xs
xsm
sm
md
lg

“นิติพล” แนะถึงเวลายกเครื่ององค์ความรู้รับมือภัยพิบัติ ภาครัฐ-ประชาชน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วันนี้ (2 เม.ย.) นายนิติพล ผิวเหมาะ สส.แบบบัญชีรายชื่อ สัดส่วนสิ่งแวดล้อม พรรคประชาชน กล่าวว่า กรณีแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อน สะท้อนความจริงให้เห็นว่า การเตรียมความพร้อมและองค์ความรู้เกี่ยวกับการรับมือภัยพิบัติของเรายังน้อยเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเผชิญหน้ากับภัยที่ไม่เคยเจอมาก่อนยิ่งทำตัวไม่ถูก ซึ่งอาจนำไปสู่ความสับสนโกลาหล และทำให้บริหารจัดการสถานการณ์ได้ยากขึ้นไปอีก จึงถึงเวลาที่สังคมไทยจะต้องถอดบทเรียนและยกเครื่องการรับมือภัยพิบัติอย่างจริงจังทั้งในส่วนของภาครัฐและการเตรียมความพร้อมให้พี่น้องประชาชน

“แม้ว่าสังคมไทยจะเคยประสบเหตุภัยพิบัติ ทั้งที่รู้จักดีและไม่รู้จักมาแล้วหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นสึนามิ มหาอุทกภัย หรือโควิด แต่ต้องยอมรับว่า ทุกครั้งที่เกิดภัยพิบัติครั้งใหม่ เรามักเจอกับปัญหาเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นไม่มีการแจ้งเตือน เกิดเหตุแล้วไม่รู้จะปฏิบัติตัวอย่างไร หรือหนีได้แต่ก็ไม่รู้อพยพไปไหน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แตกต่างในการบริหารจัดการแผ่นดินไหวครั้งนี้ คือ การได้เห็นประสิทธิภาพของการกระจายอำนาจ นั่นคือ การให้กรุงเทพมหานครเป็นเจ้าภาพหลักในการบริหารสถานการณ์ ประกอบกับการที่ท่านชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ และทีมงานมีความรู้ความเข้าใจในการบริหารสถานการณ์ภัยพิบัติเป็นอย่างดี จึงทำให้สถานการณ์ในหลายด้านคลี่คลายได้เร็วขึ้น เช่น การรีบตรวจสอบและสื่อสารข้อเท็จจริงเมื่อประชาชนเกิดความตื่นตระหนกในกรณีที่มีข่าวว่าตึกศูนย์ราชการยุบตัว ซึ่งต่อมาพบว่าเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อนแล้วสื่อสารอย่างชัดเจน เป็นวิทยาศาสตร์ จึงสามารถทำให้ความหวาดวิตกของประชาชนลดลงและกลับสู่ภาวะปกติได้ แต่ถึงกระนั้น สำหรับพื้นที่ประสบภัยนอกกรุงเทพฯ ซึ่งอยู่นอกเหนือการบริหารจัดการของกรุงเทพมหานคร กลับพบว่าค่อนข้างดำเนินไปเหมือนเป็นการจัดการตามระบบราชการแบบที่แล้วๆ มา จึงเป็นที่น่าเสียดายว่าหากไม่ใช้โอกาสนี้ในการถอดบทเรียนเพื่อออกแบบการรับมือภัยพิบัติทั้งระบบ ในอนาคตหากเกิดเหตุอีก เราก็จะเจอปัญหาแบบเดิมๆ วนเวียนซ้ำไปซึ่งอาจนำไปสู่ความสูญเสียที่มากกว่าเดิมได้”

นายนิติพล กล่าวต่อว่า ภาครัฐควรเป็นเจ้าภาพหลักในการยกเครื่ององค์ความรู้ด้านภัยพิบัติ ทั้งแนวปฏิบัติของภาครัฐเองและสำหรับประชาชน สำหรับภาครัฐอาจนำเอาการบริหารจัดการของกรุงเทพมหานครเป็นต้นแบบ โดยเฉพาะเรื่องการสื่อสารต้องมีความชัดเจน รายงานตามข้อเท็จจริงและรายงายอย่างรอบคอบ ไม่สร้างความตื่นตระหนก ระบบแจ้งเตือนต้องใช้งานได้จริง สื่อของรัฐต้องเป็นกลไกสำคัญในการสื่อสารกับประชาชนที่วางใจได้ ไม่ใช่ปล่อยให้ไปค้นหากันเอาเองในโซเชี่ยลซึ่งอาจไปเชื่อข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือ นอกจากนี้ ภาครัฐจะต้องเตรียมการให้พร้อมในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น เสบียงอาหาร น้ำ ยา ไฟฉาย ต้องมีการกำหนดจุดให้ประชาชนไปรวมตัวกันเมื่อเผชิญเหตุ เช่น สวนสาธารณะต่างๆ เพื่อให้การช่วยเหลือได้ง่าย เป็นต้น

นอกจากนี้ ควรต้องสร้างองค์ความรู้ให้กับประชาชนทุกช่วงวัย วัยเด็กควรมีสอนในโรงเรียน ตั้งแต่การเตรียมถุงยังชีพในสถานการณ์ฉุกเฉินให้พร้อมไว้ในบ้านสำหรับการหยิบฉวยได้ง่ายทุกเวลา การเอาตัวรอดจากภัยพิบัติรูปแบบต่างๆ เช่น กรณีแผ่นดินไหวหากอยู่ในอาคารชั้นสูง ไม่สามารถออกมากลางแจ้งได้ง่าย ควรหลบอยู่ใต้โต๊ะเพื่อป้องกันเศษปูนเศษกระเบื้องที่อาจหล่นลงมาได้ ให้รอจนแผ่นดินเริ่มสงบแล้วจึงค่อยรีบออกมาอย่างมีสติ เพราะหากรีบออกมาในช่วงเกิดเหตุท่ามกลางความวุ่นวายก็อาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายกว่า นอกจากนี้ ในเด็กโตอาจสามารถฝึกให้ปฐมพยาบาลเบื้องต้น การ CPR หรือปั๊มหัวใจเพื่อกู้ชีพ ซึ่งกระบวนการเหล่านี้นอกจากการเรียนรู้แล้ว ต้องหมั่นซ้อมอย่างจริงจังจนสามารถปฏิบัติได้อย่างเคยชิน ไม่ตื่นตระหนกเมื่อเกิดเหตุ

สำหรับวัยผู้ใหญ่ นอกจากทักษะในการช่วยเหลือตัวเองแล้วอาจต้องมีทักษะในการช่วยเหลือผู้อื่น โดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุที่ยังช่วยเหลือตัวเองได้ไม่ดีพอ และจะต้องมีทักษะในการสังเกต ประเมินความเร่งด่วนของสถานการณ์ การตัดสินใจเพื่อสามารถเอาตัวรอดจากสถานการณ์และช่วยชีวิตคนอื่นๆ ได้

“อยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการยกเครื่องการรับมือภัยพิบัติ เพราะปัจจุบันและในอนาคตเราอาจเจอสถานการณ์ที่ไม่รู้จักและมีความรุนแรงมากกว่านี้อีกก็ได้ เราจึงจำเป็นต้องมีองค์ความรู้และหมั่นฝึกฝนจนชำนาญ แน่นอนว่าเราอาจไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดได้ แต่เราลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้ สิ่งสำคัญคือต้องมีเจตจำนงที่แน่ชัดที่จะทำ จากวันนี้เราไม่ควรจะต้องกลับไปนับหนึ่งใหม่อีกแล้ว สึนามิเราก็เจอมาแล้ว มหาอุทกภัยก็เจอมาแล้ว โควิดก็เจอมาแล้ว ครั้งนี้เจอแผ่นดินไหว แต่หลังจากเราจะต้องไม่เหมือนเดิมวนกลับไปนับหนึ่งเหมือนที่แล้วๆรอ ดังนั้น ในเดือนเมษายนนี้ แม้อากาศจะร้อนแต่เรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ท่านไม่ต้องรีบร้อน กลับไปศึกษาให้ดีก่อนก็ยังทัน แต่สิ่งสำคัญที่เราควรคุยกันภายในสมัยประชุมสภานี้ ผมคิดว่าเป็นเรื่องการถอดบทเรียนแผ่นดินไหวเพื่อยกเครื่องการรับมือภัยบัติให้สามารถนำปฏิบัติใช้อย่างจริงจังให้เร็วที่สุด ผมคิดว่ารีบคุยกันตอนนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนอย่างยิ่ง” นายนิติพล ระบุ
กำลังโหลดความคิดเห็น