xs
xsm
sm
md
lg

“ทักษิณ”ถูกขี่คอ ไปต่อเหนื่อย-ยุบก็ไม่เวิร์ก!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ทักษิณ ชินวัตร - เนวิน ชิดชอบ
เมืองไทย 360 องศา

มีหลายคนประเมินกันว่า หลังจากนี้อีกไม่นานจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี โดยคาดว่าน่าจะอีกราวเดือนสองเดือนนี้ ประกอบกับเมื่อพิจารณาจากผลสำรวจล่าสุดของ “นิด้าโพล” ที่เพิ่งเผยแพร่ ก็ย้ำให้เห็นถึงความต้องการของสังคมว่า อยากให้ “ปรับคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว” ก็ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่า “น่าจะปรับแน่”

และเมื่อพิจารณาจากแบ็กกราวด์ทางการเมือง ของเจ้าของพรรค อย่างนายทักษิณ ชินวัตร ที่เวลานี้จำเป็นต้องลงมาคลุกวงในเองทุกเรื่อง แบบ “ผู้นำรัฐบาล” ที่มักจะปรับคณะรัฐมนตรีกันทุกสามเดือน หกเดือนอยู่ตลอด เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนตอบแทนกลุ่มก๊วนในพรรคเพื่อไทย และยังเป็นการต่อรองกับ“กลุ่มทุน” ได้อย่างดี มันก็น่าจะลงล็อกกันพอดี ประกอบกับด้วยเงื่อนไขเรื่อง “ผลงานที่ไม่ได้เรื่อง” ไม่สมราคาคุยของบรรดารัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยหลายคน ยิ่งเป็นตัวเร่งให้ต้องรีบดำเนินการให้เร็วขึ้นอีก

เพราะแม้ว่าจะรู้ว่าปัญหาหลักจะมาจากตัวนายกรัฐมนตรี คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่ถูกมองว่า “ไม่มีความสามารถ” เพียงพอกับผู้นำประเทศ แต่เมื่อเป็น “ลูกสาว” ที่ผลักดันกันขึ้นมา หากให้ลาออกก็จะเสียดุลทางการเมือง ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน สูตรจึงออกมาแบบ “ต้องปรับคณะรัฐมนตรี”เท่านั้น

อย่างไรก็ดี เมื่อมีการปรับคณะรัฐมนตรี จะปรับแบบไหน ปรับเฉพาะภายในพรรคเพื่อไทย หรือจะรวมไปถึงพรรคร่วมรัฐบาลอื่นพร้อมกันไปด้วย ซึ่งหากพิจารณาถึงความเป็นไปได้ ของรัฐบาลผสมในเวลานี้ ต้องถือว่าอำนาจการต่อรองของพรรคเพื่อไทย ที่เป็นแกนนำรัฐบาล “มีอำนาจต่อรองลดลง” หรือหากพูดกันตามความเป็นจริงก็ต้องถือว่า “ถูกขี่คอ” โดยเฉพาะจากพรรคภูมิใจไทย หรือหากให้เข้าใจแคบเข้ามาอีกก็คือ นายทักษิณ ชินวัตร กำลังถูก นายเนวิน ชิดชอบ เจ้าของพรรคภูมิใจไทย ขี่คอ และกดดันอย่างหนัก และจะหนักขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนี้

ที่ผ่านมาทั้งสองพรรคดังกล่าวมีเรื่องที่ต้องต่อรองกันมากมาย กับ “ผลประโยชน์ของเจ้าของพรรค” ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง “ที่ดิน” หลายแปลงที่มีปัญหา และที่หนักหน่วงรุนแรงล่าสุดก็เป็นเรื่อง “บ่อนกาสิโน” ที่ลูกชายของนายเนวิน คือ นายไชยชนก ชิดชอบ ที่เป็นเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ประกาศกลางสภาว่า ไม่สนับสนุนร่างกฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หรือ กฎหมายกาสิโน อย่างเด็ดขาด

ขณะเดียวกัน หากพิจารณาถึงความสำคัญของร่างกฎหมายสำหรับการเปิดทางให้ “เปิดบ่อน” ทุกคนย่อมรู้ว่ามีความสำคัญกับ นายทักษิณ และพรรคเพื่อไทย ขนาดไหน เพราะออกแรงผลักดันอย่างแรงมาตั้งแต่แรก เนื่องจากมีเรื่อง “ค่าใบอนุญาต” ราคาแพง รวมไปถึงทำเลสถานที่ตั้งบ่อนเป็นเดิมพัน

หลายคนกำลังบอกว่า “ทักษิณ กำลังจะเขี่ยเนวิน” คือพรรคภูมิใจไทย ออกจากการร่วมรัฐบาล เนื่องจากด้วยแบ็กกราวด์ทางการเมือง จะไม่ยอมให้ใครมา“ขี่คอ” หรืออยู่ในภาวะเสียเปรียบ และที่ผ่านมาตัวเองจะอยู่ภาวะ “เหนือ” คนอื่นมาตลอด ดังนั้นจึงทนไม่ได้ที่จะอยู่ในสภาพแบบนี้

แต่อย่างไรก็ดี สถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันถือว่าเปลี่ยนไปแล้ว นายทักษิณ ชินวัตร ไม่สามารถกำหนดเกมทุกอย่างได้หมดทุกอย่างอีกต่อไปแล้ว หลังจากที่พรรคเพื่อไทยพ่ายแพ้การเลือกตั้งครั้งล่าสุด จนต้องตั้งรัฐบาลผสมขึ้นมา และสามารถผลักดันให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีจนสำเร็จ และเมื่อพิจารณาเสียงของรัฐบาล แม้ว่าเวลานี้จะมีเสียงรวมกันถึง 317 เสียง ก็ตาม ถือว่ามีเสียงข้างมากเด็ดขาด แต่เมื่อพิจารณากันแบบแยกย่อยในรายละเอียด จะเห็นว่า พรรคที่มีอำนาจต่อรองสูงก็คือ พรรคภูมิใจไทย นั่นเอง

โดยพิจารณาตัวเลขของจำนวน ส.ส.แต่ละพรรคร่วมรัฐบาลมีดังนี้ พรรคเพื่อไทย 142 ภูมิใจไทย 69 เสียง รวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง ประชาธิปัตย์ 25 เสียง กล้าธรรม 24 เสียง ชาติไทยพัฒนา 10 เสียง ประชาชาติ 9 เสียง และชาติพัฒนา 2 เสียง รวม 317 เสียง แน่นอนว่า ยังมีแบบ “ฝากเลี้ยง” ตามพรรคเล็กพรรคน้อย อื่นๆ อีก แต่ถือว่ายังไม่นับเป็นกอบเป็นกำ

ถามว่า หากเอาพรรคภูมิใจไทยออกไป รัฐบาลจะเหลือกี่เสียง 317-69 จะเหลือ 248 ขณะที่เสียงเกินครึ่งในสภา คือ 243-244 เสียง ถือว่า“ปริ่มน้ำ”รัฐบาลขาดเสถียรภาพ ยิ่งถูกพรรคร่วมรัฐบาลอื่นบี้หนักอีกต่างหาก และเมื่อต้องเจอกับร่างกฎหมายสำคัญที่เกี่ยวกับการเงิน ยิ่งต้องเหนื่อยหนัก ห้ามลา ห้ามขาด ห้ามป่วย นั่นแหละ

ถามว่า หากมีการปรับพรรคร่วมรัฐบาลใหม่ หากขับพรรคภูมิใจไทยออกไป แล้ว ดึงพรรคประชาชน เข้าแทน หรือการล้างไพ่ใหม่ โดยรัฐบาลมีแค่สองพรรคคือ เพื่อไทยกับพรรคประชาชน จะเป็นไปได้หรือไม่ ในทางการเมืองถือว่าเป็นไปได้ทุกแบบ เพียงแต่ว่า ที่ผ่านมานายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ประกาศชัดเจนแล้วว่า จะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ตลอดสมัยอายุสภาชุดนี้

ดังนั้น เวลานี้จึงมีทางเลือกอยู่สองทางคือ กัดฟันยังร่วมรัฐบาลกับภูมิใจไทยต่อไป หรือว่าจะปรับออกแล้วเป็น “รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ” โดยมีพวก“งูเห่า” ในพรรคฝ่ายค้านบางพรรค และในพรรคเล็กพรรคน้อย อีกราว 3-4 เสียง ที่ฝากเลี้ยงเอาไว้ จะกล้าแบบนั้นหรือเปล่า

อย่างไรก็ดี หากพิจารณาตามรูปการณ์แล้ว พรรคเพื่อไทย โดยนายทักษิณ ชินวัตร นาทีนี้คงไม่กล้าหักดิบแบบนั้นแน่ เพราะไม่ว่าจะยุบสภา ลาออก รวมไปถึงการ “ถีบ” พรรคภูมิใจไทยออกไป ก็คงเป็นไปได้ยาก เพราะสถานการณ์ของรัฐบาลเวลานี้ถือว่า “ไม่ดีเลย” โดยเฉพาะในเรื่อง “เศรษฐกิจ ปากท้อง” ถือว่าย่ำแย่หนัก และจะยิ่งหนักไปอีกหากอยู่ถึงปลายปีนี้ เวลานี้ถือว่ารัฐบาล และ นายทักษิณ ได้กินบุญเก่าเกือบหมดแล้ว ผลงานที่เคยเคลมเรื่องมืออาชีพด้านเศรษฐกิจกำลังจะหมดไปแล้ว และที่สำคัญฝีมือของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะผู้นำ ถือว่าทำได้น่าผิดหวัง ยิ่งอยู่นาน ยิ่งอาการหนักมากขึ้นเรื่อยๆ

สำหรับ นายทักษิณ และพรรคเพื่อไทย นาทีนี้หากประเมินแล้ว คงต้องกล้ำกลืนฝืนทน ต้องยอมให้ พรรคภูมิใจไทย และ นายเนวิน “ขี่คอ” ไปเรื่อยๆ จนถึงทางตันไปไม่ไหว หนทางสุดท้ายก็คือ ยุบสภา แต่ในระยะอันใกล้นี้ถือว่ายังไม่เกิด แต่ที่เป็นไปได้มากที่สุดในอีกไม่นานก็คือ การปรับคณะรัฐมนตรี โดยเป้าหมายจะพุ่งไปที่รัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เป็นหลัก เท่านั้นเอง !!


กำลังโหลดความคิดเห็น