วันนี้(18 เม.ย.)นายภณวัชร์นันท์ ไกรมาตย์ นายกสมาคมนักประดิษฐ์และนวัตกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวถึงสถานการณ์กลุ่มทุนจีนเทา ที่เข้ามามีบทบาทและอิทธิพลในประเทศไทยในขณะนี้ว่า ตนจำได้ว่า มีอยู่ช่วงหนึ่งที่รัฐบาลเอาจริงเอาจังในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติโดยเฉพาะกลุ่มทุนจีนเทา ซึ่งมีการดำเนินการโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย เช่น การซื้อขายพาสสปอร์ต การซื้อขายสัญชาติ การเช่าคอนโดรายวันเพื่อมั่วสุมกระทำผิด และได้มีการตั้งถิ่นฐานอยู่อาศัย โดยที่เห็นชัดที่สุดคือบริเวณเขตห้วยขวางและเขตบางเขน และมีทีท่าว่าจะขยายพื้นที่การยึดครองไปยังพื้นที่สำคัญๆ ของประเทศไทย ซึ่งเวลานี้ตนจึงอยากกระตุ้นเตือนให้ทาง พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ตำรวจทั่วประเทศ ดำเนินการปราบปรามกลุ่มทุนจีนเทาที่ก่อปัญหาและอาชญากรรมอย่างต่อเนื่อง โดยตนขอร้องว่า อย่าทำเพียงชั่วครู่ชั่วยามตามกระแสเท่านั้น
นายภณวัชร์นันท์ กล่าวต่อว่า ตนขอยกตัวอย่าง 2 กรณีสำคัญๆ ที่ตอกย้ำให้เห็นถึงภยันตรายของกลุ่มทุนจีนเทาที่เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์และอิทธิพลในประเทศไทยโดยกรณีแรก เป็นกรณีที่สร้างความสลดใจให้กับคนไทยทั้งประเทศ คือ เหตุการณ์อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ เกิดถล่มเนื่องจากแผ่นดินไหวในประเทศเมียนมาร์ ซึ่งมีแรงสั่นสะเทือนมายังประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา เนื่องจากหน่วยราชการที่ทำหน้าตรวจสอบเงินแผ่นดิน กลับถูกกลุ่มทุนจีนเทาใช้เล่ห์กลในการรับงานโครงการก่อสร้างตึกขนาดใหญ่ โดยอาศัยคนไทยมาเป็นนอมินี จากนั้น เมื่อรับงานได้แล้วก็โอ้อวดสารพัดว่า จะนำนวัตกรรมการก่อสร้างใหม่ๆ มาใช้ เพื่อลดต้นทุนการก่อสร้าง แต่สิ่งที่พบเห็นก็คือ การนำเหล็กและคอนกรีตที่ไม่ได้มาตรฐานมาก่อสร้าง และก่อสร้างไปไกลถึงขั้นจะมีการวางแปลนตกแต่งรายละเอียดภายในกันแล้ว จึงต้องสอบถามว่า การที่โอ้อวดว่าจะนำเทคโนโลยีการก่อสร้างที่ทันสมัยที่ซับซ้อนมาใช้หลายด้าน มีงานวิจัยรองรับหรือไม่ ทำไมถึงถล่มลงมาได้ ในขณะที่ตึกอื่นๆ ที่ยังคงมีการก่อสร้าง กลับไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด และที่สุดเมื่อเกิดเหตุแล้ว ทำไมมีพนักงานบริษัทที่รับงาน จำนวน 3 – 4 คน กลับวิ่งหน้าตาตื่นเพื่อเอาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างออกมาจากที่เกิดเหตุ แต่พอจับได้ก็กลับอ้างว่า ที่เอาเอกสารออกมาเพื่อที่จะเป็นหลักฐานในการเคลมประกัน และกลุ่มทุนที่ร่วมก่อสร้างฯ ยังไม่มีการแสดงความรับผิดชอบอย่างจริงใจออกมา
และกรณีล่าสุดที่ ที่ชาวบ้านซอย 13 สาย 11 ต.มะขามคู่ อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง ได้ร้องเรียนเรื่องปัญหาความเดือดร้อนจากนายทุนถมที่ดินเพื่อก่อสร้างโรงงาน หรือโกดังเก็บสินค้า บนพื้นที่ประมาณ 24 ไร่ สูงเกินหลังคาบ้านสองชั้น ซ้ำยังขุดดินปรับพื้นที่ลึกลงไปอีกกว่า 10 เมตร จนหวั่นว่ากำแพงบ้านที่อยู่ติดพื้นที่ดังกล่าวจะพังถล่มลงมา จนทราบว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นของนายทุนชาวไทย โดยมีพื้นที่ประมาณ 50ไร่ และแบ่งถมดินสูงไปแล้ว 25 ไร่ คาดว่าเป็นการดำเนินงานเพื่อรองรับการก่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ป้อนให้กับโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าค่ายดังยี่ห้อหนึ่งของจีน ซึ่งมีโรงงานขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่นิคมอุตสาหกรรมที่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานั้น ก็ถือเป็นกรณีศึกษาล่าสุดที่ต้องขอเตือนคนไทยทุกคนว่า กลุ่มทุนจีนเทาได้เข้ามามีอิทธิพลครอบงำในทุกภาคส่วนของสังคมไทย แม้แต่หน่วยงานภาครัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งจากกรณีที่เกิดขึ้นนี้ ถือเป็นเรื่องที่อันตรายเป็นอย่างมาก เพราะกลุ่มทุนจีนเทาที่อยู่เบื้องหลัง กระทำการต่างๆ ได้อย่างเสรีกว่าคนที่อยู่ในประเทศนี้
ดังนั้น ตนจึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดการแก้ไขหรือยกร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เสียใหม่ ให้ทันสมัยและทันต่อเทคโนโลยีและช่องโหว่ของกฎหมาย เนื่องจากกฎหมายในปัจจุบันที่บังคับใช้คือพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ได้ใช้บังคับมากว่า 25 ปี ซึ่งเทคโนโลยีและการประกอบธุรกิจบางประการก็ล้าสมัย และยังพบเห็นอยู่เสมอว่า ทุนต่างชาติจำนวนมากอำพรางตนเข้ามาประกอบธุรกิจในฐานะนิติบุคคลไทย ทั้งอย่างถูกกฎหมาย ด้วยการถือหุ้นทางอ้อม และอย่างผิดกฎหมาย ด้วยการถือหุ้นผ่านบุคคลหรือนิติบุคคลไทย (nominee) เพื่อลดความยุ่งยากในการขออนุญาต ตามกฎหมายดังกล่าว เพราะฉะนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงควรใช้โอกาสนี้ ปรับปรุงหรือยกเครื่องกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของคนต่างด้าวเสียใหม่ เพื่อไม่ให้ทุนจีนสีเทา หรือทุนต่างชาติที่มีเจตนาไม่ดีต่อประเทศไทย มาดำเนินธุรกิจในลักษณะ ‘กดหัว’ คนไทย อย่างเช่นที่เกิดในปัจจุบันนี้
“ผมได้พยายามชี้ให้เห็นว่า กลุ่มทุนจีนเทาได้พยายามเข้ามามีอิทธิพลบงการประเทศไทยในเรื่องต่างๆ เป็นอย่างมาก ซึ่งสิ่งที่ผมในฐานะนายกสมาคมนักประดิษฐ์ฯ เห็นอยู่ตลอดก็คือ การลอกเลียนแบบสินค้านวัตกรรมที่คิดค้นโดยคนไทย ซึ่งยังมีขายอยู่ทั่วไปตามแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ โดยไม่ได้คำนึงถึงมาตรฐานและความปลอดภัยของผู้ใช้สินค้า ทำให้คนที่คิดค้นสินค้านวัตกรรมนั้น ถูกดูหมิ่นคุณภาพอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งผมก็ขอยืนหยัดต่อสู้อย่างถึงที่สุด เพื่อปกป้องความคิดนวัตกรรมที่เกิดขึ้นจากคนไทยด้วยกัน สำหรับในส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ผมมีคำถามตรงๆ ไปว่า ทำไมหน่วยราชการที่มีหน้าสำคัญ กลับถูกกลุ่มทุนจีนเทาหลอกลวงโดยใช้เล่ห์เพทุบายต่างๆ เพื่อให้ได้รับงานการก่อสร้างอาคารสูง หรืออาจจะมีข้าราชการจำนวนมากในองค์กรรู้เห็นเป็นใจด้วย สิ่งหากเป็นอย่างหลังนั้น ผมก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก เพราะท่านได้ร่วมกับกลุ่มทุนจีนสีเทา ทำร้ายประเทศของตัวเอง และก็อำมหิตเป็นอย่างมาก เพราะผมเชื่อว่า ด้วยโครงสร้างที่ไม่แข็งแรง วัสดุอุปกรณ์ไม่ได้มาตรฐาน หากเหตุการณ์แผ่นดินไหวไม่เกิด และสามารถเปิดใช้ตามกำหนดได้ ยังไงก็มีเหตุการณ์อันน่าสะเทือนใจอย่างแน่นอน ซึ่งอาจจะเป็นคนในหน่วยงานนั้นเองเป็นผู้รับเคราะห์ที่เกิดขึ้น ส่วนกรณีที่ถมดินสูงถึงขนาดท่วมหลังบ้านของประชาชนนั้น
ถึงแม้ว่า ทางเทศบาลเมืองมะขามคู่ จ.ระยอง จะยืนยันว่า ไม่อนุญาตให้มีการถมดินก็ตาม แต่ก็แสดงให้เห็นว่า กลุ่มทุนจีนเทา ไม่มีความเกรงกลัวใดๆ ต่อกฎหมายไทย และยังสะท้อนไปถึงสงครามทางการค้าด้านภาษีที่สร้างความปั่นป่วนไปทั่วโลก ซึ่งผมเชื่อว่า สงครามภาษีครั้งนี้ ถึงแม้จีนจะมียุทธวิธีในการรับมืออย่างไร แต่ก็ไม่มีวันชนะประเทศสหรัฐอเมริกาได้ อันเนื่องมาจาก พฤติกรรมการดำเนินธุรกิจของกลุ่มทุนจีนเทาส่วนใหญ่ สร้างปัญหาให้กับคนในประเทศที่กลุ่มทุนจีนเทาไปทำธุรกิจเป็นอย่างมาก ทั้งในเรื่องของสังคมและสิ่งแวดล้อม เพราะฉะนั้น ผมถึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ใช้กรณีที่เกิดขึ้นนี้ ควบคุมการดำเนินธุรกิจของคนต่างด้าว ไม่ให้สร้างอิทธิพลมากกว่าที่เป็นอยู่ นั่นก็คือ การแก้ไขหรือยกร่างกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เสียใหม่ เพื่อให้ทันต่อเล่ห์เหลี่ยมและเทคโนโลยีการดำเนินธุรกิจในยุคปัจจุบัน” นายภณวัชร์นันท์กล่าว