เมืองไทย 360 องศา
หากบอกว่าทุกอย่างพร้อมมาก แต่เสียอย่างเดียวก็คือ “บรรยากาศไม่เหมาะสม” เท่านั้นเอง สำหรับ ร่าง พระราชบัญญัติสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ที่รัฐบาลเร่งรีบนำเข้าพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร ในวันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายน นี้ เป็นการร่นเวลาให้เร็วขึ้นจากเดิมที่เคยกำหนดเอาไว้ว่า จะนำเข้าพิจารณาในวันที่ 9 เมษายน 68
อย่างไรก็ดี อย่างที่บอกเอาไว้ก็คือ “บรรยากาศไม่เหมาะ” ทั้งในเรื่องการร่นเวลาให้เร็วขึ้น จากเดิมที่มองว่า “รวบรัด” อยู่แล้ว การร่นเวลาเข้ามาอีก แบบนี้ไม่เรียกว่า “มีพิรุธ” แล้วจะเรียกว่าอย่างไร อีกทั้งเมื่อพิจารณาจากบรรยากาศที่คนไทยเพิ่งเจอกับภัยแผ่นดินไหว ยังไม่หายจากอาการตื่นตระหนกที่ไม่เคยเจอภัยธรรมชาติรุนแรงแบบนี้มาก่อน และที่สำคัญตอนนี้กำลังอยู่ในช่วง “คุ้ยหาซากปรักหักพัง” ค้นหาผู้สูญหายยังไม่ครบ แต่รัฐบาลกลับอาศัย “ช่วงชุลมุน” ดันร่างกฎหมาย “เปิดบ่อนกาสิโน” อย่างรวบรัด เร่งรีบ คิดใช้เสียงพวกมากลากไปมาซ้ำเติมอีก
มีรายงานว่า เว็บไซต์สภาผู้แทนราษฎร ในช่วงเย็นวันที่ 1 เมษายน ได้มีการบรรจุระเบียบวาระการประชุมสภาฯ เป็นพิเศษ วันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายน นี้ ซึ่งปกติจะเป็นการประชุมสภาฯ ที่จะมีการพิจารณากระทู้สดและญัตติต่างๆ รวมถึงรายงานของ กมธ.ชุดต่างๆ ที่พิจารณาเสร็จแล้ว แต่การประชุมวันดังกล่าว มีร่าง พ.ร.บ.เสนอเข้าสภาฯ 5 ฉบับ ที่เสนอโดยคณะรัฐมนตรี และหนึ่งในนั้นคือ ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรฯ หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ เรียบร้อยแล้ว ทำให้การประชุมสภาฯในวันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายน นี้ อาจมีการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเลย ไม่ใช่ วันที่ 9 เมษายน อย่างที่ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล เคยให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนหน้านี้
ขณะเดียวกัน วันพุธที่ 2 เมษายน กลุ่มนักวิชาการ-นักศึกษา ที่นำโดย รศ.ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ไปยื่นหนังสือคัดค้านการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.กาสิโนต่อประธานสภาฯ ที่รัฐสภา
และยังมีรายงานว่า กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ที่ปักชุมนุมต่อต้าน เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ มาอย่างต่อเนื่อง ได้นัดชุมนุมที่หน้ารัฐสภา ตั้งแต่เช้าวันที่ 3 เมษายน เป็นต้นไป
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 2 เมษายน กลุ่มเครือข่ายภาคประชาชน 100 องค์กร นำโดยนายธนากร คมกฤศ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ยื่นหนังสือถึงนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภา รวมถึงผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเรียกร้องให้ สส. ไม่รับหลักการร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ ร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่รัฐบาลส่งมายังสภาฯบรรจุระเบียบวาระ
พวกเขา กล่าวว่าจากที่รัฐบาลพยายามผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวด้วยอาการรีบร้อนเร่งรัดจนผิดสังเกต เล่นทีเผลอในยามที่สังคมกำลังเดือดร้อนจากแผ่นดินไหว และต้องการปลอบขวัญกำลังใจ แต่รัฐบาลกลับไม่ยี่หระ ตัดสินใจทำสิ่งที่ฝืนกระแสคัดค้านของสังคม เหมือนไม่รู้ว่าเรื่องใดสำคัญ และควรทำอะไรก่อน หลัง การกระทำครั้งนี้เป็นการกระทำที่ไม่ซื่อสัตย์ อ้างอย่างหนึ่งกระทำอย่างหนึ่ง เสนอหลักการในกฎหมายข้างๆคูๆ ว่าจะส่งเสริมการท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น แต่กลับบังคับให้มีกาสิโนอย่างปฏิเสธไม่ได้ พยายามสร้างวาทะกรรมลวงให้ประชาชนเบาใจและหลงกล ผลักดันโดยไม่มีความรับผิดชอบเพราะไม่ได้หาเสียงไว้กับประชาชน เป็นการเห็นแก่ได้ คำนึงถึงแต่เรื่องรายได้ทางเศรษฐกิจอย่างอับจนปัญญาที่จะหาวิธีอื่นที่สร้างสรรค์ ไม่คำนึงถึงผลเสียที่จะตามมาในอนาคต
“จึงขอเรียกร้องรัฐสภา และพรรคการเมืองทุกพรรคในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติที่มีบทบาทสำคัญต่อการถ่วงดุลอำนาจการตัดสินใจของรัฐบาล ใช้อำนาจนี้อย่างเหมาะสมด้วยการปฏิเสธรับ ร่าง พ.ร.บ.นี้เข้าสู่การพิจารณา และเรียกร้องให้ฝ่ายค้านดำเนินการทุกวิถีทางที่จะยับยั้งร่างกฎหมายที่ไม่เป็นคุณต่อสังคมและประเทศชาติฉบับนี้ การตัดสินใจเรื่องนี้ไม่ควรตัดสินใจอย่างรีบร้อน และควรทำอย่างรอบคอบ ด้วยการกลัดกระดุมทีละเม็ด เดินทีละก้าวอย่างรัดกุม และตัดสินใจโดยไม่ลุแก่อำนาจและผลประโยชน์ อยากให้พรรคประชาชนเสนอให้มีการทำประชามติ ให้ประชาชนเจ้าขงประเทศเป็นผู้ตัดสินใจ” เลขาฯมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าว
ด้าน รศ.ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า เราขอให้มีการตรวจสอบจริยธรรม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่เคยแถลงหลังการประชุม ครม.ว่าการให้มีกาสิโนเพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย แสดงว่าหนึ่งในเป้าหมายของกฎหมายนี้คือ คนไทย ขณะที่ นายพิชัย ชุณหวชิร รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ว่า เพื่อดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไม่ใช่คนไทย แต่ต่อมา น.ส.แพทองธาร กลับบอกว่าเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว ถือว่าขัดแย้งกับตัวเอง ขณะที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ระบุว่า หลักคิดของร่างกฎหมาย คือเพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย ต้องการให้คนไทยที่เล่นกาสิโน สามารถมาเล่นในเมืองไทยได้ จึงเห็นได้ว่า บุคคลทั้ง 3 ซึ่งมีหน้าที่เผยแพร่ข้อเท็จจริงมีความขัดแย้งกันเอง
“จึงมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า ต้องมีใครคนใดคนหนึ่งบิดเบือนข้อมูลข่าวสารทางราชการ เพื่อให้เกิดการเข้าใจผิด หรือเพื่อประโยชน์ของตนเอง หรือผู้อื่น และหรือปกปิดหรือบิดเบือนข้อเท็จจริงที่จำเป็นต้องบอกแก่ประชาชน จึงถือเป็นการไม่ปฏิบัติตามประมวลจริยธรรมข้าราชการเมือง พ.ศ.2564 ข้อ5 (5) และ 6(5) เข้าข่ายไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่ประจักษ์ หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) (5)” รศ.ดร.ชิดตะวัน กล่าว
แน่นอนว่า เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มแล้ว เชื่อว่า แรงต่อต้านกฎหมาย “กาสิโน” ที่ว่านี้จะต้องเพิ่มดีกรีมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าฝ่ายรัฐบาลจะมีเสียงข้างมาก แต่เมื่อพิจารณากันในเรื่องของการสนับสนุน “การพนัน” เป็นเรื่องการหารายได้จากอบายมุข ถือว่าเป็นเรื่องได้ไม่คุ้มเสีย อีกทั้งการเร่งรีบผลักดันเข้าสภาในแบบที่อาศัย “ช่วงชุลมุน” แบบนี้ ถือว่า “มีพิรุธ”
นอกเหนือจากนี้ การเร่งรีบนำเข้าพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร ก่อนวันที่ 10 เมษายน ก่อนปิดสมัยประชุม เป็นเรื่องที่ไม่ชอบมาพากลแล้ว ในวันดังกล่าวยังเป็นวันที่ “แพทยสภาฯ” มีกำหนดเปิดเผยผลสอบสวนเกี่ยวกับการรักษาอาการ “บนชั้น 14” ของ นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งนาทีนี้ ยังไม่รู้ว่าจะออกหัวออกก้อย เหมือนกับว่าต้อง “เร่งจัดการ” เสียก่อน
ดังนั้น การเร่งรีบผลักดันร่างกฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ หรือ “บ่อนกาสิโน” ให้เร็วขึ้นกว่าเดิม ถือว่ามีพิรุธ และเสี่ยงต่อแรงต้านที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และที่สำคัญก็คือ ดำเนินการในช่วง “เวลาไม่เหมาะสม” ไม่ได้บรรยากาศ เหมือนกับว่าหากช้าไปจะไม่มีโอกาสแล้วอะไรประมาณนั้น แต่รับรองว่างานนี้กลายเป็น “ของร้อน” เต็มมือรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แล้ว !!