เมืองไทย 360 องศา
อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ในวันที่ 9 เมษายน สภาผู้แทนราษฎร จะมีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่เปิดทางให้มีการเปิดบ่อนการพนัน โดยรัฐบาลเสนอเป็นเรื่องด่วน นั่นคือให้เลื่อนลัดคิวขึ้นมาพิจารณาเป็นอันดับแรก และเป็นการพิจารณารับหลักการในวาระแรก คาดว่าตามขั้นตอนหลังจากนั้น เมื่อผ่านการโหวตวาระแรกไปแล้วจะมีการตั้งคณะกรรมาธิการ เพื่อพิจารณาอย่างต่อเนื่องในช่วงสภาปิดสมัยประชุมสมัยสามัญ วันที่ 10 เมษายน
ทำให้เมื่อมีการเปิดสมัยประชุมหน้าในราวเดือนกรกฎาคม สภาผู้แทนราษฎร สามารถนำขึ้นมาพิจารณาลงมติในวาระที่ 2-3 แล้วเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาต่อไป
แม้ว่าตามเส้นทางข้างหน้าอีกยาวไกล กว่ากฎหมายฉบับนี้ออกมาบังคับใช้ ต้องใช้เวลานานนับปี รวมไปถึงกว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการอนุญาต การเลือกตั้งพื้นที่ตั้ง “บ่อนกาสิโน” ยังต้องใช้เวลาอีกไม่น้อยกว่า 4-5 ปี อาจไม่ทันในรัฐบาลชุดนี้ ก็ตาม แต่ก็ถูกตั้งข้อสังเกตเหมือนกับว่าการ “เร่งรีบ” แบบนี้ ไม่ต่างจากการ “วางบิล” กับกลุ่มทุนบางอย่างเอาไว้ล่วงหน้าหรือไม่
ลักษณะเป็นการเร่งรีบเกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย กำลังเจอกับปัญหาหลายอย่างที่กำลังประดังเข้ามา ทั้งภายในและภายนอก ภายในที่มีทั้งเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ ที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยไม่เข้าเป้าหรือไม่ได้ผล เช่น นโยบาย “แจกเงินหมื่น” เป็นต้น รวมไปถึงเรื่องภัยธรรมชาติ ที่ล่าสุดเพิ่งเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว เสี่ยงผลกระทบในด้านอสังหาริมทรัพย์ และการท่องเที่ยว
ส่วนด้านต่างประเทศที่เพิ่งเกิดการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสหรัฐของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่จัดเก็บกับทุกประเทศ และประเทศไทยก็โดนภาษีนำเข้าในอัตราร้อยละ 36-37 ไม่รวมที่ถูกจัดเก็บไปก่อนหน้านี้ร้อยละ 10 เหมือนกับประเทศอื่นๆ ทำให้มีการคาดการณ์กันว่า ไทยอาจได้รับผลกระทบทำให้จีดีพีปีนี้ลดลงอีก ร้อยละ 1 ทำให้เป็นไปได้ว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้อาจโตไม่ถึงร้อยละ 2 ก็เป็นไปได้มาก หลังจากปีที่แล้วเราโตแค่ร้อยละ 2.5 เท่านั้น
ดังนั้นในท่ามกลางมรสุมยังกลายเป็นว่า ความเชื่อมั่นที่มีต่อรัฐบาล ต่อ นายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ยังถดถอยลงเรื่อยๆ เมื่อมองไปข้างหน้ายังต้องลุ้นกันว่าจะไปรอดได้อีกเท่าไหร่กันแน่
จะด้วยสาเหตุแบบนี้หรือเปล่า ทำให้ต้องเร่งผลักดัน “เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ที่มีเจตนาแฝงด้วยการ “เปิดบ่อน” และจะตามมาด้วยการไฟเขียวให้มี “พนันออนไลน์” จนทำให้หลายคนมองเห็นเรื่อง “พิรุธ” ในเรื่องการ “ออกใบอนุญาต” ให้กับกลุ่มทุนกาสินโน ทั้งในและต่างประเทศ เหมือนกับการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการ “วางบิล” ไว้ล่วงหน้าดังกล่าว
สำหรับเรื่อง “เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์” นั้นหากจำกันได้มีการตอกย้ำมาจาก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เจ้าของพรรคเพื่อไทย ที่เปิดเผยอย่างจริงจังเมื่อครั้งที่เขาแสดงวิสัยทัศน์ เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ปี 67 โดยคราวนั้นเขาระบุว่า
“นโยบายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ผมเคยคิดไว้แต่โดนค้าน แต่วันนี้ผมไม่ได้คิดมีคนเชียร์มาก พื้นที่ที่เป็นกาสิโนมีไม่ถึง10% แต่มีในส่วนอื่นๆ น้อยมาก เช่น สวนสนุก และโรงแรม แต่ละแห่งต้องลงทุนเป็นแสนล้านบาท โดยถ้าเป็นการลงทุนใน กทม.จะต้องใช้เงินเท่านี้ และในต่างจังหวัดแห่งละ 5 หมื่นล้านบาท”
เราจะจะถือโอกาสเติมสิ่งที่เราขาด เราต้องทำในสิ่งที่เตรียมพร้อม สิ่งไหนที่เราขาดเราจะให้คนที่มาลงทุนเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เป็นคนลงทุนให้
“การยกระดับเศรษฐกิจใต้ดิน คนไทยขาดทุนให้พนันออนไลน์ มียอดฝาก 3 ล้านล้านต่อปี และคนไทยขาดทุนประมาณ 1.7 แสนล้านต่อปี ถ้าตรงนี้เรามาทำให้ถูกต้องเราเก็บภาษีประมาณ 30% ได้ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท รวมทั้งนำภาษีที่ได้มากำหนดการใช้ (Ear Mark Tax) เอาเงินส่วนนี้ส่งเด็กนักเรียนของเราไปต่างประเทศ หรือจ้างครูเก่งๆ มาสอนนักเรียนในประเทศก็ทำได้
“ประเทศไทยวันนี้เหมือนเม็กซิโก และโคลัมเบียในสมัยก่อนที่เศรษฐกิจใต้ดินเราสูงมากถ้าเศรษฐกิจเราขึ้นมาบนดินได้อีก 50% ก็ทำให้จีดีพีเราโตได้อีก 50% เพราะที่ผ่านมาเศรษฐกิจในระบบเรามีไม่ถึง 1 ใน 3 ของเศรษฐกิจนอกระบบ”
ดังนั้น จะเห็นได้ว่าเมื่อพิจารณาจาก “แบ็กกราวด์” ทั้งหมดแล้วนโยบายดังกล่าวล้วนมาจากการผลักดันแบบ “สุดตัว” หรือว่า “ทุ่มเดิมพัน” กันหมดหน้าตักกันเลยทีเดียว
ขณะเดียวกันเมื่อกำลังเข้าสู่การพิจารณาร่างกฎหมายในสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 9 เมษายน นี้ ก็มีรายงานว่า เขาได้มีความเคลื่อนไหวกดดันอย่างเต็มที่ โดยเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาได้กำชับไปยังแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ให้กำชับ สส.ยกมือเห็นด้วยกับ ร่าง พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่จะมีการพิจารณาวาระแรก ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 9 เมษายนนี้ ซึ่งหากพบว่าพรรคไหนไม่ยกมือเห็นด้วย จะให้ออกจากการร่วมรัฐบาลทันที
ทั้งนี้ เป็นที่จับตาว่า หลังจากนายทักษิณ มีคำสั่งตรงไปที่แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว พรรคภูมิใจไทย และพรรครวมใจสร้างชาติ จะยกมือเห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.ฯ ดังกล่าวอย่างพร้อมเพรียงหรือไม่ รวมทั้งพรรคประชาชาติ ที่มีเพียง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และหัวหน้าพรรค คนเดียวที่เป็นชาวพุทธ แต่อีก 8 คน เป็นชาวมุสลิม จะลงมติอย่างไร เพราะการพนันขัดต่อหลักศาสนาอิสลาม โดยเมื่อวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ทวี ก็ไม่ได้เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ฯ และไม่นำเรื่องกฎหมายดังกล่าวมาพูดคุยกับ สส.อีกทั้ง 8 คนแต่อย่างใด
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา นายซูการ์โน มะทา สส.ยะลา พรรคประชาชาติ ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ได้แสดงจุดยืนต่อ ครม.และประธานวิปรัฐบาลแล้ว ว่าไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากปฏิกิริยาจากสังคมเวลานี้แรงต่อต้านเริ่มขยายวงกว้างออกไปอย่างรวดเร็ว และแทบทุกหน่วยงานต่างออกมาเคลื่อนไหวคัดค้าน คาดว่าในวันที่ 9 เมษายนจะต้องเกิดการเคลื่อนไหว และการชุมนุมมากขึ้น จนเป็นจับตาว่ารัฐบาล และพรรคร่วมรัฐบาลจะ “ฝืนความรู้สึก” ของสังคมหรือไม่ รวมไปถึงผลจะซ้ำรอย “นิรโทษกรรมสุดซอย” ในอดีตอีกหรือไม่
และที่ต้องจับตาอีกก็คือ คราวนี้ นายทักษิณ ชินวัตร ออกมาผลักดันแบบทุ่มสุดตัว แต่ในสถานการณ์ที่ “อ่อนไหว” แบบนี้ มันจะไปรอดหรือไม่ !!