ามีธงคัดค้านและไม่เอา ส่วนตัวเชื่อว่าการตั้งกมธ.ดังกล่าวเพื่อต่อรองทางการเมืองมากกว่าเพื่อกฎหมาย ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการตั้งกมธ. เพราะเมื่อรัฐบาลถอย ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ... แล้วต่อไปต้องถอน สว.จึงไม่ควรตั้งกมธ.ให้เสียงบ เสียเวลา ตนไม่รู้ว่าการตั้งกมธ.ดังกล่าวมีใบสั่งหรือไม่
เมื่อถามว่ากมธ.ดังกล่าวตั้งบุคคลและนักวิชาการที่มีความน่าเชื่อถือซึ่งเป็นบุคคลภายนอก เช่น นายจรัญ ภักดีธนากุล นั้น นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องเศรฐกิจนอกระบบ และเรื่องการพนัน มีนักวิชาการที่เชี่ยวชาญ คือ นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ อดีตสว. ฐานะนักวิชาการที่ศึกษาเรื่องเศรษฐกิจนอกระบบ แต่กลับไม่มีชื่อเป็นกมธ. ทั้งที่มีผลการศึกษาและวิจัยจำนวนมาก โดยไม่ต้องเสียเวลาวิจัยซ้ำ เหตุใดไม่นำมาใช้ตนจึงคิดว่าเป็นประเด็นที่น่าเคลือบแคลง
นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวด้วยว่านอกจากเรื่องสถานบันเทิงครบวงจร แล้วยังมีสิ่งที่ตนกังวล คือ การเสนอร่างกฎหมายพนันออนไลน์ ที่มีบางพรรคพยายามผลักดันเรื่องดังกล่าว ซึ่งตนมองว่าการผลักดันพนันออนไลน์นั้นจะทำให้ยิ่งเกิดความเสียหายเพราะไม่ว่าอยู่ที่ไหนสามารถเล่นพนันได้
“เรื่องพนันออนไลน์นั้น ถูกผลักดันมาจากกระทรวงมหาดไทย ส่วนที่ระบุว่าจะป้องกันนั้น ผมไม่เชื่อและมองว่าน่าจะเป็นเรื่องใครที่มีผลประโยชน์มากกว่า ดังนั้นส่วนตัวยืนยันจะต่อสู้ทั้งเรื่องกาสิโน และ พนันออนไลน์ ทั้งนี้เรื่องกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจร ได้ถอยจากวาระสภาฯแล้ว และเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่เสนอกลับมาอีก เพราะเห็นเงาทะมึนที่ต่อต้านอยู่ทั่วประเทศ คงไม่มีใครกล้าฝืน เพราะกังวลว่าจะมีประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนนิรโทษกรรสุดซอย แต่ยังเหลือพนันออนไลน์ ที่ต้องจับตา” นพ.เปรมศักดิ์ กล่าว
เมื่อถามว่าเรื่องสถานบันเทิงครบวงจรเป็นนโยบายของรัฐบาลที่ประกาศไว้ต่อสภาฯ นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงมาตั้งแต่ต้น ไม่ได้เสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลังที่คิดขึ้นมา ดังนั้นตนเชื่อว่ารัฐบาลจะถอยได้ ดังนั้นถือเป็นบทเรียนว่าหากจะทำนโยบายอะไรต้องทำมาตั้งแต่ต้นตั้งแต่การหาเสียง เพราะหากเป็นนโยบายที่ทำมาตั้งแต่ต้นประชาชนจะไม่คัดค้าน.