เมืองไทย 360 องศา
มีหลายคนคาดการณ์กันว่า หลังสงกรานต์ไปแล้วการเมืองไทยจะเริ่มร้อนแรงมากขึ้นกว่าเดิม จนถึงขั้นอาจมีการปรับคณะรัฐมนตรี และอาจเป็นไปได้ถึงการยุบสภากันเลยทีเดียว ส่วนสาเหตุที่ทำให้คิดไปเช่นนั้น ส่วนหนึ่งก็มาจากการอภิปรายในสภาของ นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ประกาศท่าทีชัดเจนในสภา ว่า “ไม่เอากาสิโน” อย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะเสนอโดยพรรคเพื่อไทย หรือว่าพรรคใดก็ตาม จนทำให้มองกันว่า นี่คือตัวเร่งปฏิกิริยาทางการเมือง
เพราะก่อนหน้านี้ พรรคเพื่อไทยกับภูมิใจไทย มีเรื่องต้องขัดกันหลายเรื่อง แม้ว่าหลายเรื่องที่ว่านั้นล้วนเป็นเรื่อง “ผลประโยชน์” ของบุคคลระดับผู้มีอิทธิพลในพรรค หรือว่า “เจ้าของพรรค” ไม่ว่าจะเป็นกรณีของ “ที่ดินอัลไพน์” สนามกอล์ฟเขาใหญ่ หรือ “ที่เดินเขากระโดง” และล่าสุดก็เป็นเรื่อง “บ่อนกาสิโน” ที่นายทักษิณ ชินวัตร กำลังผลักดันให้ออกมาสำเร็จ แต่ด้วยท่าทีขัดขวางจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะจากท่าทีของแกนนำพรรคภูมิใจไทยดังกล่าว ทำให้ต้องเลื่อนการพิจารณาออกไปก่อน
สิ่งที่มองกันว่า นี่คือความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคภูมิใจไทย โดยเฉพาะคำพูดของ นายไชยชนก ที่งานนี้รับรู้ได้ว่า“ตั้งใจพูด”
พร้อมทั้งประกาศ “สถานะ” ว่าเป็น “ลูกชาย” ของนายเนวิน ชิดชอบ มันก็เหมือนการส่งสัญญาณไปถึง “เจ้าของ” พรรคเพื่อไทย เช่นเดียวกันว่า คิดอย่างไร แม้ว่าในเวลาต่อมานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จะบอกว่าได้ขอโทษ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแล้ว ไม่ติดใจอะไร เนื่องจากเป็นการ “ผิดคิว” แต่ไม่มีปัญหาอะไร
อย่างไรก็ดี บรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทยหลายคนยังมีปฏิกิริยาไม่พอใจ และแสดงออกมาชัดเจน ซึ่งหากมองในมุมนี้ยังถือว่า ทั้งสองพรรคมีรอยเร้าลึกลงไปเรื่อยๆ เพียงแต่ว่า ระดับ “เจ้าของ” ยังไม่ส่งสัญญาณแตกหักออกมาให้เห็นเท่านั้นเอง
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากท่าทีล่าสุดของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่กล่าวในวันสงกรานต์ที่จังหวัดเชียงใหม่ ทำนองว่า “ต้องรวมใจเป็นหนึ่ง” และต้องบริหารภายใต้ความขัดแย้งให้ได้
“ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะต้องรวมตัวกันเป็นหนึ่ง เพราะภัยภายนอกมากขึ้นทุกวันๆ เพราะฉะนั้นคนไทยต้องรักกัน ต้องช่วยกัน คนไทยต้องรักกัน คนไทยต้องช่วยกัน ทำให้ปีใหม่ปีนี้เป็นจุดเริ่มต้น ที่ว่าคนไทยจะต้องรักกัน ประเทศแข็งแรง ขอให้ทุกคนมีความสุข” นายทักษิณ กล่าว
ถามว่า จะมีการเปิดบ้านให้เข้ารดน้ำดำหัวขอพร หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่ครับ เกรงใจคน ไม่อยากให้คนมีความรู้สึกว่าพอตนเปิดแล้วไม่มาก็จะดูไม่ดี มีอะไรก็อวยพรในใจก็ได้ เจอกันแล้วค่อยอวยพรก็ได้ ตนไม่อยากให้เป็นภาระใครทั้งสิ้น
การไม่เปิดบ้านให้เข้ารดน้ำดำหัว ของ นายทักษิณ ครั้งนี้ ถือว่าน่าสนใจ เพราะน่าจะเป็นการลดกระแส เนื่องจากอาจมีการพูด การสอบถาม จนอาจทำให้กลายเป็นประเด็นบานปลายเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรก ที่เขาไม่มีการเปิดบ้านให้คนภายนอกเข้าพบ
นอกจากนี้ เขายังกล่าวถึงกรณีสั่งชะลอ ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จะมีปัญหาหรือไม่ว่า ไม่มีปัญหาอะไร เพราะมันเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์กับบ้านเมืองโดยรวม เพราะฉะนั้นการไม่เห็นด้วยของคนบางคนที่ใช้คำว่า กาสิโน ซึ่งมันไม่ใช่ กาสิโนเป็นส่วนเล็กๆของ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่ใช่กาสิโน เป็นหลัก คนที่มาต่อต้านก็จะพูดแต่กาสิโนอย่างเดียว ซึ่งเป็นสิ่งที่บิดเบือน
เมื่อถามว่า จะสามารถผ่านเรื่องนี้ไปได้อย่างไร ในเมื่อทางพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคมีท่าทีไม่เห็นด้วย ขณะที่ สว.ก็ตั้งด่านคัดค้าน นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่เป็นอะไร เรื่อง สว. เป็นเรื่องของสว. ส่วนเรื่องรัฐบาลมีเสียงพออยู่แล้ว แต่รัฐบาลต้องการฟังเสียงประชาชนเพื่อให้มั่นใจว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้ขัดข้อง
เมื่อถามว่า ได้มีการพูดคุยกับ นายเนวิน ชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด ในฐานะแกนนำพรรคภูมิใจไทย ภายหลังจาก นายไชยชนก ชิดชอบ สส. บุรีรัมย์ ลุกขึ้นอภิปรายเปิดใจในสภา หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า เข้าใจว่านายอนุทิน ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้พูดคุยกับนายกฯแล้ว ซึ่งนายอนุทิน บอกว่าพรรคภูมิใจไทยไม่มีปัญหา
“การเมืองก็คือการเมือง พรรคภูมิใจไทย ก็คือพรรคภูมิใจไทย” นายทักษิณ กล่าว เมื่อถูกถามว่าพรรคภูมิใจไทย สามารถร่วมหัวจมท้ายได้หรือไม่ และยังย้ำว่ารัฐบาลยังอยูครบเทอม “เรื่องครบมันไม่มีปัญหาหรอก ไม่มีปัญหา วันนี้ไม่ได้มีปัญหาอะไรพรรคภูมิใจไทย ก็เป็นส่วนหนึ่งของพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งเป็นพรรคที่ใหญ่อันดับ 2 ของพรรคร่วมรัฐบาล แต่พรรคร่วมรัฐบาลก็มีจำนวนมากพอ ไม่ได้มีปัญหาอะไร ซึ่งพรรคภูมิใจไทย ก็รู้ดีว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร ถ้าหากจะมีการไม่เข้าใจกัน
เมื่อถามย้ำว่า แต่พรรคภูมิใจไทยก็ทำแบบนี้มาตลอด นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่เป็นอะไร เราเข้าใจ เราสามารถบริหารความขัดแย้งได้
จากคำพูดข้างต้นของ นายทักษิณ ชินวัตร ทำให้มองเห็นท่าทีของเขาได้ดีว่า ยังไม่พร้อมแตกหักกับพรรคภูมิใจไทย โดยเฉพาะกับนายเนวิน ชิดชอบ ที่เรียกว่า “ครูใหญ่” ของพรรคนั้น เพราะหากเกิดแรงกระเพื่อมจนถึงขั้นที่ทำให้น.ส.แพทองธาร ต้องลาออก หรือยุบสภา ไม่ว่าออกมุมไหน นาทีนี้เชื่อว่า พรรคเพื่อไทย ไม่มีความพร้อมเลย เนื่องจากไม่ฒ๊ผลงาน ปัญหาสังคม การเมือง ล้วนไม่เป็นใจให้กับพรรคเพื่อไทยและพวกเขาเลย สิ่งที่ทำได้เวลานี้คือ ต้องประคองสถานการณ์ออกไปก่อน
ดังนั้น สิ่งที่คาดหมายกันว่าหลังสงกรานต์ หรือในช่วงเปิดสภาในเดือนกรกฎกาคม การเมืองจะเดือด ก็อาจไม่ถึงขั้นนั้น แม้ว่าสิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุด ก็อาจเป็นแค่การปรับคณะรัฐมนตรี ในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทยเป็นหลัก ขณะที่พรรคภูมิใจไทย ในระยะใกล้นี้ น่าจะยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะเท่าที่เห็นสำหรับนายทักษิณ ไม่ต่างจากการ “กลืนเลือด” ต้องเก็บงำไปก่อน ยังไม่พร้อมแตกหัก!!