นายกฯ พูดย้ำมีเกมการเมืองจากหลายที่ บิดเบือนเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ พ้อเสียดายถูกสกัดโอกาสดึงรายได้เข้าประเทศ ยันมีสถานบันเทิงอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีกาสิโนเพื่อให้หมุุนเงินทันเวลา แต่ไม่ได้แปลว่าเปิดกาสิโนทั้งประเทศเมินทำประชามติ แจงหลุดปาก “หัวจะปวด” เมื่อวาน อาจเพราะงานยุ่งหลายเรื่องแต่ไม่ได้ท้อ
เมื่อเวลา12.50 น.วันที่ 9 เม.ย.ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่พรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคไม่เห็นด้วยกับร่างพระราชบัญญัติประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (เอนเตอร์
เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ )ว่า เป็นเรื่องของแต่ละพรรคที่มีเรื่องของศาสนาด้วย อย่างที่บอกตั้งแต่แรกว่าต้องทำความเข้าใจว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เป็นการรับรองกาสิโน และจะมีกาสิโนอยู่ในเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่เดียว ไม่ได้แปลว่าต่อไปนี้ในประเทศไทยกาสิโนจะถูกกฎหมายทุกพื้นที่ ไม่ใช่อย่างนั้น แต่กลายเป็นถูกบิดเบือนเรื่องนี้เยอะว่าประเทศเราจะกลายเป็นประเทศกาสิโน ทั้งที่ไม่ใช่อย่างนั้น
แต่เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ที่จะพูดถึงเรื่องของการจ้างงาน แต่พอไปเน้นว่าเป็นกาสิโน คนจะสับสนว่าจะเป็นอย่างไร และเสียดายโอกาสของประเทศที่จะได้ไปต่อ เสียดายที่จะได้สร้างการท่องเที่ยวโดยมนุษย์ที่จะเกิดขึ้นได้อย่างยิ่งใหญ่ และหากสิ่งเหล่านี้ไม่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก เพราะจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ย้ำว่าไม่ใช่แค่เรื่องกาสิโน และจะเห็นว่าหลายประเทศมุ่งเน้นไปที่การสร้างแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้นกันหมด เพราะสิ่งที่มีอยู่เดิมนั้นไม่พอ และที่เห็นว่าเศรษฐกิจเป็นเพียงเพราะเม็ดเงินเข้ามาไม่ทัน เราต้องทำทุกวิถีทาง ส่วนเกมการเมืองก็เป็นอีก แต่ต้องโฟกัสเรื่องการทำงานและเรื่องของเศรษฐกิจด้วย ทั้งนี้ก็ต้องทำความเข้าใจในเรื่องนี้ให้ได้มากที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ระยะเวลา 2 เดือน ในระหว่างปิดสมัยประชุมสภา จะเพียงพอต่อการทำความเข้าใจหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า คิดว่าน่าจะพอ และจะพยายามพูดกับทุกฝ่ายให้เข้าใจตรงกัน
เมื่อถามว่า ร่างดังกล่าวจากพิจารณาได้ผ่านในรัฐบาลนี้หรือไม่ เพราะนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่าหากไม่ทันไม่เป็นไร ถ้าเข้าสมัยหน้า มั่นใจว่าพรรคเพื่อไทย ยังเป็นแกนนำรัฐบาล นายกฯ กล่าวว่า ต้องดูในกระบวนการ เพราะยังอยู่ในกระบวนการ และที่จริงไม่อยากให้มองเป็นกาสิโน พอไปเน้นเรื่องกาสิโนจะกลายเป็นอย่างอื่น ขอถามคนเล่นว่าเล่นที่ไหนกัน แล้วถูกกฎหมายหรือไม่ แต่ตรงนี้ที่เราจะทำต้องมีการลงทะเบียน มีเรื่องเงินที่จะเข้าไปเล่นและการเสียภาษี ที่จะนำมาใช้ประโยชน์ เช่น สร้างสเตเดี้ยมขนาดใหญ่ เพราะนับตั้งแต่ที่ตนเข้ามาเป็นนายกฯ 7 เดือน เราพลาดงานขนาดใหญ่ไปมาก เพราะไม่มีสเตเดี้ยมที่ใหญ่มากพอรองรับคอนเสิร์ตที่ทุกคนเป็นแฟนคลับก็ไม่มาจัด เพราะที่นั่งไม่เพียงพอ ขณะที่การสร้างสเตเดี้ยม ที่มีมูลค่าพันล้านหมื่นล้านบาท หากขายตั๋วเพียงอย่างเดียวโดยไม่มีกาสิโน เมื่อไหร่จะเพียงพอกับค่าก่อสร้าง ดังนั้นกาสิโนจะเข้ามาช่วยหมุนเงินและเศรษฐกิจตรงนี้ และจะเป็นภาพใหญ่ต่อเนื่องของเศรษฐกิจ
เมื่อถามว่าเกมการเมืองที่นายกฯ ระบุถึงมาจากฝ่ายใด น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า มาจากทุกที่ การเมืองก็คือการเมือง
เมื่อถามย้ำว่านายกฯ จะฝ่ากระแสการเมืองตรงนี้ไปได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า หวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะคิดถึงประโยชน์ของประเทศชาติก่อนเรื่องเกมการเมือง
ผู้สื่อข่าวถามว่านายกฯ จะกำชับหัวหน้าพรรคร่วมไปถึง สส. ในพรรคที่ไม่เห็นด้วยอย่างไร เช่น นายชาดา ไทยเศรษฐ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ที่มีท่าทีไม่เห็นด้วย นายกฯ กล่าวว่า จะชี้แจงว่าความตั้งใจที่แท้จริงในเรื่องนี้คืออะไร และพร้อมที่จะพูดถึงภาพรวมให้เห็นเพราะ เรื่องนี้อยู่ในการแถลงนโยบายตั้งแต่แรกอยู่แล้ว หากมีข้อติดขัดในเรื่องของศาสนาก็ต้องอธิบายอย่างจริงจังว่าเป็นอย่างไร และถ้าเราไปย้ำเฉพาะแค่ 10% ที่พื้นที่ก่อสร้างกาสิโน จะเป็นโอกาสที่จะทำให้ประเทศมีเงินเข้ามาเยอะ
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะชะลอเรื่องกาสิโนไว้ก่อน เพื่อทำความเข้าใจให้สะเด็ดน้ำ แต่เดินหน้าเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ส่วนอื่นไปก่อน จะเป็นไปได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ให้รอดูกระบวนการไปก่อน แต่ที่จริงก็จะไม่มีเงินหมุนกลับมา สมมุติว่าเราลงงบประมาณไปสร้างโรงแรม จะมีงบประมาณกลับมาจ่ายทันหรือไม่ เพราะกว่าจะคืนทุนอาจใช้ระยะเวลา 5-7 ปี นี่เป็นแค่โรงแรมอย่างเดียว แต่ถ้าทั้งเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ไม่สามารถมีเงินคืนกลับมาทันแน่นอน
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาการสื่อสารของรัฐบาลยังไม่เพียงพอหรือไม่ เพราะยังมีกลุ่มต้านอยู่ในวงกว้าง นายกฯ กล่าวว่าอาจจะเป็นไปได้ จึงทำให้ถูกบิดเบือน และต้องชี้แจงให้เข้มข้นกว่านี้แน่นอน และได้คิดไว้แล้ว เมื่อถามย้ำว่านอกจากทำความเข้าใจในมุมมองของนายกฯ คิดว่าจำเป็นต้องทำประชามติด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ต้อง แต่จะต้องปรึกษากับทางพรรคร่วมด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่าสังคมกำลังจับตามองการทำงานของนายกฯ ที่มีการปรารภว่า “หัวจะปวด” หลังแถลงการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา จริงหรือไม่ โดย น.ส.แพทองธาร ได้หยุดนึก และย้อนถามผู้สื่อข่าวว่าพูดตอนไหน โดยผู้สื่อข่าว ตอบว่าเป็นการพูดคุยระหว่างนายกฯ กับนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ก่อนที่นายกฯ จะร้องอ่อ และกล่าวว่า พูดจริงหรือจำไม่ได้ จำไม่ได้จริงๆ แต่ก็คงจะพูดเวลาที่งานยุ่งๆ แต่ที่พูดไม่ได้รู้สึกท้อ แต่รู้สึกขำๆ เพราะมีเรื่องมากมายหลายสิ่ง