ทนายปราบโกง ร้อง กกต.สอบผู้สมัครนายกเล็ก เมืองโคราช อ้างขาดคุณสมบัติไม่มีสิทธิลงสมัครได้ หลังถูกฟ้อง 157 ลุ้นคำสั่งศาลอุทธรณ์สั่งฟ้องหรือไม่ 20 พ.ค. หวั่นทำเลือกตั้งไม่สุจริต ยันไม่มีใบสั่งหรือเจตนากลั่นแกล้ง แต่อยากได้คนดีทำหน้าที่บริหารท้องถิ่น
วันนี้(9เม.ย.)นายกฤษฎา อินทามระ หรือทนายปราบโกง ยื่นหนังสือต่อ กกต.ขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา เนื่องจากจะมีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาล ในวันที่ 11 พ.ค.68 และขณะนี้เสร็จสิ้นการรับสมัคร ผู้สมัครได้รับหมายเลขไปแล้ว จึงมาแจ้งให้ กกต.ได้รับทราบและตรวจสอบเพื่อไม่ให้ผู้ที่มีประวัติเสื่อมเสีย หรือขาดคุณสมบัติเข้าไปมีอำนาจบริหารองค์กร
นายกฤษฎา กล่าวว่าปัญหาทุจริตคอรัปชั่นในประทศไทยขณะมีเกิดขึ้นแบบตะพึดตะพือ ซึ่งหน่วยงานปราบปรามทุจริต อย่างเช่น ป.ป.ช.ยังปราบไม่ไหว โดยเฉพาะจากการทำการสำรวจแล้ว พบว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีการทุจริต อันดับ 1 คือ อบต. 2.เทศบาล 3.อบจ. ซึ่งตนเห็นว่าวันที่ 11 พ.ค.68 จะมีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลทั่วประเทศ ดังนั้น ภาคประชาชนควรเข้ามามีส่วนร่วมตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครเพื่อไม่ให้ผู้ที่มีประวัติเสื่อมเสียเข้าไปมีอำนาจบริหารองค์กร ซึ่งในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลทั่วประเทศครั้งนี้ตนได้ตรวจสอบรายชื่อผู้สมัครนายกเทศมนตรี ตำบลหนึ่งใน จ.นครราชสีมา ซึ่งได้รับหมายเลขผู้สมัครไปแล้ว ทำให้พบว่ามีผู้สมัครรายหนึ่ง ถูกฟ้องคดีต่อศาลในความผิดมาตรา 157 เกี่ยวกับการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อันเป็นการกลั่นแกล้งผู้ประกอบการที่ไปดำเนินการอนุมัติอนุญาตในระหว่างการเป็นนายกเทศมนตรี เมื่อปี 2566 แม้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ได้ยกคำร้อง แต่มีการยื่นอุทธรณ์ โดยในวันที่ 20 พ.ค.68 ศาลอุทธรณ์ แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ได้นัดฟังคำสั่งศาลในคดีอาญาที่ผู้สมัครรายนี้ตกเป็นจำเลย อาจทำให้ขาดคุณสมบัติในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ดังนั้นหากปล่อยให้มีการลงคะแนนเลือกตั้ง และผู้สมัครรายนี้ได้รับการเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีแล้ว เมื่อถูกศาลมีคำสั่งว่าคดีมีมูลให้ประทับฟ้อง จะส่งผลให้ผู้สมัครรายนี้มีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ก็อาจจะทำให้การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเทศบาลแห่งนี้มิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สมัครรายนี้ได้รับหมายนัดของศาลแล้วย่อมรู้อยู่แล้วว่าตนอาจจะขาดคุณสมบัติหรืออาจมีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้ง
นายกฤษฎา กล่าวอีกว่าวันนี้จึงต้องมายื่นหนังสือให้กกต.เพื่อรับทราบ และตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครรายนี้ให้เป็นไปตามหลักกฎหมาย พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 โดยเคร่งครัด ซึ่งกกต.ต้องรีบตรวจสอบให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน แต่ถ้ากกต.เห็นว่าไม่ขาดคุณสมบัติ ตนก็ไม่ขัดขวาง เพียงแต่ต้องการตรวจสอบให้เกิดความมั่นใจ เพราะหากศาลมีคำวินิจฉัยออกมาในทางลบ จะทำให้การเลือกตั้งเกิดความวุ่นวาย ยืนยันว่าการมายื่นเรื่องในครั้งนี้ไม่ได้เป็นการทำลายล้างหรือกลั่นแกล้ง หรือรับใบสั่งจากฝ่ายตรงข้ามมากลั่นแกล้ง
“หากเข้าหลักเกณฑ์ของกฎหมายหรือป้องกันไม่ให้การเลือกตั้งขาดความสุจริต เที่ยงธรรมได้ ผมก็มาใช้สิทธิตามมาตรา 56 ของ พ.ร.บ.การเลือกตั้งท้องถิ่น ไม่ได้มีความแค้นเคืองหรือทำไปเพื่อผลประโยชน์ใดๆเลย ทำเพื่อให้ได้คนดีๆเข้าไปบริหารองค์กร ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต”