“พริษฐ์” ให้จับตาประชุมสภา สส.เพื่อไทย จะชงญัตติ เลื่อนวาระร่าง กม.กาสิโน ให้แซงคิวขึ้นมาก่อน
วันนี้ (3 เม.ย.) นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “จับตาดู วันนี้ 10.30 น.!” ระบุว่า ผมคาดว่า สส.พรรคเพื่อไทย จะมีการลุกขึ้นมากลางสภา เพื่อขอมติให้มีการเลื่อน ร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร (อันมีกาสิโนเป็นหัวใจหลัก) ขึ้นมา “แซงคิว” กฎหมายอื่น เพื่อให้สภาพิจารณากันในวันที่ 9 เม.ย. ซึ่งจะเป็นการประชุมสภาเพื่อพิจารณากฎหมายครั้งสุดท้ายก่อนปิดสมัยประชุม ทั้งๆ ที่
1. การ “แซงคิว” ดังกล่าว จะเทียบเท่ากับการอนุญาตให้กฎหมายกาสิโน “แซงคิว” กฎหมายอื่นๆ 5-10 ฉบับ ของ ครม. หรือที่ กมธ.พิจารณาเสร็จแล้ว ซึ่งเข้าคิวอยู่ก่อนหน้าและโดยปกติจะต้องถูกพิจารณาก่อน (ยังไม่นับกฎหมายที่เสนอโดย สส.หลายฉบับที่ค้างกันมาเป็นปี - เช่น กฎหมายเปิดเผยข้อมูลรัฐ กฎหมายทลายทุนผูกขาด กฎหมายยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร)
2. การ “แซงคิว” ดังกล่าว จะเทียบเท่ากับการทำให้สภาต้องพิจารณาร่างกฎหมายกาสิโน “ก่อน” ที่จะมีการทำ “รายงานผลการศึกษาความเป็นไปได้” (feasibility study) ที่ละเอียดและน่าเชื่อถือเพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับการคาดการณ์ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ เกณฑ์ในการคัดเลือกผู้ประกอบกิจการที่โปร่งใส หรือแนวทางในการป้องกันผลกระทบทางสังคม
3. การ “แซงคิว” ดังกล่าว จะเทียบเท่ากับการให้สภาพิจารณาร่างกฎหมายกาสิโน โดยที่ยังไม่มีวี่แววว่ารัฐบาลจะเสนอกฎหมายอื่นมาควบคู่กัน เพื่อแก้ไขปัญหาการพนันผิดกฎหมายหรือป้องกันปัญหาการติดการพนัน (ร่างแก้ไข พ.ร.บ.การพนัน เดียวที่รัฐบาลพูดถึงที่ผ่านมา คือ ร่างที่ให้ดุลพินิจมหาศาลกับกระทรวงมหาดไทยในการออกใบอนุญาตการพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย)
เราคงไม่ต้องเดาว่า สส. พรรคเพื่อไทย ที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการดันนโยบายนี้ จะลงมติอย่างไร
แต่ผมอยากจะถามดังๆ ไปถึง สส. พรรคร่วมรัฐบาล ว่าพวกท่านเห็นด้วยกับสิ่งที่พรรคเพื่อไทยกำลังทำหรือไม่ ในการให้กฎหมายกาสิโน “แซงคิว” กฎหมายอื่นๆ ในเมื่อ :
พรรคร่วมรัฐบาลพรรคหนึ่ง ก็เคยออกมาแถลงเมื่อ ส.ค. ปีที่แล้วว่าไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายกาสิโนใน 4 ประเด็น โดยร่างกฎหมายที่พรรคเพื่อไทยเสนอให้ “แซงคิว” กฎหมายอื่นๆ ในวันนี้ ก็ยังไม่ได้แก้ปัญหาใน 4 ประเด็นที่พรรคท่านเคยกังวล
พรรคร่วมรัฐบาลอีกพรรคหนึ่ง ก็มี สส. (ที่เป็นอดีตหัวหน้าพรรค) ที่เคยออกมาแสดงความกังวลต่อนโยบายนี้ และเคยเรียกร้องเมื่อต้นปีว่าควรให้มีการทำประชามติเพื่อสอบถามความเห็นประชาชนเรื่องนี้
พรรคร่วมรัฐบาลอีกพรรคหนึ่ง ก็เพิ่งออกมาแสดงจุดยืนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่าไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้
รอดูกันครับเช้านี้