สส.พรรคส้ม จ่อยื่น ป.ป.ช.ฟัน นายกฯ จงใจละเว้นปฏิบัติหน้าที่ปมชั้น 14 อัด “รัฐบาล” ดักดาน! ไม่นำพาบทเรียนนิรโทษเหมาเข่ง แนะเปิดพื้นที่วิจารณ์เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เตือนอย่ามองคิดต่างเป็นศัตรู เผย กัดไม่ปล่อย โรยเกลือนายกฯ ต่อหลังสงกรานต์
วันนี้ (16 เม.ย.) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์กรณี นายวิสุทธิ์ ไชยรุณ ประธานวิปรัฐบาล ระบุว่า รัฐบาลมีหน้าที่ต้องทำความเข้าใจกับประชาชน เรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่ใช่แค่กาสิโน เพียงอย่างเดียว อย่าปล่อยให้เกิดการบิดเบือน ว่า การโทษทุกสิ่งทุกอย่าง แสดงว่า ไม่เข้าใจปัญหา ขนาด ครม. พรรคร่วม ประชุมกันทุกสัปดาห์ การสื่อสารกันเองยังด้อยประสิทธิภาพเลย แล้วยังมีหน้ามาโทษคนอื่นบิดเบือนอีก ตนไม่เคยค้านแบบสุดลิ่ม หรือไปบิดเบือนแต่จะพยายามบอก ว่า รัฐบาลยังขาดการดึงเอาประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อสร้างความเข้าใจในเรื่องที่จะดำเนินนโยบาย ได้อย่างถูกต้อง ถ้ารัฐบาลไม่เปิดช่องก็เท่ากับรัฐบาลปิดประตูตีแมว เคยมีประสบการณ์กับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งมาแล้ว ไม่ใช่หรือ แสดงว่า ดักดานไม่เคยเอามาเป็นบทเรียน มัวแต่โทษคนอื่น นี่คือ ปัญหาของรัฐบาล และพรรคเพื่อไทย
ส่วนเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ประชาชนทั้งกลุ่มที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ยังรับรู้ข้อมูล ข้อเท็จจริง ไม่ตรงกันอยู่เลย และมี 2 เรื่อง ที่รัฐบาลต้องสื่อสารอย่างหนัก และดีกว่านี้ คือ ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ที่ประเมินหรือประมาณการไว้ เท่าไหร่ต่อปี และใช้ตัวแปรอะไร รวมถึงผลเสียต่างๆที่เกิดขึ้นกับสังคมในทางลบ รัฐบาลมีมาตรการจัดการอย่างไร
เมื่อถามถึงการรับฟังความเห็นประชน ช่วงปิดสมัยประชุมสภารัฐบาลควรทำอย่างไร นายวิโรจน์ กล่าวว่า ตนขอย้ำว่า ต้องเปิดพื้นที่ให้สื่อมวลชน นักวิชาการ วิพากษ์ วิจารณ์ ร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โดยรัฐบาลตอบคำถามอย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช่ตอบโต้ กฎหมายลักษณะนี้ถ้าไม่ประณีตและรัดกุมถ้า เกิดผลกระทบทางลบต่อสังคม กว่าจะแก้ไขกฎหมายได้ ใช้เวลาหลายปี ให้รับไปก่อนแล้วแก้ทีหลังแบบสุกเอาเผากินไม่ได้ จะอ้างแก้ในชั้น กมธ.ไม่ได้ ถ้าเคลียร์กับประชาชนจนสิ้นข้อสงสัย แก้ไขร่างที่ 1 จนประชาชนรับได้ ก่อนส่งเข้าสภาฯให้รับหลักการ ก็มีแนวโน้มจะผ่าน แบบนั้น สว.เอง ก็ไม่น่าจะมีแรงต้าน หากประชาชนเห็นด้วย ตนว่า นายวิสุทธิ์ ต้องไปบอกพรรคเพื่อไทย และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ก่อนว่า อย่ามองคนเห็นต่างเป็นศัตรู เพราะรัฐบาลขาดการประชาสัมพันธ์ข้อเท็จจริง อย่างครอบคลุม ทั่วถึง เพียงพอ ยิ่งเห็นรัฐบาลงุบงิบ มุบมิบ กุลีกุจอจะทำให้ได้ ประชาชนก็อาจจิตตนาการในทางร้ายไว้ก่อนอยู่แล้ว
นายวิโรจน์ กล่าวถึงความคืบหน้ามาตรการโรยเกลือรัฐบาลต่อเนื่องจากเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า หลังจากสงกรานต์ ช่วงวันที่ 21 เม.ย. นี้ จะมีการแถลงข่าว 3 ประเด็นหลัก คือ 1. พฤติกรรมของนายกฯ ที่เข้าข่ายทำนิติกรรมอำพราง โดยใช้ตั๋ว PN ในการหลีกเลี่ยงภาษี หรือไม่ ต้องให้อธิบดีกรมสรรพากร ส่งเรื่องสอบถาม หรือหารือไปยังคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร เพื่อให้กรณีนี้ได้รับการสรุป และมีบทสรุปที่ชัดเจนอย่างสิ้นข้อสงสัย ประชาชนจะได้นำเอาแพทองธารโมเดล เวลาจะให้หุ้นบริษัท ให้ที่ดินกับลูก หรือว่า สินทรัพย์ใดที่มีระบบทะเบียน ต่อไปนี้ เขาจะได้เลิกให้ และใช้นิติกรรมแสร้งทำเป็นขายแล้วให้ลูก ทำตั๋ว PN ที่ไม่มีกำหนดการชำระเงิน ไม่มีดอกเบี้ย ยื่นหมูยื่นแมวมาให้ หรือไม่ ต้องถามนายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร ว่า จะยอมรับกรณี แบบนี้เป็นมาตรฐาน จริงหรือเปล่า 2. เรื่องฉโนดโรงแรม เทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ ซึ่งเรายืนยัน ว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ต้นน้ำลำธาร ไม่ว่ากฎหมายฉบับไหน ก็ไม่สามารถออกเป็นโฉนดได้ ก็เท่ากับว่า อาจได้โฉนดมาโดยมิชอบ ต้องมีการเดินหน้าเพิกถอนโฉนด
นายวิโรจน์ กล่าวว่า 3. กรณีของนักโทษชั้น 14 ก็เข้าข่ายว่า นายกฯ รู้ทั้งรู้ แต่ว่าก็จงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ อย่างไรก็ตาม ต้องมีการพิจารณาส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. ดำเนินการต่อไป แต่ยืนยันว่า เราจะไม่ใช้ช่องทางจริยธรรม จัดการกับนายกฯ แน่ ๆ เพราะเราเชื่อว่า จริยธรรมมันอยู่ที่ตัวตนของนายกฯเอง ไม่ต้องไหว้วานให้มรดกบาป คสช. มาชี้ว่า คนดีเลว แม้ว่าเราจะได้ประโยชน์ก็ตาม กับการยื่นมีดให้ศาลรัฐธรรมนูญ เราจะไม่ใช้วิธีการที่พรรคเราเชื่อว่าไม่ถูกต้อง จัดการกับคนไม่ถูกต้อง เรายังคงเรียกร้องให้นายกฯ มีสำนึกในตัวเอง และจริยธรรมตัวเองต้องตัดสิน รับผิดชอบ ไม่ต้องให้ใครชี้นิ้ว และไม่ต้องให้มรดกบาปคสช.เอามีดมาฟัน ย้ำว่า แม้ว่าเราจะได้ประโยชน์ต่อการยื่นศาลรัฐธรรมนูญก็ตาม แต่เราจะไม่ใช้กระบวนการ ที่เราเชื่อว่า ไม่ชอบธรรม จัดการกับคนไม่ชอบธรรม เพราะมันไม่ยั่งยืน ระบบสามานย์ต่างๆ ก็จะดำรงอยู่ เราไม่สามารถเอาน้ำเสีย ไล่น้ำเสียได้