xs
xsm
sm
md
lg

“หนีห่าว”เปิดให้เห็นขบวนการชำเราทะเลไทยอีกครั้ง “ทราย สก๊อต” ตัวเข้าแลก เพราะคนมีหน้าที่ไม่ทำ! ** “เต้ มงคลกิตติ์” โดดหาแสง เตือน “กัน จอมพลัง” ถอยเถอะน้อง รักษาชีวิตไว้ นายใหญ่เขาสั่งมาแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


อรรถพล เจริญชันษา - ทราย สก๊อต - มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ - กัน จอมพลัง
ข่าวปนคน คนปนข่าว

++ “หนีห่าว”เปิดให้เห็นขบวนการชำเราทะเลไทยอีกครั้ง “ทราย สก๊อต” ตัวเข้าแลก เพราะคนมีหน้าที่ไม่ทำ!

ช่วงเวลานี้แวดวงอนุรักษ์ กระแส “ทราย สก๊อต” ทายาทสิงห์รุ่น 4 ฉายา "อควาแมนเมืองไทย" เจ้าของสถิติว่ายทะเลข้ามเกาะโดยไม่ใช่เครื่องช่วยชีวิตรวดเดียว 30 กม. ใครไม่รู้ ก็คงจะเชยไปหน่อย

ก่อนเจาะรายละเอียดถึงปมขัดแย้ง และภาพรวมปัญหาทั้งหมดของอุทยานทางทะเล ทั่วประเทศว่ามีสาเหตุมาจากอะไร มารู้จักหนุ่มน้อยผู้นี้กันก่อน..

“ทราย สก๊อต” หรือ สิรณัฐ สก๊อต อายุ 26 ปี ลูกครึ่งไทย-สก๊อตแลนด์ เป็นหลานชายคุณจำนง ภิรมย์ภักดี ประธานบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด สำเร็จการศึกษาปริญญาตรี ด้านแอนิเมชันจากสหรัฐอเมริกา

ทราย สก๊อต
หนุ่มน้อย “สิรณัฐ” ชอบกีฬาว่ายน้ำและชอบทะเลเป็นชีวิตจิตใจ จึงไม่แปลกที่มีเส้นทางการอนุรักษ์ทะเล

โดยประเดิมด้วยโครงการ Sea you strong ก่อตั้งด้วยทุนส่วนตัว มีสมาชิกเป็นชุมชนในภาคใต้ ช่วยกันทำความสะอาดเก็บขยะชายหาด

กระทั่งปี 2565 “ทราย สก๊อต” แสดงความแข็งแกร่งและจิตใจเต็มเปี่ยมเพื่อหาหนทางแสดงออกให้ตระหนักถึงการอนุรักษ์ท้องทะเล ด้วยการว่ายน้ำเดี่ยว จากอ่าวนาง ไปกลับเกาะปอดะ ระยะทางประมาณ 30 กม.ใช้เวลา 6 ชั่วโมง

ชื่อของ “ทราย สก๊อต” จึงโดดเด่นเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย

ก่อน “ทราย” ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษา "นายอรรถพล เจริญชันษา" อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช

มีเรื่องเล่าในแวดวงระดับบริหารของอุทยานทางทะเล ว่า “โครงการ Sea you strong” ของ ทราย สก๊อต มีกลุ่มสมาชิกเพียงไม่กี่คน แต่ด้วยความตั้งใจจริง และความกล้า ทราย สก๊อต มีโอกาสพบกับหัวหน้าอุทยานทางทะเล ในพื้นที่ จ.กระบี่ คนหนึ่งเพื่อขอคำแนะนำ ซึ่งหัวหน้าอุทยานฯ คนนั้นได้เห็นหน่วยก้าน เห็นความมุ่งมั่น จึงให้การสนับสนุนมอบหมายหน้าที่ให้ ทราย สก๊อต เป็นผู้ช่วยเจ้าหน้าที่

โดยมีกฎ กติกาว่าทุกครั้งที่อยากทำอะไร ขอให้มาปรึกษากัน ขีดการทำหน้าที่ของ “ทราย สก๊อต” อยู่ในวงที่เจ้าตัวพอใจ และราชการ กับส่วนรวม ก็ได้ประโยชน์

ต่อมา “ทราย สก๊อต” ต้องการขยายแนวร่วมและพื้นที่อนุรักษ์ ให้มากกว่าที่ทำอยู่ จึงเป็นที่มาของการเข้าพบ อธิบดีกรมอุทยานฯ

กระทั่ง “ทราย สก๊อต” ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานฯ อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 2 ม.ค.67

หลังจากเป็นที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานฯ อย่างเต็มตัว ดูเหมือนว่า “ทราย สก๊อต” ได้ออกปฏิบัติหน้าที่ตามที่ระบุไว้ในเอกสารแนบช่วงที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเต็มที่ เช่น เป็นจิตอาสาหรือเป็นทูตทางทะเล เพื่อเป็นสื่อกลางรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้อยู่กับเราไปนานๆ

ดังนั้นเอง จึงไม่แปลกที่สังคมมักจะเห็นการทำหน้าที่ของ “ทราย สก๊อต” ในชุดเจ้าหน้าที่อุทยานฯ คอยแนะนำนักท่องเที่ยวที่ฝ่าฝืนกฎระเบียบ ไม่ว่าการเก็บหอยไปเป็นที่ระลึก การเหยียบปะการัง การใช้ครีมกันแดด ที่เป็นอันตรายต่อปะการัง และเพิ่มความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เช่น การขึ้นไปบนเรือท่องเที่ยว ตักเตือนนักท่องเที่ยวที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เหล้า เบียร์ หรือบางครั้งหนักหน่อยคือ มีการเสพกัญชา ยังรวมไปถึงกลุ่มทัวร์ที่นำนักท่องเที่ยวดำน้ำให้อาหารเต่าทะเล หรือ เรือหางยาวรับจ้างบางลำ ที่ทิ้งสมอเรือสร้างความเสียหายแก่ปะการัง

การอุทิศตนเพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติอย่างมุ่งมั่น ทุ่มเท แต่อีกมุมหนึ่งกลับมีคนเสียประโยชน์ เริ่มหยอดกระปุกความไม่พอใจ วันละเล็ก ละน้อย และขยายวงขึ้นไปเรื่อยๆ มีการตอบโต้ ด่าทอในโลกโซเชียลมีเดีย ถึงการทำหน้าที่ของ “ทราย สก๊อต” ซึ่งมีทั้งชาวบ้านที่ประกอบอาชีพเรือรับจ้างนักท่องเที่ยว ไกด์นำเที่ยว หรือ แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่บางคน

อรรถพล เจริญชันษา
พวกนี้เลือกช่วงจังหวะที่ “ทราย สก๊อต” กำลังมีปัญหาการฟ้องร้องกับบริษัทนำเที่ยวแห่งหนึ่ง จากคลิปนักท่องเที่ยวดำน้ำให้อาหารเต่าทะเล กลุ่มที่ไม่พอใจ หรือไม่เห็นด้วยกับการทำหน้าที่ของเขา จึงพากันโจมตี

กระทั่งจุดพีกสุดเมื่อ “ทราย สก๊อต” เผยแพร่คลิป เข้าช่วยนักท่องเที่ยวเรือเสีย แต่มีคำพูด “หนีห่าว” ซึ่งเจ้าตัวมองว่าเป็นการเจตนาเหยียดคนไทย เมื่อมารวมกับความไม่พอใจของบรรดาผู้ประกอบการหาผลประโยชน์ทางทะเล กับเจ้าหน้าที่บางคน จึงพากันเฮโล ปั่นกระแสรถทัวร์ถล่ม “ทราย สก๊อต” อย่างสุดกำลัง

ขณะที่แฟนคลับของนักอนุรักษ์หนุ่ม ก็ช่วยกันออกมาปกป้อง กระแส “หนีห่าว” แบ่งออกเป็น 2 ข้าง ทั้งเห็นด้วย กับไม่เห็นด้วย
แต่ที่ “หนีไม่ออก” กลับกลายเป็น “อรรถพล เจริญชันษา” อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช คนที่เชิญ “ทราย สก๊อต” มาเป็นที่ปรึกษา และทำท่าจะเป็นคู่กรณีซะเองกับหนุ่มน้อยผู้ไม่ยอมห่างทะเล

ประเด็น “ทราย สก๊อต” ยังขยายถึงขบวนการผลประโยชน์แห่งท้องทะเลอันดามัน จะอย่างไร พรุ่งนี้โปรดติดตาม EP2

มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์
++ “เต้ มงคลกิตติ์” โดดหาแสง เตือน “กัน จอมพลัง” ถอยเถอะน้อง รักษาชีวิตไว้ นายใหญ่เขาสั่งมาแล้ว

กรณี “พีช” สมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ อายุ 28 ปี ผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาลตำบลธัญบุรี เป็นลูกชายของ “นายกเบี้ยว” กฤษฎา หลีนวรัตน์ อดีตนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ขับรถยนต์หรู BMW ป้ายแดง ปาดหน้าชนรถกระบะของลุงและป้า จนเกิดอุบัติเหตุ ลุงซี่โครงหัก 6 ซี่ ต้องเข้ารับการรักษาที่ห้องไอซียู โรงพยาบาลบางปะกอก-รังสิต 2

สมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์
หลังเกิดเหตุ “พีช” แสดงตนเป็นลูกนายกเทศมนตรี มีพี่ชายเป็นสส.ปทุมธานี พรรคเพื่อไทย ซึ่งก็คือ “สส.ฟลุ๊ค” มนัสนันท์ หลีนวรัตน์ และยังแอบอ้างว่ารู้จัก “อาต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. อีกด้วย

เมื่อคู่กรณีของ “ลุง-ป้า” เป็นผู้มีอิทธิพล เป็นตระกูลการเมือง เป็นเครือข่ายของพรรคเพื่อไทย ขนาด“ทักษิณ ชินวัตร” และ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ยังไปปรากฏตัวเป็นแขกพิเศษ ในงานบวชของ “พีช” เมื่อปีที่แล้ว

กฤษฎา หลีนวรัตน์
“กัน จอมพลัง” กัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ อินฟูเอนเซอร์ ชื่อดัง จึงเข้ามาให้ความช่วยเหลือ ยืนข้างลุง-ป้า ด้วยเกรงว่า ชาวบ้านธรรมดาๆ จะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะอีกฝ่ายเป็นผู้มีอิทธิพลทางการเมือง

จากท่าที ของ“พีช” ที่แข็งกร้าวในตอนแรก จนถูกทัวร์ลงหนัก ทำให้ “นายกเบี้ยว” ต้องพา “พีช" หอบพวงมาลัย เข้าขอโทษลูกสาว ของผู้เสียหาย ที่เดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลำลูกกา โดย “พีช” ยกมือไหว้ ยอมคุกเข่าต่อหน้าสื่อ แต่ถูก “กัน จอมพลัง” หักหน้า ดึงลูกสาวของ “ลุง-ป้า” ออกไป ไม่รับคำขอโทษ โดยเห็นว่าไม่มีความจริงใจ แต่ที่ต้องมาเพราะถูกสื่อ และกระแสโซเชียลฯ กดดัน

อย่างไรก็ตาม “พีช” บอกว่าเรื่องค่าเสียหายทั้งหมด ค่ารถ ค่าพยาบาล ยินดีที่จะดูแลให้ ซึ่งเรื่องที่ตนไม่ได้ดูแลตั้งแต่วันแรก เพราะตกใจ ไม่ได้มีเจตนาที่จะหนี และ รู้สึกผิดที่ทำให้ลุง-ป้า บาดเจ็บ จึงตั้งใจมาขอโทษ และขอโอกาสสังคม หยุดด่าตนเองด้วย

ล่าสุดวานนี้ (20 เม.ย.) พีช และนายกเบี้ยว ได้เดินทางไปที่ รพ.บางปะกอก-รังสิต2 เพื่อขอเข้าเยี่ยม ลุง-ป้า และจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ แต่ทางคนไข้บอกไม่พร้อมให้เข้าเยี่ยม ส่วนค่ารักษาพยาบาล มีคนจ่ายไปก่อนแล้ว

กัน จอมพลัง
ซึ่งต่อมา “กัน จอมพลัง” ยอมรับว่าได้จ่ายค่ารักษาพยาบาลลุง-ป้า ไปแล้ว โดยค่ารักษาพยาบาลรวม 134,000 บาท เป็นเงินส่วนตัวของกัน 47,697 บาท และเงินจาก มูลนิธิ กัน จอมพลัง ช่วยสู้ อีก 26,608 บาท รวมกับเงินในส่วนของ พ.ร.บ. ช่วยลุงป้า อีก ยอด 60,000 บาท (คนละ 30,000 บาท) ช่วยเหลือทางครอบครัวด้วย

และในวันเดียวกันนี้ “เต้” มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อดีต สส.พรรคไทยศรีวิไลย์ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า... "ฝากถึงน้อง กัน จอมพลัง ถอยเถอะน้อง นายใหญ่ สั่งพี่ชายนายมาแล้ว นายไม่ถอย มัวเชื่อ fc มาก จำบทเรียนของทนายตั้ม ไว้ เคยดังขีดสุด fc ช่วยไม่ได้นะ คดีจะมาเพียบ"

จากนั้น “มงคลกิตติ์” ยังได้โพสต์ อีกว่า "ที่เตือน เพราะรักและห่วงใย น้องเป็นคนดีมาก แต่ควรรักษาชีวิตไว้ดูแลครอบครัว และประชาชนท่านอื่นๆ พี่รู้นิสัยนักการเมือง....ดี เขาจะเตือนครั้งเดียว พี่น้องเขาไม่สน เขาสนอำนาจอย่างเดียว ...

แน่นอนว่า โพสต์ของ “เต้” เรียกแขก เข้ามาแสดงความเห็นกันมากมาย เช่น... มีคดีดังเมื่อไร ต้องมีเต้ ... สงสัย ใครคือนายใหญ่... นายใหญ่ มันอยู่เหนือกฎหมายหรือ ...เหตุที่เกิดกับนักการเมืองมาเฟีย ก็ต้องยอมก้มหัวให้ทุกครั้งแบบนี้เหรอ ...ถ้าประเทศนี้มีคนขี้ขลาดแบบเต้ ก็จมอยู่ใต้ตีนผู้มีอิทธิพลตลอดไปนะ... แยกย้าย ตัวใครตัวมัน ดูแลตัวเองดีดีนะทุกคน ...

อย่างไรก็ตาม หลังโพสต์นี้ของ“เต้” เผยแพร่ออกไป ทางด้าน “กัน จอมพลัง” ก็ออกมาตอบว่า ตนเองก็คุยกับพี่ชายทุกวัน พี่ชายบอกให้หาทางออกร่วมกัน ตนก็พยายามถอยออกมาคนละก้าวแล้ว เพื่อเปิดทางให้คู่กรณีได้แสดงความรับผิดชอบอย่างจริงใจ และเป็นรูปธรรม เพราะก่อนหน้านี้ เห็นแต่คำพูดอย่างเดียว และยังพูดในลักษณะปากแจ๋วด้วย

อย่างไรก็ตาม ก็ขอขอบคุณ “พี่เต้” ที่ออกมาเตือน ด้วยความเป็นห่วง แต่อยากบอกว่า ไม่ต้องเป็นห่วง

ส่วนเรื่องค่ารักษาพยาบาล ที่ตนได้สำรองจ่ายไปก่อนนั้น ถ้าอยากจะคืนให้ ก็ยินดีรับไว้ และควรรีบเข้ามาดำเนินการเรื่องรถของลุงกับป้าด้วย เพราะบริษัทประกันยังไม่ติดต่อมา แต่ถ้าเป็นตนเอง ก็จะซื้อรถใหม่ให้เลย

ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า “เต้” เข้ามาร่วมวงเพราะ“แสง” หรือได้ข่าว “นายใหญ่” สั่งตัดจบจริงๆ ขณะที่ท่าทีของ “กัน จอมพลัง” ดูเหมือนจะอ่อนลง


กำลังโหลดความคิดเห็น