“สมศักดิ์” ขอประชาชนเดินทางช่วงสงกรานต์อย่างปลอดภัย กำชับ “ง่วง-เมา” ไม่ขับ ย้ำดื่มแอลกอฮอล์ขณะอยู่บนรถ คุก 6 เดือน ปรับ 1 หมื่น หรือทั้งจำทั้งปรับ ห่วงปัญหาคนจมน้ำช่วงเทศกาล หลังพบสถิติพุ่งสูงกว่าช่วงปกติ ขอช่วยกันเป็นหูเป็นตาและระวังป้องกัน
วันนี้ (12 เม.ย. 2568) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า วันนี้คงเป็นวันที่ประชาชนออกเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือไปท่องเที่ยวกันในเทศกาลวันหยุดในเทศกาลสงกรานต์กันอย่างคับคั่ง เท่าที่ได้ติดตามข่าวสาร ก็พบว่าถนนหลายที่มุ่งสู่ต่างจังหวัดสภาพจราจรเริ่มติดขัด มีรถบนถนนจำนวนมาก จึงอยากเน้นย้ำถึงความปลอดภัยในการใช้รถรถใช้ถนน เพราะจากสถิติที่ผ่านมา สาเหตุใหญ่ของการเกิดอุบัติเหตุคือจากมนุษย์เราเป็นหลัก ดังนั้น ขอให้ผู้ทำหน้าที่อยู่หลังพวงมาลัยทุกท่าน หรือรถจักรยานยนต์ทั้งหลาย พึงตระหนักในการขับขี่เพื่อให้เกิดความปลอดภัย เริ่มที่ตัวเรา หากต้องเดินทางระยะทางไกลๆ ควรจะนอนพักผ่อนให้เพียงพอ 7- 9 ชั่วโมง หรือควรมีผู้ขับขี่สลับ จอดพักที่จุดพักรถ เพื่อคลายความเหนื่อยล้า หากง่วงขณะขับขี่ควรหาที่จอดพักงีบหลับ 20 นาที หรือเขาเรียกว่า “Power nap นอกจากนี้เรื่องสำคัญที่เป็นอีกสาเหตุของอุบัติเหตุคือ การดื่มสุราหรือของมึนเมาขณะขับขี่
“เราได้เน้นย้ำและรณรงค์กันทุกปี เรื่องเมาไม่ขับ เพื่อจะได้กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย ไม่เฉพาะคนขับขี่ แต่รวมถึงผู้โดยสารอยู่ในรถด้วย ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด เพราะนอกจากทำให้เกิดอันตรายแล้ว ยังมีความผิดตามกฎหมาย โดยหากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ดังนั้นอดใจรอไปฉลองกับญาติพี่น้องเมื่อถึงปลายทางดีกว่า จะได้ไม่เสียเวลา เสียค่าปรับโดยใช่เหตุ ก็อยากจะย้ำเตือนตรงนี้และขอให้ทุกท่านเดินทางโดยสวัสดิภาพ” นายสมศักดิ์ กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่ห่วงกังวลหลังจากที่ตนได้รับทราบข้อมูล จากข้อมูลกองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ปี 2558 - 2567 พบว่า เดือนเม.ย. มีคนจมน้ำเสียชีวิตเฉลี่ยปีละ 327 คน กลุ่มอายุ 45 - 59 ปี เสียชีวิตสูงที่สุด (84 คน) รองลงมาเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี (70 คน) โดยช่วงเทศกาลสงกรานต์ วันที่ 13 - 15 เม.ย. มีคนจมน้ำเสียชีวิตเฉลี่ยวันละเกือบ 15 คน มากกว่าวันปกติถึง 1.5 เท่า เฉพาะวันที่ 13 เม.ย.มีการจมน้ำเสียชีวิตสูงที่สุดเฉลี่ย 18 คน กรมควบคุมโรคยังพบว่า การจมน้ำในช่วงเทศกาลสงกรานต์มากกว่าครึ่งเกิดจากการเล่นน้ำ (ร้อยละ 58.6) และเกิดเหตุมากสุดในแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรและแหล่งน้ำตามธรรมชาติ ร้อยละ 79.3 ที่สำคัญคือ คนที่จมน้ำมีการดื่มแอลกอฮอล์ถึง ร้อยละ 12 และทั้งหมดไม่สวมเสื้อชูชีพ ดังนั้น ถ้าอยากจะลงเล่นน้ำควรมีสภาพร่างกายที่พร้อม มีเสื้อชูชีพ หรือใช้อุปกรณ์ช่วยลอยน้ำ ขอให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา ช่วยกันระวังป้องกันไม่ให้มีความสูญเสียขึ้น