"อุเมส ปานเดย์" ผู้แทนการค้าไทยซึ่งรับผิดชอบดูแลภูมิภาคอาเซียน ได้จัดการประชุมกับภาคธุรกิจในเวียดนาม เพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์และผลผลิตทางการเกษตรของไทย พร้อมทั้งมุ่งมั่นที่จะผลักดันมูลค่าการค้าสองฝ่ายให้ถึง 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในระหว่างการเยือนนครโฮจิมินห์และกรุงฮานอย ซึ่งนายอุเมสได้หารือกับภาคธุรกิจเพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์ไทยซึ่งสินค้าที่ผลิตในประเทศไทยถือว่าเป็นสินค้าที่มีคุณภาพสูง ในสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
นายอุเมสฯ ได้เข้าร่วมเปิดงาน Mini Thailand Week ณ เมืองไห่ฟง ซึ่งจัดโดยสำนักงานส่งเสริมการค้า
ในต่างประเทศ ณ กรุงฮานอย โดยนายอุเมสได้ขอบคุณประชาชนชาวเวียดนามที่มีความเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้าที่ผลิตในประเทศไทย และให้สัญญาว่าจะเพิ่มมูลค้าการค้าต่อไป โดยได้กล่าวในพิธีเปิดงานว่าการค้าสองฝ่ายระหว่างไทยและเวียดนามปัจจุบันอยู่ที่ 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดหวังว่าจะบรรลุเป้าหมาย 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2569 ซึ่งเป็นปีที่ไทยและเวียดนามฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตครบ 50 ปี
ในระหว่างการประชุมต่างๆ กับภาคธุรกิจ นายอุเมส ได้พยายามมองหาวิธีเพิ่มการส่งออกผลไม้ไทยและอาหารแปรรูปในเวียดนาม ซึ่งยังคงมีภาพลักษณ์ที่ดีต่อสินค้าที่ผลิตในประเทศไทย โดยเวียดนามเป็นประเทศที่มีประชากร
วัยหนุ่มสาว และการเติบโตทางเศรษฐกิจทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อผลไม้ไทย อาหารแปรรูป และสินค้าอุปโภคบริโภค จึงได้เข้าพบหารือกับเอ็มเอ็ม เมกา มาร์เก็ต ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกและค้าส่งรายใหญ่ในเวียดนาม ซึ่งมีความพร้อมสนับสนุนซื้อผลไม้ ผลไม้แห้ง และผลิตภัณฑ์ผลไม้ เช่น น้ำผลไม้จากประเทศไทยมากขึ้นและในระหว่างการเยือน นายอุเมส ได้ขอให้ผู้ค้าปลีกไทย เช่น เอ็มเอ็ม เมกา มาร์เก็ต (หน่วยธุรกิจของบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน)) และเซ็นทรัล รีเทล เวียดนาม (หน่วยธุรกิจของบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)) ช่วยส่งเสริมสินค้าไทยมากขึ้น โดยเฉพาะผลไม้ไทยที่เป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคในเวียดนาม
นอกจากนี้ นายอุเมสยังได้เยี่ยมชมบริษัทไทยที่ลงทุนในเวียดนามในหลายภาคส่วน อาทิ พลังงานทดแทน (บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) บริษัท กันกุล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี จำกัด (มหาชน)) นิคมอุตสาหกรรม (บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) และบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)) และนักลงทุนรายใหญ่ของไทยในเวียดนาม คือ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งนายอุเมสได้รับฟังทั้งข้อดีข้อเสีย ความต้องการ ตลอดจนอุปสรรคปัญหาต่างๆ ที่นักลงทุนเหล่านี้ประสบ และให้คำมั่นว่าจะให้การสนับสนุน และช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาบางประการที่บริษัทเหล่านี้กำลังเผชิญในการดำเนินธุรกิจต่อไป