วันนี้( 3 เม.ย.)ที่ประชุมได้เข้าสู่การพิจารณาญัตติด่วนด้วยวาจา จำนวน 11 ฉบับ ซึ่งเสนอให้สภาฯ พิจารณาประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์แผ่นดินไหว และอาคาร สตง.ถล่ม เมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา ในส่วนของพรรคกล้าธรรม(กธ.)นายสะถิระ เผือกประพันธุ์ สส.ชลบุรี เขต 10 ได้เสนอญัตติในเรื่องมาตรการการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวที่ผ่านมาและแนวทางในการเตือนภัย รวมถึงแนวทางนโยบายในการกอบกู้เศรษฐกิจและสังคมไทยให้ประชาชนในอนาคต จากเหตุการณ์ครั้งนี้เพื่อส่งให้รัฐบาลพิจารณา
นายสะถิระ กล่าวว่า ก่อนอื่นพรรคกล้าธรรมขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ประสบภัยและครอบครัวของผู้สูญเสียทุกท่านรวมถึงประชาชนที่ได้รับผลกระทบทุกๆคนด้วย ในเรื่องของการเยียวยาผู้ประสบภัย ทางพรรคกล้าธรรมไม่ได้นิ่งนอนใจ อย่างเช่น ด้านสาธารณสุข เพราะตอนเกิดเหตุตนอยู่ที่ รพ.พระรามเก้า ทำให้ได้เห็นการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ พยาบาล แพทย์ ที่กำลังปฎิบัติหน้าที่อยู่ หากเกิดผลกระทบมากขึ้นกว่าเดิมทางรัฐบาลจะเยียวยาอย่างไร ปัญหาอีกเรื่องหนึ่งที่ตนพบเจอคือ จุดรวมพลบริเวณโรงพยาบาลไม่มีจุดที่ชัดเจน ทุกคนต่างมาแออัดอยู่ด้านล่าง รวมถึงผู้ป่วยด้วย ทั้งที่เป็นเรื่องที่สำคัญมาก โดยเฉพาะพื้นที่เมืองใหญ่ ๆ อย่าง กทม.
นายสะถิระ กล่าวต่อด้วยว่า อาคารสูงและไม่ว่าจะคอนโด อาคารพาณิชย์ ทั้งเจ้าของและผู้เช่า ต่างได้รับผลกระทบ ด้านเจ้าของยังสามารถเคลมประกันได้ แต่สำหรับบรรดาผู้เช่า ท่านจะเยียวยาอย่างไร เพราะว่าเขาจะต้องเปลี่ยนไปเช่าที่ใหม่ ก็ต้องเสียเงินประกันอีก ผู้เช่าก็คือผู้มาจากต่างถิ่น มาทำงานในกรุงเทพมหานคร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพนักงานเงินเดือนมีอาชีพรับจ้าง เราจะเยียวยาผู้ประสบภัยเหล่านี้อย่างไร ที่พักอาศัยเป็นบ้านก็เช่นกัน นี่คือสิ่งที่ทั้งเจ้าของและผู้เช่ากำลังรอคำตอบว่า รัฐบาลจะเยียวยาอย่างไร เรื่องนี้ตนมีความเป็นห่วง และขอฝากให้รัฐบาลพิจารณาด้วย
”สิ่งที่เราต้องทำต่อจากนี้คือ แนวทางในการกอบกู้เศรษฐกิจและสังคมไทยในอนาคต มีการคาดการณ์ว่าประเทศไทยเราได้รับผลกระทบประมาณ 30,000 ล้านบาท มีนักวิชาการระบุว่า การท่องเที่ยวนั้นจะใช้เวลากอบกู้ระยะสั้น ๆ แต่ผมไม่เชื่ออย่างนั้น ผมอยู่ในจังหวัดภาคตะวันออก ซึ่งมีรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นอันดับ 2 ของประเทศ แต่ปีนี้รายได้จะลดน้อยลงอย่างแน่นอน เราจะทำอย่างไรในการเพิ่มความมั่นใจให้นักท่องเที่ยว เมื่อในอนาคตเขากลับมาเที่ยวและจะไม่เจอเหตุการณ์อาคารถล่มเหมือนอาคาร สตง.อีก สิ่งที่ต้องทำคือ การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด“นายสะถิระ กล่าว
นายสะถิระ กล่าวต่อว่า วิธีการรับมือกับเหตุแผ่นดินไหว เรายังไม่เคยเจอมาก่อน แต่สิ่งที่ญี่ปุ่นทำคือ การฝึกซ้อมแผ่นดินไหวให้เป็นภาคบังคับในวิชาเรียนโดยเฉพาะในโรงเรียน เมื่อเกิดเหตุเขามีแผนการอพยพ มีชุดฉุกเฉินเตรียมไว้ติดตัว ดังนั้น ประเทศเราจะต้องเริ่มแล้ว โดยเฉพาะสถานศึกษา เริ่มต้นสอนวิธีการรับมือภัยพิบัติ ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล ในส่วนของระบบเตือนภัยนั้น ตนก็ไม่มีความรู้มาก แต่เคยเห็นจากข่าวสารที่ประเทศญี่ปุ่นมีการเตือนประชาชนเขาว่า อีกไม่เกิน 10 ปี จะมีเหตุรอยเลื่อนของแผ่นดินและจะมีผู้เสียหายกว่า 300,000 คนและจะกระทบเศรษฐกิจ 3 ล้านล้านเยน ทำไมเขาถึงสามารถเตือนประชาชนล่วงหน้าได้ถึง 10 ปี นี่คือสิ่งที่รัฐบาลจะต้องนำมาปรับใช้กับประเทศเรา
อย่างไรก็ตาม ตนขอให้กำลังใจรัฐบาล และบุคลากรสาธารณสุข กระทรวง กรม ภาคเอกชน รวมถึงพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ขอให้เราผ่านจุดนี้ไปด้วยกัน และขอให้อย่าเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นอีก