“อิ๊งค์”สตรอเบอรี่เต็มปาก!! แต่โทษเกมการเมืองบิดเบือน กม.กาสิโน ** บี้“แสวง”แล้วเรื่องเงียบ! คณะสว.สำรองปูด กกต.บางคนรับเงินสองทางจากสีน้ำเงิน!

ข่าวปนคน คนปนข่าว

++ “อิ๊งค์”สตรอเบอรี่เต็มปาก!! แต่โทษเกมการเมืองบิดเบือน กม.กาสิโน

หลังการประชุมครม.เมื่อวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร พร้อมด้วยหัวหน้าพรรครวมรัฐบาลทั้ง 6 พรรค ก็ออกมาแถลงว่า พรรคร่วมรัฐบาลได้หารือร่วมกันแล้ว มีมติให้ “เลื่อน” การพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ออกไปก่อน

อ้างว่าต้องการเปิดโอกาสให้สภาได้พิจารณาเรื่องเร่งด่วน อย่างเรื่องแผ่นดินไหว ตึกสตง.ถล่ม และเรื่อง “โดนัลด์ ทรัมป์” ตั้งกำแพงภาษี สูงลิบ

แต่แล้วก็ “โป๊ะแตก” เพราะมีเหตุการณ์ฟ้องว่า ที่ต้องพักเรื่องกฎหมายกาสิโน เอาไว้ก่อนนั้น เพราะพรรคร่วมรัฐบาล “ไม่เห็นด้วย”


โดยพรรคประชาชาติ ได้ออกแถลงการณ์ พร้อมภาพ สส.เรียงแถวจับมือกัน แสดงจุดยืนชัดเจนว่า ไม่รับหลักการ ร่าง กม.กาสิโน เพราะกลัวว่าจะส่งผลกระทบในทางลบต่อสังคม วัฒนธรรม และศีลธรรมของเยาวชนและประชาชน

ในเวลาไล่เลี่ยกัน “ชาดา ไทยเศรษฐ์” สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย อดีต รมช.มหาดไทย ก็ประกาศว่า... เรื่องนี้ จะส่งผลกระทบต่อพ่อแม่พี่น้อง สังคมไทยมากมายมหาศาล วันนี้สังคมไทยก็มีปัญหาเยอะแยะมากมายอยู่แล้ว ความเข้มแข็งในครอบครัวก็ไม่มี ต้องสร้างความเข้มแข็งให้ครอบครัวก่อน และก็มาถามประชาชนดูว่า เขาต้องการไหม อย่าทึกทักเอาเอง อย่าคิดว่าคุณเป็นพรรคการเมือง เป็นสส. แล้วสิ่งที่คุณตัดสินใจคือความคิดของประชาชน นั่นไม่ใช่ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ต้องกลับไปถามประชาชน ถ้าประชาชนว่าไง ก็ว่าตามนั้น ...


ล่าสุด เมื่อวานนี้ (9 เม.ย.) “ไชยชนก ชิดชอบ” ยังออกมาตอกย้ำกลางสภา ว่า ในฐานะที่เป็น ลูกชายของ “เนวิน ชิดชอบ” ในฐานะ สส.บุรีรัมย์ และในฐานะ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ขอประกาศว่า จะไม่มีวันเห็นด้วยกับกาสิโน !!

นี่ว่ากันเฉพาะเกมการเมืองในสภา ยังไม่รวมถึงภาคประชาชนนอกสภา ทั้งในกรุง ต่างจังหวัด ในโซเชียลฯ นอกโซเชียลฯกลุ่มองค์กรต่างๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งกลุ่มแพทย์ ต่างพร้อมใจกันออกมาแสดงตน แสดงเจตจำนงว่า... “ไม่เอากาสิโน!”

หาก“สองพ่อลูก” ยังขืนดึงดัน เดินหน้าแบบไม่สนสี่สนแปด มีหวังพัง!!


ปรากฏการณ์ต้านกาสิโนครั้งนี้ คงทำให้ “นายกฯอิงค์” อารมณ์ค้าง ถึงกับต้องไประบายในที่ประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวง ที่ห้องประชุมจารุวัสตร์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เมื่อวันวาน

“อิงค์” บอกว่า เราถูกบิดเบือนในคำพูดว่า เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ คือ กาสิโน ซึ่งจริงๆ แล้วกาสิโน คือถูกกฎหมาย เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่ได้แปลว่า ประเทศไทยเปิดบ่อนที่ไหนก็ได้ และถูกกฎหมายหมด ไม่ใช่ ...เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ มี กาสิโนแค่ 10% ของพื้นที่เท่านั้น และไม่ใช่ นายเอ นายบี นายซี ไปเปิดกาสิโน ได้หมดทุกคน ประเทศเต็มไปด้วยกาสิโนทั้งหมด ไม่จริง

เป็นไง ฟังแล้วว่า ใครสตรอเบอรี่ ใครบิดเบือนกันแน่!!

เพราะที่ประชาชนเขาคัดค้าน ต่อต้านนั้น เขารู้ดีว่า หากกฎหมายฉบับนี้ผ่าน ไม่ใช่กาสิโนจะเกิดขึ้นทั่วบ้านทั่วเมือง ...แต่เขาต้าน “กาสิโน” ในเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ที่บอกว่ามีแค่ 10% นี่แหละ เพราะรู้ว่าจะเป็นตัวทำเงิน ดูเงินคนไทยด้วยกันเอง ไม่ใช่นักท่องเที่ยวต่างชาติ และจะเป็นแหล่ง “ฟอกเงิน” ของนักธุรกิจสีเทา ข้าราชการสีเทา นักการเมืองสีเทา

ประชาชนรู้กระทั่งว่า ผลประโยชน์จะตกอยู่กับคนในรัฐบาล ที่เป็นผู้ออกใบอนุญาต เป็นผู้ออกกฎหมาย เอาที่หลวง ที่ทำเลดี ไปประเคนให้นายทุน ที่จะเข้ามาทำกาสิโนคอมเพล็กซ์ ... ชัดที่สุดก็คือกรณีที่กำลังจะเกิดขึ้นที่ท่าเรือคลองเตย

“นายกฯอิ๊งค์” ยังบอกว่า นโยบายนี้ อยู่ในการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาอยู่แล้ว เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในรูปแบบใหม่ๆ ที่จะทำให้เกิดการจ้างงานเยอะขึ้น เกิดสกิลที่สูงขึ้น เรามีโรงแรม ร้านอาหาร คนไทยจะมีสกิลที่สูงขึ้น การตกแต่งภายในสถานที่เหล่านี้ เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ รวมถึงผ้าไทยก็จะมีโอกาสได้โชว์ นี่คือการขับเคลื่อนเศรษฐกิจครั้งใหญ่...

อย่างนี้ถามว่า ถ้าเห็นว่า “เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ที่เน้น สถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจครั้งใหญ่ แล้วทำไมต้องมีกาสิโนด้วย ไม่มีไม่ได้หรือ

เสียงจากปาก “อิงค์” คือ ที่ต้องมีกาสิโน ก็เพื่อเอาเงินเหล่านั้น มาหมุนคืนทุนในการก่อสร้าง ถ้าไม่ทำเต็มระบบ เงินก็จะไม่หมุนกลับมา ขืนมัวไปรอรายได้จากการขายวัฒนธรรม ความบันเทิง ตั๋วคอนเสิร์ต หรือโรงแรม... โน่น จะต้องใช้เวลาคืนทุนนาน 5–7 ปี เป็นอย่างต่ำ

“อิ๊งค์” เผยไต๋ออกมาจนได้ว่า รัฐบาลหวังเงินจาก “กาสิโน” ไม่ใช่องค์ประกอบอื่นอย่างที่พยายามยกมากล่าวอ้าง

แล้วเงิน กาสิโนนั้นมาจากใคร ถ้าไม่ใช่จากคนไทย!!

...ถามจริงๆ คนที่เล่นพนันอยู่ตอนนี้ เขาเล่นที่ไหนกัน ถูกกฎหมายหรือเปล่า ถ้าเราเอาเข้าระบบ เงินพวกนี้จะกลายเป็นรายได้ของรัฐ เอามาพัฒนาสถานที่จัดคอนเสิร์ต ซึ่งเราพลาดงานใหญ่ๆ ไปเยอะเพราะไม่มีสถานที่รองรับที่เหมาะสม...

... เศรษฐกิจฝืดเคืองเพราะเม็ดเงินไม่พอ เราเห็นแล้วว่าต่างประเทศเขามุ่งไปที่การสร้างสถานที่ท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น แต่เรากลับยังไปติดอยู่แค่คำว่า “กาสิโน” ช่างเป็นเรื่องที่น่าเสียดายโอกาสนัก

อย่างไรก็ตาม “นายกฯอิงค์” ยืนยันว่าจะใช้เวลา 2 เดือน ช่วงปิดสมัยประชุมสภา พยายามพูดคุย ทำความเข้าใจให้ทุกฝ่ายเห็นตรงกัน เพื่อเดินหน้าต่อ

แต่เมื่อถามว่าจะต้องทำประชามติ ฟังความเห็นของประชาชนก่อนหรือไม่ ก็รีบตอบทันทีว่า “ตอนนี้ยัง”

เมื่อรัฐบาลยังไม่ถอน “ร่างกฎหมายกาสิโน” ออกจากวาระการพิจารณาของสภา ทางเครือข่ายภาคประชาชน ที่เคลื่อนไหวคัดค้านเรื่องนี้ ก็ประกาศยกระดับ ไม่ใช่แค่เลื่อนการพิจารณา แต่ต้อง ถอนร่างกฎหมายนี้ออกจากสภาด้วย

เรียกว่า หากหยิบยกขึ้นมาเมื่อไร ก็ต้องเจอการต่อค้าน คัดค้านแบบสุดซอยแน่นอน

ปัญหากาสิโน ในตอนนี้ เห็นชัดว่า ทั้งภาคประชาชน องค์กรต่างๆ พรรคร่วมรัฐบาล กระทั่งวุฒิสภา ต่างออกมาคัดค้าน

อย่าลืมว่ารัฐบาลนี้ ไม่ใช่แค่นอมินี แต่เป็นรัฐบาลของ “ลูกสาว” ตัวเอง... แล้วอย่างนี้“ทักษิณ” จะยังกล้าสั่งเดินหน้าลุยไฟหรือ... ไม่กลัวภาพเก่าๆที่ต้องออกไปอยู่ต่างประเทศถึง 17 ปี กลับมาหลอนบ้างหรือ ?!


++  บี้“แสวง”แล้วเรื่องเงียบ! คณะสว.สำรองปูด กกต.บางคนรับเงินสองทางจากสีน้ำเงิน!

กลุ่มสว.สำรองกว่า 30 คน นำโดย “พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว” ติดเครื่องลุยแหลก “แสวง บุญมี” เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

ก่อนหน้านี่ก็ลุยมาแล้ว ร้องมาก็หลายรอบ แต่เรื่องก็เงียบกริบ!

ครั้งนี้เคลื่อนไหวยื่นหนังสือเปิดผนึกฉบับที่ 9 และ10 ถึง “อิทธิพร บุญประคอง” ประธาน กกต. และคณะกกต. เพื่อขอทราบผลการดำเนินการทางวินิจฉัยกับ “แสวง บุญมี” ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ รวมทั้งการทบทวนคำวินิจฉัย ที่ไม่เอาโทษ “แสวง บุญมี” กรณีที่มีผู้มาแจ้งเกี่ยวกับการลักลอบนำโพยจัดตั้งเข้าไปในที่เลือกสว. ระดับประเทศ เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.67 แต่ “แสวง” ไม่ได้จัดการป้องกัน แก้ไข

นอกจากนั้น คณะ สว.สำรองเร่งรัดขอให้มีการเปิดหีบบัตรลงคะแนนในรอบประเทศ เพื่อตรวจสอบว่ามีการลงคะแนนสอดคล้องกับโพยจัดตั้งอย่างไร

หลังจากยื่นมาแล้วหลายรอบ แต่ “อิทธิพร” ประธาน กกต. และคนที่เกี่ยวข้อง ไม่มีใครออกมาชี้แจง งานนี้ไม่ใช่แค่ “แสวง” คณะสว.สำรอง ส่งสารถึง “ประธานกกต.”ว่า อย่าทำตัวเหนือปัญหา ให้ระวังงานจะเข้า !

หนึ่งในคณะสว.สำรอง “อัครวัฒน์ พงศ์ธนาชลิตกุล” บอกเลยว่า ประธานกกต. มีเวลาอีกไม่กี่เดือนก็จะเกษียณแล้ว ซึ่งได้ข่าวว่า คนที่จะมาสมัครกกต. ชุดใหม่ ฮึ่มๆ ถ้ากกต.ชุดนี้ไม่ทำงานเรื่องนี้ให้สุจริต เที่ยงธรรม เขาจองกฐินไว้แล้ว


นั่นหมายความว่า เกษียณออกมาแล้วคิดอยากจะอยู่เย็นเป็นสุข คงทำไม่ได้ เพราะจะมีคดีความอีกมากมายที่จะรุมกินโต๊ะ!
แต่ถ้ากลับตัวเป็นคนดี เอาความจริงมาพูด มาชี้แจงให้ประชาชนได้รับรู้ความจริงทั้งหมด ก็จะมีความสง่างาม

เอกสารทั้งหมดอยู่ในหีบ และอยู่ในกล้องซีซีทีวี อย่าไปเผาทิ้ง หากเกิดอะไรขึ้น และมีใครแจ้งความ คณะกกต. ทั้งหมดรวมถึง เลขาธิการกกต. จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ

เท่านั้นยังไม่พอ งานแฉก็ตามมาถึง กกต.บางคนที่ทำตัวเป็นบริกรให้ “สว.สีน้ำเงิน” เพราะรับเงิน!

“อัครวัฒน์” ว่า ได้ข่าวมาจากประชาชนเขาบอกคนที่อยู่ข้างใน กกต. รับเงินเดือน 2 ทาง ไม่ว่าจะเป็นบัญชีม้า หรือเป็นตำแหน่งที่ปรึกษา ได้เงินที่ปรึกษา สว.โอนเข้าบัญชีนักการเมืองที่อยู่สีน้ำเงิน ส่งกลับไปที่บ่อน และนำกลับมาเป็นเงินให้ กกต.

ฟังดูแล้วก็สะอึก จริงหรือไม่อย่างไร ก็ต้องพิสูจน์ตามข้อเท็จจริงกัน!