เมืองไทย 360 องศา
เริ่มขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ สำหรับเสียงคัดค้านการผลักดันร่างกฎหมายการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์” ที่เปิดทางให้มีการ “ตั้งบ่อนการพนัน” รวมไปถึง “พนันออนไลน์” ถูกกฎหมายขึ้นมา เพราะนอกเหนือจากการชุมนุมของประชาชนและกลุ่มการเมืองกลุ่มหนึ่งที่เริ่มมีคนเข้าร่วมมากขึ้นแล้ว ยังมีการเคลื่อนไหวคัดค้านขององค์การต่างในสังคมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ล่าสุดมี กลุ่มที่เรียกว่า ชมรมสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 2550 ออกจดหมายเปิดผนึก คัดค้านร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ถึง ประธานรัฐสภาและสมาชิกรัฐสภา พร้อมกับอ้างถึงเหตุผลว่าประเทศไทยไม่สมควรมีบ่อนการพนันถูกกฎหมายขึ้นมา อีกทั้งยังถือว่าเป็นการขัดกับเจตนารมรณ์ของกฎหมายอีกด้วย
ก่อนหน้านี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า รัฐบาลพยายามดูเงื่อนไขต่างๆ หากพรรคฝ่ายค้านมีความเห็นก็ควรจะสู้กันในสภา ในการเสนอความเห็นที่แตกต่างกัน เพื่อให้สภาพิจารณา เพราะเมื่อเรายอมรับในระบอบประชาธิปไตย และยอมรับว่ากระบวนการรัฐสภา คือจุดสำคัญในการแก้ไขปัญหา ก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของรัฐสภา ไม่ใช่ว่าความเห็นในสภาฯ “ไม่ตรงกับฉัน ฉันไม่เอา ฉันก็ไปเดินนอกสภาฯอย่างเดียว”
“แต่กระบวนการที่มาจากนอกสภาฯ ตนเองไม่ว่า และไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งถือเป็นสิทธิของประชาชน ตามระบอบประชาธิปไตย เพียงแต่อย่ามองแค่ว่า การมายืนอยู่หน้าสภาฯ แล้วเหมารวมว่า นี่คือเสียงของประชาชน เพราะเสียงของประชาชนที่แท้จริงคือ ทั่วประเทศ เพราะฉะนั้นอยากให้มีกระบวนการที่ชัดเจนว่าประชาชนส่วนใหญ่เห็นอย่างไร เพราะเท่าที่ไปดูประชาชนในต่างจังหวัด ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้คิดอย่างที่ฝ่ายค้านคิด ดังนั้นเสียงของประชาชนดีที่สุด”
เขาย้ำว่า การเดินหน้าร่างกฎหมายดังกล่าว ถือเป็นการหามาตรการปกป้องให้ดี ไม่ใช่มาคัดค้านหัวชนฝา เพราะจริงๆ แล้ว ไม่ใช่การยุยงให้คนเข้ามาใช้ หรือติดการพนัน เพราะไม่ใช่ใครก็เข้ากาสิโนได้ เด็กที่มีอายุต่ำกว่าเกณฑ์ ก็ไม่สามารถเข้าได้ หรือรายได้น้อยกว่าเกณฑ์ก็เข้าไม่ได้ ซึ่งทุกอย่างไม่ได้มีขาวไม่ได้มีดำเพียงอย่างเดียว ต้องใช้มาตรการแก้ไขปัญหาดีกว่า มาคัดค้านโดยที่ไม่รู้อะไร และโลกวันนี้สิ่งสำคัญ สหรัฐอเมริกามีมาตรการด้านภาษี ถือเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เพราะจากกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงกับประเทศต่างๆ ไม่ว่า จะใหญ่ หรือเล็ก อย่างประเทศสิงคโปร์ ที่นายกรัฐมนตรีได้ออกมาแจ้งเตือนประชาชน เตรียมตัวรับมือกับผลกระทบ ซึ่งขนาดสิงคโปร์โดนเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพียง 10% แต่ประเทศไทยโดนถึง 36% ซึ่งสิ่งนี้ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่ง ที่จะทำให้เพิ่มรายได้ สร้างเม็ดเงินให้มากขึ้นในระบบ
สำหรับ ชมรมสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 2550 ซึ่งเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง และผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนมาก ออกจดหมายเปิดผนึก เรื่อง คัดค้านร่างพระราชบัญญัติการประกอบการธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ... ถึง ประธานรัฐสภาและสมาชิกรัฐสภา ระบุว่า ตามที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำรัฐบาล ได้ผลักดันร่างพระราชบัญญัติการประกอบการธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... ที่ประชาชนเรียกกันโดยทั่วไปว่า ร่างกฎหมายบ่อนกาสิโน และ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ได้รับร่างกฎหมายดังกล่าวบรรจุเข้าในระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรอย่างเร่งด่วน เพื่อให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาตามระเบียบวาระ นั้น
ชมรมสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 2550 ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ร่าง พระราชบัญญัติดังกล่าวนี้ ไม่สมควรบรรจุเข้าเป็นวาระเพื่อการพิจารณา ด้วยเหตุผลดังนี้
1. ร่างกฎหมายนี้ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะเร่งรีบพิจารณา เพราะไม่ปรากฏในนโยบายการหาเสียงของพรรคเพื่อไทย และนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลที่หาเสียงไว้กับประชาชนในการเลือกตั้งทั่วไป แต่เป็นเรื่องที่นายทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้แสดงวิสัยทัศน์ไว้ที่ และรัฐบาลไปรับมาบรรจุในนโยบายของรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร
2. การกระทำทั้งหมดที่เกี่ยวกับร่างกฎหมายนี้เป็นการกระทำที่มาจากนโยบายที่ขัด หรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 65 พระราชบัญญัติการจัดทำยุทธศาสตร์ของชาติ พ.ศ. 2560 และ ประกาศพระบรมราชโองการ เรื่อง ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580)
3. ร่างกฎหมายนี้ ส่งผลกระทบต่อความคงอยู่และการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินของรัฐอย่างมากมาย เพราะมีการนำที่ดินของรัฐที่หน่วยงานของรัฐครอบครองใช้ประโยชน์ไปให้เอกชนจัดทำสถานบันเทิงครบวงจร โดยไม่ปรากฏการตอบแทนที่คุ้มค่า
4. การเสนอร่างกฎหมายนี้ ไม่สามารถแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจของชาติและปัญหาปากท้องของประชาชนได้ แต่กลับเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มทุนมาเฟียการพนันต่างชาติ เพียงบางกลุ่ม
5. ร่างกฎหมายนี้เป็นการส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงอบายมุขที่จะเกิดขึ้นในสถานบันเทิงครบวงจรและการพนันออนไลน์ที่จะมีการพยายามทำให้ถูกกฎหมายแอบแฝงอยู่กับบ่อนกาสิโนให้มีการเล่นที่แพร่หลายจนไม่อาจควบคุมได้
6. ร่างกฎหมายนี้ไม่มีมาตรการใดๆ0ในการคุ้มครองป้องกันมิให้ประชาชนในชาติมีภูมิคุ้มกันต่ออบายมุขในรูปแบบต่างๆ ของสถานประกอบการธุรกิจบันเทิงครบวงจรได้ อันจะนำพาประเทศไปสู่ความวิบัติได้ทั้งทางตรง และทางอ้อม
ล่าสุด ยังมีพุทธสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และเครือสมาคมพระพุทธศาสนาทั่วราชอาณาจักร ออกแถลงการณ์คัดค้านเช่นเดียวกัน โดยชี้ให้เห็นว่า เป็นการชี้นำประชาชนให้หลงไหลในกิเลส หรือเครื่องเศร้าหมอง คือ อบายมุข
การที่รัฐบาลจะดำเนินการให้มี Entertainment Complex (EC) โดยอ้างว่ามีใน ต่างประเทศและมีประโยชน์นั้น เป็นการรับรู้ข้อมูลด้านแคบ และขาดวิสัยทัศน์ เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่ไม่ต้องพึ่งเศรษฐกิจจาก EC เลย แต่ประเทศไทยมีแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ หรือ สุวรรณภูมิมีทรัพยากรธรรมชาติ ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่เป็นเอกลักษณ์ของโลก การชี้นำเศรษฐกิจนี้จะเป็นการให้วิสัยทัศน์ที่เบี่ยงเบนต่อลูกหลาน และเห็นว่ากิจการ EC ซึ่งขัดต่อศีล-ธรรม และมีผลเสียต่อคุณธรรม คือ หนทางแห่งความเสื่อม คือ อบายมุข ไม่ควรจะเกิดในแผ่นดินไทยที่มีพระพุทธธรรม ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกว่าเป็นศาสนาที่สอนความจริง ความมีเหตุมีผลตามอริยสัจ 4 ประการ และนำสังคมสู่ความเจริญ
อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะมีเสียงคัดค้าน ต่อต้านแค่ไหนก็ตาม เวลานี้ทางฝ่ายรัฐบาล โดยน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และบรรดาพรรคร่วมรัฐบาล ยังยืนยันสนับสนุนร่างกฎหมายนี้ ที่บรรจุวาระจ่อการพิจารณาในที่ประชุมสภาผู้แทน วันที่ 9 เมษายน นี้อย่างแน่นอน
แม้ว่าที่ผ่านมา พวกเขายืนยันว่าไม่ใช่นำเข้าสภาแบบเร่งด่วน และต้องการใช้กระบวนการในสภา จนกระทั่งผ่านมาบังคับใช้ต้องใช้เวลานานนับปี และหากนับไปจนถึงการก่อสร้าง “บ่อนกาสิโน” ในลำดับถัดไปนั้น มีเสียงพูดตรงกันว่า ต้องใช้เวลาอีกไม่น้อยกว่า 4-5 ปี ไม่ทันรัฐบาลชุดนี้ ทำให้เกิดคำถามว่าเมื่อ “ตั้งบ่อนไม่ทัน” รัฐบาลชุดนี้ แล้วเร่งออกกฎหมายทำไม มิหนำซ้ำ ยังมีความเสี่ยงต่อผลกระทบทางการเมืองตามมาอีกด้วย เพราะมีเสียงต่อต้านมากขึ้น เหมือนกับว่า “ได้ไม่คุ้มเสีย”
แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง เหตุผลที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยพยายามลุยผลักดันกฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ให้ทันสมัยประชุมนี้ ในวันสุดท้าย แล้วมาผ่านวาระสองสามในช่วงเปิดสมัยประชุมต่อได้ทันที เหมือนกับว่าเป็นการ “วางบิล” ให้กับ “กลุ่มทุน” ที่มีการพูดคุยตกลงเอาไว้ล่วงหน้า ตามที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตเอาไว้หรือเปล่า เพราะหากพิจารณาตามกระบวนการเวลาแล้วหากมีการ “เปิดบ่อน” เกิดขึ้นจริง ต้องใช้เวลานานถึง 3-5 ปี ไม่ทันรัฐบาลนี้แน่ ทำให้เห็นว่านี่คือ “พิรุธ” ปิดกันไม่มิดนั่นเอง !!